บทที่ 3
ตอนที่ซินหยานตกลงไปในน้ำมีพี่ชายที่ไปด้วยในตอนนั้นช่วยไว้ได้ทัน เมื่อซินหยานอายุได้ สิบหกหนาว ก็ได้ช่วยชีวิตท่านแม่ทัพเจ้าไว้ เพราะตลอดเวลาซินหยานนางได้ดูแลท่านแม่ทัพอย่างดี เขาจึงรับนางเป็นอนุ
ซินหยานเมื่ออยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ แม้จะสุขสบาย นอกจากจะเป็นอนุแล้วนางยังเป็นผู้มีพระคุณคอยช่วยเหลือท่านแม่ทัพด้วย แต่นางไม่เคยได้ความรักจากท่านแม่ทัพเลย
ทุกครั้งที่มาค้างที่เรือนของนางก็เหมือนจะมาเพราะถูกฮูหยินเอกบังคับเสียมากกว่า ตลอดชีวิตที่เหลือของนางไม่มีบุตรเป็นของตนเอง เพราะท่านแม่ทัพต้องมีบุตรเพียงแค่ฮูหยินของตนเท่านั้น
จนวาระสุดท้ายของชีวิตซินหยาน นางก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากท่านแม่ทัพเลยสักครั้ง สืออี เมื่อนึกถึงนิยายที่นางอ่าน นางก็ได้แต่ถอนหายใจกับความรักที่โง่เขลาของซินหยาน
ในเมื่อนางมาที่นี่แล้วเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับนางเป็นแน่
"ระบบกำลังประมวลผล" สืออี กระโดดลุกขึ้นจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงปริศนา
นางมองไปทั่วรอบห้องเพื่อหาต้นตอของเสียงที่ได้ยิน แต่ก็หาไม่พบ
"โปรดแจ้งชื่อของคุณ" เสียงดังขึ้นอีกครั้ง สืออีจึงได้รู้ว่าเสียงมาจากในหัวของนางเอง
"สืออี" นางพูดขึ้น
"ไม่มีในสารบบ"
"ซินหยาน" ในเมื่อใช้ชื่อสืออีไม่ได้ นางจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่
"สวัสดีซินหยาน โปรแกรมได้ทำการบันทึกชื่อของคุณแล้ว"
"โปรแกรมอะไร ฉันไม่เข้าใจ" สืออีนั่งลงที่เตียงพร้อมทั้งกัดนิ้วอย่างใช้ความคิด
"โปรแกรม Survivor ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน ภายในระบบมีปัจจัย4 ที่คุณต้องการพร้อมทั้งโกดังเก็บของไว้เรียกออกมาใช้"
สืออีขมวดคิ้วคิด คงไม่ใช้ชิปโปรแกรมที่เธอกลืนลงไปหรอกนะ ภารกิจสุดท้ายที่ให้เธอไปโจรกรรมของ เป็นไปไม่ได้ที่จะติดตามเธอมา ในตอนที่รับงานเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าโปรแกรมชนิดนี้มีประโยชน์อย่างไร
รู้เพียงว่าเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกต้องการครอบครองมัน แต่มันก็เป็นเพียงโปรแกรมที่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ หากสำเร็จจริง ทั่วโลกคงได้ปั่นป่วนแน่นอน
"เป็นอย่างที่คุณคิด แต่คุณจะไม่ได้ทุกอย่างมาโดยง่าย คุณต้องทำภารกิจเพื่อแลกสิ่งที่ต้องการ"
"คุณมีชื่อหรือไม่" สืออีเอ่ยถาม
"เรียกผมว่า เอ่อ ตั้งชื่อให้ผมด้วยครับ" สืออีถอนหายใจอย่างปลงตก
"เชาชื่อ" (ซูเปอร์มาเก็ต)
"ขอบคุณมากขอรับ" เชาชื่อเปลี่ยนคำพูดเพื่อให้เข้ากับยุคโบราณ
"ไหน มีสิ่งใดมานำเสนอบ้าง"
"ภารกิจแรก ท่านต้องทำความรู้จักกับคนในยุคนี้อย่างน้อยสามคน" ไม่ยาก คนในบ้านก็ครบสามคนแล้ว
"แล้วจะได้สิ่งใด"
"ทุกครั้งจะมีให้เลือกสามอย่าง แต่ท่านจะเลือกได้เพียงอย่างเดียวขอรับ" สืออีห่อปาก
"แล้วครั้งนี้มีอะไรบ้าง"
"ข้าวสารสิบชั่ง แป้งสิบชั่ง เนื้อสัตว์สิบชั่ง" สืออีอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
"ทำไมถึงมีเพียงแค่นี้"
"ภารกิจของท่านง่ายขนาดนี้ ท่านจะได้ของดีได้อย่างไร" เชาชื่อเหมือนจะไม่อยากคุยกับซินหยาน ระบบปิดไป ซินหยานต้องออกจากห้องเพื่อไปพบหน้าครอบครัวเสียที
"เอ่อ ท่านแม่มีอะไรให้ข้าช่วยไหมเจ้าคะ" ซินหยานเดินเข้าไปอย่างเก้ๆ กังๆ
"หยานเออร์ เจ้ายังไม่หายดีไปนั่งพักเสีย" ชุยเหมยดันตัวบุตรสาวให้ออกไปจากห้องครัว
"ท่านแม่ท่านไม่ต้องห่วงข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ" ซินหยานเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินเข้าไปช่วยจัดเตรียมอาหาร
ในโลกก่อนมีสิ่งใดที่นางไม่เคยทำบ้าง นางทำด้วยตนเองมาทุกอย่างแล้ว เมื่ออยู่ในบ้านที่ไม่มีอะไรเลย ซินหยานจึงไม่กลัวความลำบาก เมื่อสำรวจข้าวของซินหยานก็รู้แล้วว่านางต้องเลือกสิ่งใด
เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ครอบครัวทั้งสี่คนก็นั่งลงพร้อมหน้าพร้อมตา ซินหยานก็เริ่มนึกคำที่จะพูดแนะนำตัวอย่างไรดี
"ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย พวกท่านชื่ออันใดเจ้าคะ" ซินหยานมองไปที่ทั้งสามที่กำลังมองมาที่นางอย่างประหลาดใจ
"น้องน้อยเจ้าปวดหัวหรือไม่ หรือมีอาการเช่นใดบ้าง ข้า ข้าไปตามท่านหมอมาดีหรือไม่" จางเหลี่ยงเตรียมลุกที่จะไปตามท่านหมอมาดูอาการน้องสาว
"ไม่ต้องเจ้าค่ะ แค่พวกท่านพูดนามออกมาก็พอ"
"แม่ ชุยเหมย" ชุยเหมยชี้ไปที่ตัวเอง นางทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา
"พี่ชาย จางเหลี่ยง แต่เจ้าไม่เป็นอันใดแน่นะ" จางเหลี่ยงยังไม่หายกังวลเรื่องน้องสาว
"ข้าบิดาเจ้า จางเทียน" จางเทียนจ้องมองบุตรสาวอย่างไม่วางตา
"ภารกิจแรกสำเร็จ เชิญท่านเลือกสิ่งที่ต้องการขอรับ" เชาชื่อเอ่ยขึ้น
"หากมีข้าวสิบชั่ง แป้งสิบชั่ง เนื้อสัตว์สิบชั่ง พวกท่านจะเลือกสิ่งใดเจ้าค่ะ" ซินหยานให้ทุกคนได้มีสิทธิ์เลือก เพราะนางอยากจะรู้ความต้องการของแต่ละคน
"ข้าว/ข้าว/เนื้อสัตว์" มีเพียงจางเหลี่ยงที่เลือกเนื้อสัตว์
"เช่นนั้นข้าเลือกข้าวสารสิบชั่ง" เมื่อสิ้นคำของซินหยานข้าวก็ปรากฏตรงหน้านาง
ทั้งสามคนตกตะลึงอ้าปากค้าง จางเหลี่ยงกระโดดลุกจากเก้าอี้ไปยืนหลบที่หลังของบิดา ชุยเหมยก็ตบอกตัวเองเพื่อเรียกสติ จางเทียนนั่งนิ่งแต่จริงๆแล้วเขาอยากจะลุกหนี แต่เท้ายังได้รับบาดเจ็บจึงไม่อาจเคลื่อนตัวได้
"นี่คืออันใดหยานเออร์" ชุยเหมยเอ่ยถามบุตรสาวเมื่อนางสงบสติได้แล้ว
"ข้าจะเล่าให้พวกท่านฟังแต่อย่าได้ตกใจนะเจ้าค่ะ" ซินหยานมองไปที่ทุกคนด้วยสายตาจริงจัง
ทั้งสามเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ซินหยานกำลังจะเล่าคงเป็นเรื่องที่เคร่งเครียดจึงได้ยืดตัวขึ้นเพื่อรอฟัง