วาสนานี้ข้ามิอยากได้

74.0K · จบแล้ว
l3oonm@
51
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ

นิยายจีนโบราณพลิกชีวิตนางเอกเก่งนักฆ่าข้ามมิติระบบปลูกผักจีนโบราณนิยายย้อนยุคสัมพันธ์ครอบครัว

บทที่ 1

สืออีถูกปลุกโดยเสียงโทรศัพท์ ปลายสายจากให้เธอเข้าไปพบหัวหน้าองค์กรโดยด่วน สืออีลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

เธอไม่ได้รับงานมาเกือบเดือนแล้ว เพราะงานในช่วงนี้ขององค์กรมีแต่ระดับล่าง เธอไม่จำเป็นต้องลงมือทำด้วยตนเอง งานแต่ละครั้งที่ได้รับเป็นระดับP (perfect) ค่าตอบแทนที่ได้ก็ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบาย

สืออี ถูกญาติส่งตัวไปอยู่สถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงสามขวบ เพราะสูญเสียบิดามารดาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ญาติทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากจะรับเลี้ยงเธอ

ตอนอายุเจ็ดขวบ ก็มีคนมารับเลี้ยงเพียงแต่เธอถูกเลี้ยงให้เป็นนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน ความสามารถรอบด้าน ทั้งความเฉลียวฉลาดทำให้องค์กรเริ่มจะหวาดกลัวเธอ

สืออีก็รู้ตัวดีว่าอีกไม่นานเธอคงต้องถูกกำจัด จากประสบการณ์ที่ได้รู้เห็นมาจนอายุ ยี่สิบเจ็ดปี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่

สืออียืนอยู่หน้าประตูห้องสีดำสนิทที่คุ้นเคย เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะเคาะประตูเพื่อขอเข้าไปด้านใน

"เข้ามา" เสียงบุรุษสูงวัยเอ่ยอนุญาต

"สวัสดีค่ะ หัวหน้า" สืออีก้มหัวลง

"สืออี ฉันมีงานให้เธอทำ ครั้งนี้ยากเสียหน่อยแต่แลกกับอิสรภาพก็น่าจะนับว่าคุ้มสำหรับเธอ" หัวหน้าโยนแฟ้มข้อมูลงานมาที่ตรงหน้าเธอ

"ได้ค่ะ" เธอแสร้งยิ้มรับ

สืออีเดินถือแฟ้มออกมาจากห้อง เธอยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องพักในองค์กรของเธอ

งานระดับ P อีกสองวันจะมีงานเปิดตัวโปรแกรมลับที่ทั่วโลกต่างจับตามอง องค์กรต้องการให้เธอไปขโมยชิปที่เป็นโปรแกรมหลักของงานนี้

สืออีอ่านข้อมูลและทำความเข้าใจกับแผนที่จนจดจำได้ทั้งหมด เธอต้องทำลายหลักฐานที่ได้มาทุกอย่างทิ้งเพื่อไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้อีก

สองวันต่อสืออีเตรียมตัวพร้อมก็ออกเดินทางไปโรงแรมที่ใช้เปิดตัวโปรแกรมลับ เธอสวมใส่ชุดสีดำสนิท อุปกรณ์ปลดล็อกห้องนิรภัย หรือแม้กระทั่งอาวุธที่ต้องใช้ก็ล้วนแล้วแต่จัดเตรียมไว้พร้อม

ภายในโรงแรมคนคุ้มกันหนาแน่นเสียยิ่งกว่างานเครื่องเพชรระดับโลกที่เธอเคยเข้าไปขโมยมาเสียอีก จะบอกว่าเธอได้รับงานโจรกรรมของมาก็ไม่น้อย ส่วนมากจะเป็นงานเอาชีวิตผู้มีอิทธิพลเสียมากกว่า

สืออีเข้าไปทางช่องระบายอากาศ ที่เธอเลือกช่องทางนี้เพราะสามารถเข้าถึงสถานที่เก็บชิปได้โดยตรง แต่คนคุ้มกันก็หนาแน่นเช่นเดียวกัน

เมื่อออกมาจากช่องระบายอากาศปืนเก็บเสียงในมือก็พร้อมแล้ว นัดแรกพุ่งเข้ากลางศีรษะของผู้คุ้มกัน นัดที่สองสามตามมา เมื่อกระสุนปืนหมดลง มีดสั้นก็ปรากฏขึ้นมาแทน กว่าจะจัดการคนทั้งหมดลงก็เล่นเสียเธอแทบสิ้นเรี่ยวแรงไปด้วย

เมื่อได้ชิปมาแล้ว คนขององค์กรที่รออยู่ก็ชักปืนขึ้นมาจ่อสืออี เป็นไปอย่างที่เธอคิดไว้ ในเมื่ออยากให้เธอตายสิ่งที่องค์กรต้องการเห็นทีก็คงไม่ได้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้สืออีกลืนชิปลงท้องไปแล้ว กระเป๋าในมือก็เป็นชิปที่เธอนั่งอัดด่าองค์กรไว้ให้พวกมันเปิดดูแทน เมื่อสืออีส่งกระเป๋าให้คนขององค์กรแล้ว เสียงปืนที่ยิงมาทางเธอก็ดังขึ้น

สืออีที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็หลบกระสุนนัดแรกได้ แต่ไม่ใช่นัดต่อ ๆ มา เธอตัดสินใจพุ่งตัวลงไปในแม่น้ำแทน หากได้ร่างเธอกลับไปย่อมต้องพาเอาตัวชิปออกมาได้

ใครจะยอมให้ง่ายๆ กัน อยากได้ก็ต้องออกแรงเสียหน่อย คนขององค์กรเมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็ไม่สนใจร่างที่ตกลงไปในแม่น้ำของสืออี รีบร้อนกลับไปรายการกับหัวหน้าทันที

สืออีที่ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง เมื่อเธอตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำ เธอก็เตรียมพร้อมที่จะรับความตายไว้แล้ว

ความเย็นของน้ำในแม่น้ำยามค่ำคืน ทำให้สืออีไม่อาจพยุงตัวเพื่อพาร่างที่บอบช้ำขึ้นริมตลิ่งได้ สายน้ำที่เชี่ยวกรากผลัดพาร่างของสืออีจมลงไปก้นแม่น้ำ

จิตสุดท้ายของสืออีได้แต่โทษโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ ตั้งแต่ที่พ่อแม่เสียชีวิตลง ญาติทั้งสองฝั่งต่างก็โยนตัวภาระเช่นเธอทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์

เมื่อมีคนมารับไปเลี้ยง เธอก็หวังมาโดยตลอดว่าจะพบกับครอบครัวที่ต้องการเธออย่างแท้จริง แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในองค์กรจึงได้รู้ว่าคนที่รับเลี้ยงต้องการเพียงแค่สัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ยอมทำงานถวายชีวิตเท่านั้น

สืออียิ้มเยาะตัวเองก่อนจะหลับตาลงเพราะอากาศที่ใช้หายใจเริ่มหมดไป แม้แต่ยามที่อยู่ใกล้สิ้นใจแล้ว ใบหน้าของเธอก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เสมอ นี่คงเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นเพื่อได้ไปเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่เสียที

สืออีได้ยินเสียงร้องเรียก พร้อมทั้งเขย่าตัวเธอไปด้วย 'ใครกันมาช่วยเธอขึ้นจากน้ำ'

"หยานเออร์เจ้าฟื้นสิลูกรัก" สืออีขมวดคิ้วอย่างงุนงง 'คุณแม่หรือ'

ไม่มีใครเรียกเธอว่า หยานเออร์มานับตั้งแต่ที่ถูกรับไปอยู่ในองค์กร แล้วผู้หญิงที่เรียกชื่อเธออยู่จะไม่ใช่แม่เธอได้อย่างไร

หรือตอนนี้เธอจะอยู่กับคุณแม่บนสวรรค์ แต่เป็นไปไม่ได้ เธอฆ่าคนมานับไม่ถ้วนจะได้ขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร

ในหัวของสืออีประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างไม่เข้าใจ แต่เสียงร้องเรียกชื่อเธอของผู้หญิงและผู้ชายที่อยู่ข้างหูเธอก็ยังคงได้ยินอยู่

"น้องสาวจะเป็นอันใดหรือไม่ขอรับท่านพ่อ" เสียงสะอื้นของเด็กหนุ่มดังขึ้น

'ไม่ เธอไม่มีพี่ชาย เช่นนั้นก็ไม่ใช่ครอบครัวของเธอ แล้วเป็นเสียงของใครกัน' สืออีพยายามเริ่มตาที่หนักอึ้งเพื่อมองเหตุการณ์ที่เธอได้ยิน เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอได้ยินไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเอง

"หยานเออร์เจ้าฟื้นแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์"

สืออีมองไปรอบตัวก็เห็นคนแปลกหน้าที่อยู่ในชุดโบราณ บริเวณที่เธอนอนอยู่เป็นริมแม่น้ำ ในตอนนี้มีสตรี บุรุษ เด็กหนุ่มกำลังโขกศีรษะกับพื้นเพื่อขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมา

'นี่มันเรื่องบ้าบออะไร เกิดอะไรขึ้นกับตัวฉัน' สืออีหมดสติไปอีกครั้งไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อตรงหน้าหรือเป็นเพราะร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป