ตอนที่ 3
ไหมฟ้าเดินนำไปยังจุดที่คนมุงดู ตรีนาฎขมวดคิ้ว ได้ยินเสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ ผู้คนเริ่มแหวกออก สาวในชุดนักศึกษารัดรูปกำลังตบตี จิกผมกระชากกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คนตบกันเหรอนี่” ตรีนาฎมองดูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไม่รู้มีเรื่องอะไรกัน ไม่อายคนอื่นบ้างเลย” ไหมฟ้าบ่น แล้วส่ายหน้าด้วยความสมเพช
ผู้คนเริ่มแหวกทางออก เมื่อมีชายหนุ่มรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกในละครไทย ตรีนาฎจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา แต่มันก็ไม่แปลกในเมื่อวิวัฒนาการมันล้ำหน้าไปมากแล้ว ผู้ชายหน้าหล่อ หรือผู้หญิงสวยๆ ผ่านมีดหมอได้ทั้งนั้น แต่พอพิจารณาผู้ชายคนนี้แล้ว คิ้วยาวเรียว ริมฝีปากหยักได้รูป จมูกโด่ง ดวงตาเรียวคม ดูแล้วนึกว่าดารามาเยือนมหาวิทยาลัยเสียอีก
หัสดินทร์ยืนนิ่งมองสองสาวกำลังตบตีกัน แล้วเหลือบมองเพื่อนที่ตามเขามาที่นี่
“แกกล้าดียังไง ถึงโกหกว่านอนกับขุนพลแล้ว!” สาวมือตบตะโกนลั่น
“แกรู้ได้ไงว่าฉันโกหก ในเมื่อแกไม่ได้ไปอยู่กับฉันบนเตียงด้วยนี่!” อีกคนต่อปากต่อคำ
คนต้นเหตุส่ายหน้าอย่างระอา น่าเบื่อ ผู้หญิงแบบนี้เขาแทบอยากหนีออกห่าง ชายหนุ่มหันกายกลับเพื่อหนี ทว่าเพื่อนรั้งต้นแขนไว้
“ขุนพลไปแยกหน่อยเถอะ มันน่าอาย ดูสภาพสิโป๊หมดแล้ว คนก็เยอะแยะที่โรงอาหารเนี่ย!”
“ทำไมฉันต้องทำด้วย ในเมื่อสองคนนั้นหาเรื่องกันเอง แถมฉันก็ไม่เคยไปยุ่งด้วยเลย” เขาตอบน้ำเสียงเบื่อหน่าย อยากหนีไปให้พ้นจากตรงนี้
สองสาวตบกันอยู่เมื่อได้ยินเสียง เลยแหงนมอง ฉีกยิ้มกว้างสีหน้ายินดี
“พี่ขุนพล!” สองคนร้องพร้อมกัน ปรี่เข้ามาหา
ชายหนุ่มถอยห่าง ยกมือกั้นเอาไว้ สีหน้าเคร่งเครียด
“อย่ามายุ่งกับผมดีกว่า!” บอกเสียงเข้ม แล้วกวาดตามองสภาพสองคน “เลิกตบกันเถอะ ผมว่าไร้สาระ เอาเวลาไปเรียนหนังสือให้จบ เสียดายเงินแทนพ่อแม่ ไม่ต้องเสียสละตบกันเพื่อแย่งผมหรอก บอกไว้เลยว่าผมไม่เลือกใครสักคน!” ตัดบทแล้วเดินเลี่ยงออกไป
สองสาวยืนนิ่งงัน ดวงตาเบิกกว้างราวกับถูกหินหล่นทับ ยกมือปิดหน้าทรุดกองกับพื้นปล่อยโฮ นักศึกษาเลยพากันแยกย้ายออกไป ตรีนาฎมองแผ่นหลังชายคนนั้นแล้วเบ้ปาก น่าหมั่นไส้ชะมัดยาก
“ไปเถอะไหม” เธอบอกเพื่อนแล้วเดินนำเข้าสู่โรงอาหาร
ไหมฟ้าเหลือบมองเพื่อน ขณะจิ้มผลไม้เข้าปาก งานพิเศษของดอกหญ้าเธอรู้ว่าคืออะไร และเข้าใจว่าเพื่อนต้องทำงานหนักเพื่อรักษาบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่จากแม่ ตอนนี้มันติดจำนอง ดอกหญ้าต้องส่งเงินจำนวนมากทุกเดือน
“วันนี้ทำงานหรือเปล่าดอกหญ้า” ไหมฟ้าถาม แล้วสบตาเพื่อน ความจริงเธอเคยเสนอความช่วยเหลือให้แล้ว แต่ดอกหญ้าปฏิเสธ เพราะอยากลองพยายามด้วยตัวเอง
“ทำจ้ะ แต่ยายบ่นไม่ให้กลับดึก เลยพยายามรับงานให้น้อยลงแล้ว”
“แล้วจะพอจ่ายหนี้เหรอ”
คนถูกถามถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จะพยายามให้พอน่ะ ฉันไม่อยากเสียบ้านหลังนั้นไป”
“เก็บเอาไว้เพื่อระลึกถึงแม่เหรอดอกหญ้า”
แววตาคนฟังหม่นลง มันไม่ใช่แค่นั้น ถึงยายไม่พูดเธอก็รู้ ว่ายายรักบ้านหลังนั้นมาก
“ที่พยายามรักษา เพราะฉันคิดว่ายายกำลังรอใครบางคนอยู่”
ไหมฟ้าพยักหน้ารับรู้ ถึงไม่เข้าใจ ในคำพูดของเพื่อนเท่าใดนัก เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ตรีนาฎยกนาฬิกาข้อมือดู
“เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ คงต้องไปทำงานแล้วล่ะ”
“จ้ะ โชคดีนะ”