บทที่ 11 ไม่อาจจากไปได้
โจวเจี๋ยหลุนตรวจร่างกายคนไข้เรียบร้อย สีหน้าของเขาตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาตะโกนหลายคำออกมาที่เจ้าอี้เฟยฟังไม่เข้าใจ นางไม่ได้หลบหลีกเมื่อท่านหมอพวกนั้นวุ่นวาย นางเห็นโจวเจี๋ยหลุนกดมือลงบนอกของสตรีผู้นั้น
กระทั่งเอาของบางอย่างนาบที่ร่างของนางผู้นั้นจนร่างนั้นกระตุก
เจ้าอี้เฟยเดินไปดูใกล้ ๆ รู้สึกสงสารร่างกายผอมจนมีแต่หนังหุ้มกระดูกของสตรีผู้นี้
สงสารจนต้องหลั่งน้ำตา ใบหน้านี้ช่างดูทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นร่างกายที่ท่านเทพกาลเวลาบอกว่านางต้องใช้หรอกหรือ
ทำไมช่างน่าสงสารเช่นนี้ หาได้มีความงดงามแล้วเช่นนี้นางจะใช้ยั่วยวนท่านพี่ได้อย่างไร
เจ้าอี้เฟยรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง แต่คิดไปคิดมาไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นเช่นไร หากนางยอมสละร่างให้เจ้าอี้เฟยแล้ว เพราะฉะนั้นถือเป็นผู้มีพระคุณ
เจ้าอี้เฟยจะคิดล่วงเกินไม่ได้เป็นอันขาด
แต่วันหน้านางต้องใช้ร่างกายนี้กับท่านพี่ เจ้าอี้เฟยจึงรู้สึกหน้าแดงและอับอายอยู่ไม่น้อย
นางจะทำลงหรือ ในเมื่อไม่ใช่ร่างของนางเอง
เจ้าอี้เฟยสัญญาว่าจะทะนุถนอมร่างนี้ให้ดีที่สุด และทำให้ร่างนี้อ้วนท้วนแข็งแรงขึ้นมาในเร็ววัน
โจวเจี๋ยหลุนรวมทั้งท่านหมอหลายคนในชุดขาวยืนรายล้อมรอบร่างของนางพร้อมคุยกันในสิ่งที่เจ้าอี้เฟยไม่เข้าใจ
ชั่วครู่ต่อมาก็เกิดเสียงจากเครื่องๆ เล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างเตียงดังขึ้นต่อเนื่อง ยมทูตขาวและยมทูตดำได้ไปยืนอยู่ที่ปลายเตียงของสตรีผู้นั้นอย่างว่องไวและกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ดูน่าหวาดกลัวยิ่ง
“ผู้ตายนามเฉียนเฟยเฟย.......”
หลังจากกล่าวคำยืดยาว ยมทูตขาวเขียนบางอย่างลงในบันทึกที่เขียนแล้วหมึกหายลับไป พวกเขาขานนามของหญิงผู้นั้นสามครั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อจบการขานชื่อครั้งที่สาม วิญญาณของเฉียนเฟยเฟยลอยออกจากร่างอย่างล่องลอยคล้ายยังไม่รู้สึกตัว
เจ้าอี้เฟยมองเทพกาลเวลา คนผู้นั้นเพียงแต่ผายมือแล้วกระซิบกับนางเบา ๆ
“เจ้ารอให้ยมทูตทั้งสองสลับวิญญาณก่อน หากนางอนุญาตเจ้าก็สามารถใช้ร่างของนางได้ เป็นการช่วยวิญญาณยืมร่างกายหลังจากเข้าร่างนี้เจ้าอย่าได้คิดมาก ใช้ให้คุ้มอย่างไรร่างกายนี้ก็กลายเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์แล้ว”
วิญญาณที่เพิ่งตายลอยมาหยุดตรงหน้ายมทูตขาวดำ เขามองวิญญาณของเฉียนเฟยเฟยแล้วกล่าวต่อไปว่า
“เจ้าอี้เฟยมีวาสนาใช้ร่างกายของเฉียนเฟยเฟยโดยแลกกับการไปเกิดใหม่ในชาติหน้ากับบุคคลที่มีวาสนาย่อมโชคดี ไม่ตกทุกข์ลำบากเหมือนในชาตินี้เป็นแน่ แต่เจ้าต้องเอ่ยปากยินยอมเสียก่อนวิญญาณของเจ้าอี้เฟยจึงจะสามารถยืมร่างกายของเจ้าและใช้ชีวิตต่อไปได้”
เฉียนเฟยเฟยหันมามองเจ้าอี้เฟย นางดูไม่ตกใจแม้แต่น้อยเรื่องความตายสำหรับคนที่เพิ่งตายนั้น เจ้าอี้เฟยรู้ดี หลังจากนางตายนางก็พลันเข้าใจทุกเรื่องโดยไม่มีผู้ใดต้องบอกแม้แต่นิดเดียว
เฉียนเฟยเฟยก็คงเช่นกัน คงเป็นความสามารถพิเศษของวิญญาณกระมัง วิญญาณทั้งสองดวงอันที่จริงตายในเวลาเดียวกันเพียงแต่คนละภาพชาติกัน และเทพกาลเวลาได้นำเจ้าอี้เฟยมาพบเฉียนเฟยเฟยในเวลาที่นางตายนั่นเอง
พวกนางต่างมองหน้ากันฉับพลันก็เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ขึ้น
พลันเกิดเส้นด้ายวาสนาสีแดงคล้องเกี่ยวเข้าที่มือของพวกนางทั้งสอง
“โอ้ วิญญาณของพวกเจ้ามีวาสนายิ่ง เฉียนเฟยเฟยรับรองนางจะใช้ร่างกายของเจ้าอย่างดีเลยล่ะ ไม่ต้องกังวลไป”
เทพกาลเวลาเอ่ยอย่างพึงใจ รู้สึกว่าตนเองเก่งกาจยิ่งที่สามารถเลือกคนที่คู่ควรได้เพียงนี้
“ฉันยินยอมโดยมีข้อแลกเปลี่ยนสักหนึ่งข้อได้หรือเปล่าคะ”
ในที่สุดเฉียนเฟยเฟยก็เอ่ยปาก นางในตอนนี้หาได้มีร่างกายซูบผอม กลับมีสัดส่วนที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าอิ่มเอิบดวงตากลมโต ริมฝีปากบางเฉียบ ผิวพรรณนวลผ่องคล้ายมีแสงส่องประกายออกมา
ดูไปดูมาก็คล้ายเจ้าอี้เฟยอยู่หลายส่วน เกือบจะเป็นคู่แฝดกันก็ว่าได้
“เรื่องอันใดโปรดบอกข้าเถิด”
เจ้าอี้เฟยเอ่ยถาม
“ช่วยตามจับคนร้ายให้ฉันที ฉันยังไปไหนไม่ได้หรอกถ้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าฉัน”
ยมทูตขาวเอ่ยขึ้น
“ยังมีห่วงอยู่หรือ”
“ค่ะ”