บทที่ 12 ตามหาคนร้ายให้พบ
เขามองที่เทพกาลเวลา เทพผู้นี้มีอภิสิทธิ์ในร่างของเฉียนเฟยเฟยแล้ว เทพกาลเวลาจึงได้พยักหน้า
“ได้ เช่นนั้นข้าอนุญาตแต่เวลาไม่คอยผู้ใด เจ้าทั้งสองต้องช่วยกันตามสืบหาคนร้าย อีกทั้งยังมีเวลาในการหาคนร้ายเพียงหนึ่งร้อยวันเท่านั้น หากพ้นวันนี้ไปห่วงของเฉียนเฟยเฟยไม่สามารถหลุดพ้นนางจะไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำต้อย ส่วนเจ้าอี้เฟยนั้นวิญญาณของเจ้าก็จะสลายทันใด ภายใต้เงื่อนไขอีกหนึ่งข้อ”
“เงื่อนไขใดหรือเจ้าคะ”
นางเอ่ยถามทันใด
“อย่าบอกโจวเจี๋ยหลุนว่าเจ้าคือผู้ใด และเขาต้องรักเจ้าด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่ใช่รักเจ้าเพราะเจ้าคือเจ้าอี้เฟย หากทำไม่ได้ก็เตรียมสูญสลายได้เลย”
“แล้วข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าในใจของท่านพี่มีข้าแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องห่วง เมื่อครบหนึ่งร้อยวันวิญญาณของเจ้าก็จะออกจากร่างของเฉียนเฟยเฟยและในยามนั้นก็มีเพียงน้ำตาของโจวเจี๋ยหลุนเท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้”
“น้ำตาหรือเจ้าคะ”
เจ้าอี้เฟยยังไม่เข้าใจ
“ใช่น้ำตาแห่งรักแท้ที่เขายินยอมหลั่งให้เจ้า มีเพียงสิ่งนี้ที่จะดึงรั้งเจ้าและโจวเจี๋ยหลุนเอาไว้ได้”
เพียงฟังคำนี้จบสิ้น วิญญาณของเจ้าอี้เฟยก็คล้ายจะถูกดูดเข้าไปในร่างของเฉียนเฟยเฟย
สติของเจ้าอี้เฟยจึงดับวูบในที่สุด
หนึ่งเดือนต่อมา
“แม่คิดว่าผมว่างขนาดนั้นเหรอครับ” เสียงหัวเราะสดใสของผู้เป็นมารดาดังออกมาจากโทรศัพท์ทันทีที่เขาพูดจบ
“เด็กดีของแม่ ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะครับ คนไข้แค่คนเดียวแม่ขอแล้วกัน แม่ไม่มั่นใจคนอื่น”
“แม่ครับในโรงพยาบาลของเราเป็นที่รวมของหมอมือหนึ่งของประเทศและเรียกว่าเป็นมือดีของโลกก็ได้ แม่พูดแบบนี้ใครรู้เข้าเขาจะคิดยังไงครับ”
“ไม่รู้ล่ะ ลูกต้องดูแลเฟยเอ๋อจนกว่าเธอจะหายดี เธอน่าสงสารมากนะลูก พ่อแม่ก็ตายตั้งแต่เด็กมีคู่หมั้นก็เฮงซวยไม่เคยมาดูแลเลย ตอนแม่ไปอเมริกาเธอก็ดูแลแม่อย่างดี เสี่ยวเจี๋ยช่วยแม่หน่อย หากออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็พามาพักอยู่ที่บ้านเรา แม่ไม่ไว้ใจให้ไปอยู่ที่อื่น”
โจวเจี๋ยหลุนวางสายจากมารดา เขาไม่ได้รับคนไข้มานานมากแล้วตั้งแต่นั่งตำแหน่งประธานบริหารเครือโรงพยาบาล แต่เขาก็ไม่สามารถขัดแม่ได้
ตั้งแต่เขากลับมาที่นี่คนเดียวโดยไร้เจ้าเว่ยเขารู้ว่าแม่เสียใจมากแค่ไหน จึงได้แต่พยายามตามใจเธอให้มากที่สุดเพื่อชดเชยความคิดถึงน้องสาวของมารดา
ณ โรงพยาบาลโจวกรุ๊ป
เจ้าอี้เฟยพยายามกินอาหารเพื่อเพิ่มน้ำหนัก และออกกำลังกายตามที่แพทย์แนะนำอย่างตั้งใจ
ร่างกายซึ่งผ่ายผอมมีเพียงหนังหุ้มกระดูกกลับมีผิวนุ่มนิ่มบอบบางเข้ามาห่อหุ้ม ทำให้เจ้าอี้เฟยพอใจเป็นอย่างมาก
ทั้งอ้วนขึ้นทั้งแข็งแรง ดีใจจังเลย
เฉียนเฟยเฟยนั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าเจ้าอี้เฟยที่กำลังเดินลมปราณอย่างเงียบกริบ เธอเรียนรู้ว่าจอมยุทธ์หญิงจากยุคโบราณคนนี้กำลังทำอะไร และระหว่างนั้นก็ห้ามกวนสมาธิ
ผู้หญิงทั้งสองคน คนหนึ่งมีเลือดเนื้อคนหนึ่งเป็นเพียงวิญญาณแต่ก็สามารถพูดคุยกันได้ราวกับเป็นคู่แฝดที่คลอดออกมาจากท้องเดียวกัน
ร่างกายของเฉียนเฟยเฟยฟื้นได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเพราะพลังทิพย์ของเทพกาลเวลาที่แบ่งให้เฉียนเฟยเฟย
ถึงจะเป็นพลังอันน้อยนิดเท่าขี้เล็บ แต่สำหรับร่างกายของมนุษย์ผู้หนึ่งที่ได้รับมาทำให้ร่างกายของเฉียนเฟยเฟยหายเร็วจนหมอต้องประหลาดใจ
“พลังของเทพหากมนุษย์ใช้ย่อมมีขีดจำกัด บางครั้งภายในของเจ้าอาจจะปั่นป่วนอีกทั้งแขนขาอ่อนแรง ในช่วงเวลานั้นอาจเกิดขึ้นได้ดังนั้นระวังให้มากเข้าใจหรือไม่”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะระวัง”
ความน่าอัศจรรย์ของพลังเทพ ยังช่วยรักษากระทั่งโรคร้ายต่าง ๆ ที่มีอยู่ก็หายไปชั่วพริบตา เจ้าอี้เฟยที่อยู่ในร่างนี้ยังสามารถเดินลมปราณใช้พลังภายในได้อีกด้วย
หลังจากฟื้นขึ้นมาเฉียนเฟยเฟยก็สอนเจ้าอี้เฟยหลายเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอจึงเรียนรู้ได้มาก
และความทรงจำของเฉียนเฟยเฟยนั้น เจ้าอี้เฟยก็รับรู้ได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดล้วนอยู่ในสมองของนางแล้ว
ดังนั้นการปรับตัวจึงไม่เป็นเรื่องยากอย่างที่เจ้าอี้เฟยคิด