4 ไม่ใช่องค์หญิง
อิงหลานที่รู้สึกว่าควรพอได้แล้วทำท่าจะลุกหนี แต่กลายเป็นว่าเมิ่งจินหยวนรั้งนางกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง
“ข้าบอกว่าอย่าเอาเปรียบกัน” เมิ่งจินหยวนกดร่างเล็กบอบบางลงนอนกับพื้น สองมือกับจับแขนนางกดเอาไว้ทำให้คนตัวเล็กหนีไปไหนไม่รอด
“แต่..ข้าหายแล้ว” นางรีบบอก
“เจ้าหายแล้ว แล้วข้าเล่าจะทิ้งไว้แล้วเอาตัวรอดไปเพียงลำพังงั้นหรือ” สายตาคมจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไม่ยอมมองหน้าเขา ท่าทางของนางเขินอายราวกับลูกแมวตัวเล็ก ๆ มองนางจากมุมนี้ช่างน่ารักยิ่งนัก
“ละ แล้วต้องทำอย่างไร” อิงหลานพูดแทบไม่เป็นภาษา แม้ในใจจะรู้ดีว่าทำอย่างไรจึงจะช่วยเขาได้ นางแกล้งเฉไฉไปเรื่อย
เวลานี้คนตัวเล็กสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่จดจ่ออยู่ตรงเรือนกายส่วนล่างของนาง ความแข็งขืนของเขาถูไถอยู่ด้านนอก สร้างความรู้สึกวาบหวามให้นางไม่รู้จบ
“ได้หรือไม่” เมิ่งจินหยวนถามนางอีกครั้ง
ครานี้เขาไม่รอคำตอบจากนางโน้มกายจูบนางอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ ดันส่วนร่างเข้าหาร่างกายนุ่มนิ่มของนาง
“เจ็บ...บะ เบาหน่อย” อิงหลานบอกแก่เขา ความรู้สึกเจ็บเหมือนถูกแยกร่าง น้ำตาของนางไหลอาบแก้ม นี่เป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าครั้งแรกที่จำความได้เลย มันทั้งเสียวทั้งทรมาน
“ทำตัวสบาย ๆ อย่างเกร็ง” เขากระซิบข้างหู ช่องทางรักของนางคับแน่น โชคดีที่ก่อนหน้าเขาเล้าโลมนางจนสามารถกดบดเบียดเข้าไปได้ง่ายขึ้น
เมิ่งจินหยวนรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีมักจะเจ็บเขาจึงตั้งใจทำให้นางเสียวซ่านถึงขีดสุดเสียก่อน คนตัวสูงกดแท่งอุ่นร้อนค้างเอาไว้ครึ่งลำ เขาจูบนางอีกครั้ง มันร้อนแรงดุดันราวกับเปลวเพลิง
จนกระทั่งนางเผลอเขาจึงกดความแข็งแกร่งเข้าไป ขยับเข้าออกบดเบียดอย่างเชื่องช้าเพื่อให้ช่องทางรักของนางปรับตัวให้ได้ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนแรกรู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อปรับตัวได้ความเจ็บก็เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านสุขสม อิงหลานร้องครางลั่นไม่เป็นภาษา คนตัวเล็กสอดมือโอบกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น ความสุขสมที่เขามอบให้ยากที่นางจะต้านทาน
เขาขยับเข้าออกขึ้นลงตามแรงปรารถนา คนตัวเล็กดูเหมือนจะถึงฝั่งอีกครั้ง เมิ่งจินหยวนรู้สึกพอใจในผลงานของตัวเอง
“พะ พอหรือยัง” อิงหลานถามเมื่อเห็นว่าเขาหยุด
“อย่าพึ่ง ข้าแค่ให้เจ้าพักเหนื่อยเฉย ๆ” พูดจบเขาก็กดสะโพกโยกเป็นจังหวะอีกครั้ง สองมือก็บีบขยำทรวงอกอวบอิ่มที่ขยับไปตามจังหวะ เวลานี้เขาถึงพึ่งสังเกตว่าที่ต้นขาของนางมีคลาบเลือดแห่งความบริสุทธิ์
“องค์หญิงเจ้าเป็นของข้า”
คนตัวสูงเริ่งจังหวะกดสะโพกครางรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และครั้งนี้ทั้งเขาและนางก็ถึงเสร็จสมไปพร้อม ๆ ก่อนจะถอดถอนมังกรตัวเขื่องออกจากช่องทางรักของนางแล้วปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นไปบนร่างกายนุ่มนิ่ม
อิงหลานหอบหายใจถี่ นางเหนื่อยแล้ว สมองไม่คิดเรื่องอะไรแล้ว คนตัวเล็กจึงค่อย ๆ จมสู่ห้วงแห่งนิทรา
เวลานี้นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เขามอบความสุขสมให้อย่างไม่รู้จบสิ้น กับผู้อื่นเขาทำเพียงแค่ให้มันจบ ๆ ไปไม่ได้รู้สึกสนุกหรือหลงใหลไปความปรารถนาเหล่านั้น
แต่กลับสตรีตัวเล็ก ๆ นี่ ทำให้เขาเกิดอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนได้อย่างน่าอัศจรรย์
เมิ่งจินหยวนบรรจงทำความสะอาดร่างกายนุ่มนิ่มของนางอย่างเบามือ บรรจงเช็ดทุกสัดส่วนวนเวียนอยู่ตรงส่วนนั้นของนางอยู่เนิ่นนาน จนส่วนนั้นมีน้ำหวานใสไหลออกมาอีกครั้ง
นางสวยเกินไปและหอมเกินไปเขาอดทนไม่ไหวก้มลงจูบกลีบเนื้อที่ปิดสนิทของนางอย่างห้ามใจไม่ได้ มังกรตัวเขื่องที่เพิ่งสงบไปเกิดอาการแข็งขืนขึ้นมา คนตัวสูงไม่รอช้าจับมันจดจ่อบดเบียดเข้าหาสะโพกอวบอิ่มขยับเข้าออก
อิงหลานที่หลับไปแล้วเกิดความรู้สึกคล้ายกับฝันนางปล่อยให้เขาดำเนินการต่อไปโดยไม่ได้ร้องห้าม ร่างอรชรขยับเข้าหาเขาบดเบียดไปตามสัญชาตญาณ เมิ่งจินหยวนพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังจูบซับไปถึงร่องรอยตราประทับที่อยู่บนร่างกายแบบบาง
จนเสร็จสมเขาจึงลุกขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายของนางอีกครั้งก่อนจะนอนหลับไปพร้อม ๆ กัน
รุ่งเช้าของอีกวัน อิงหลานตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว คนผู้นั้นยังคงนอนกอดนางไว้แน่นและดูท่าแล้วเขาคงไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ
“ถ้าเจ้ายังดิ้นอยู่อีก ข้าจะพาเจ้าทบทวนความทรงจำเมื่อวาน” คำขู่ของเขาได้ผลนางยอมนอนนิ่ง ๆ ไม่ขยับกายอีกครั้ง
“ข้าต้องกลับบ้าน ป่านนี้ท่านแม่คงเป็นห่วงข้ามากแล้ว” อิงหลานนึกถึงแม่บุญธรรมของนางป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร คงเป็นห่วงนางจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
“เดี๋ยวช่วงสาย ข้าไปส่งเจ้าที่วังหลวงดีหรือไม่” เขาเสนอเวลานี้ยังอยากนอนกอดนางนานขึ้นอีกหน่อย อย่างน้อยตอนที่มีนางอยู่ด้วยเขาก็ไม่ปวดหัว
ตอนเขาพูดถึงวังหลวงอิงหลานจึงนึกสงสัย เขารู้ได้อย่างไรว่านางเป็นองค์หญิงกัน แม้ชาติกำเนิดสูงส่งแต่เวลานี้นางไม่ใช่องค์หญิงไม่เคยได้รับการแต่งตั้งใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งพิธีปักปิ่นของหญิงสาวนางยังไม่เคยเข้าร่วม
“ข้าไม่ใช่องค์หญิง” คนตัวเล็กปฏิเสธ นางดิ้นรนออกจากการกอดกุมของเขาจนตกเตียง
เมิ่งจินหยวนมองตามร่างเล็ก ๆ ที่กองอยู่กับพื้น ก็เห็นกันอยู่ว่านางมีตราประทับของราชวงศ์ มันจะปรากฏชัดขึ้นเมื่อถึงวงรอบที่กำหนด ทำไมนางจึงยังดื้อดึงปฏิเสธ
“เหตุใด เจ้าจึงไม่ยอมรับว่าเป็นเชื้อพระวงศ์” เขาถามหาเหตุผล
คนงามรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ตามบทที่นางเขียนเอาไว้ นางจึงพูดไปตามที่ใจนางอยากพูด อิงหลานกระชับเสื้อคลุมบางเบานั่นให้ปกปิดร่างกายตัวเองก่อนเหยียดกายยืนขึ้น
“ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่มีอะไรต้องตอบ ลองไปถามองค์จักรพรรดิดู ตรวจดูรายนามเชื้อพระวงศ์ ท่านจะไม่เห็นชื่อข้าปรากฏอยู่ในนั้นเพราะข้าไม่ใช่” คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
แววตาท่าทางของนางดูจริงจังไม่คล้ายกับพูดเล่นยามที่พูดว่าตนไม่ใช่องค์หญิง มีความสั่นเครือเจืออยู่ในน้ำเสียง เมิ่งจินหยวนจึงเชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่งว่านางไม่ใช่
“งั้นหรอกหรือ” เมื่อนางยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากที่นางบอกไปว่าไม่ใช่องค์หญิง ก็ดูเหมือนชายผู้นั้นจะผิดหวังที่สตรีที่เขาร่วมหลับนอนเมื่อคืนไม่ใช่ดังเช่นที่เขาต้องการ อิงหลานรู้สึกเจ็บปวด คนผู้นั้นคงผิดหวังมากสินะ หากเขาเป็นตัวละครอ๋องใดอ๋องหนึ่งของนาง พวกนั้นล้วนเป็นตัวร้ายทั้งหมด
นางจ้องมองไปที่ใบหน้าเย็นชาของเขา
“ปล่อยข้ากลับไปได้หรือยัง” อิงหลานถาม
“งั้นถ้าเจ้าไม่ใช่องค์หญิง งั้นก็กลับไปเองข้าไม่เสียเวลาไปส่ง”
พูดจบเขาก็ลุกจากเตียงหมุนกายออกไปทันที เสื้อผ้าเหม็นเน่าของนางถูกเขาเตะคืนกลับมา อิงหลาน แทบอยากจะร้องไห้ วิบากกรรมของนางเริ่มขึ้นจากนี้ไปใช่หรือไม่