บทที่ 2
ครอบครัวจางเห็นบุตรสาวที่จมน้ำฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบพาตัวนางกลับเรือนเพื่อไปตามท่านหมอในหมู่บ้านมารักษา ในยามนี้นับว่าจางซินหยานพ้นอันตรายแล้ว
ที่จางซินหยานตกลงไปในน้ำไม่มีผู้ใดพบเห็นเหตุการณ์คงต้องรอให้นางฟื้นขึ้นมาจึงจะสอบถามรายละเอียดได้เท่านั้น
สืออีที่อยู่ในร่างของซินหยานนางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในยามค่ำคืน เมื่อมองไปรอบห้องก็พบว่าห้องที่เธอนอนอยู่มีเพียงเตียงนอนขนาดไม่ได้กว้างไปกว่าตัวเธอสักเท่าใดนัก
ข้างหัวเตียงมีตู้ใบเก่า ๆ ที่น่าจะไว้เก็บเสื้อผ้า ห้องเล็กเพียงนี้ไม่อาจจะนำโต๊ะหรือเก้าอี้เข้ามาวางไว้ด้านในได้ ผนังห้อง เพดานที่ทำจากดินเริ่มมีรอยแตกร้าวให้พบเห็น หลังคาที่เธอเงยหน้าขึ้นมองอยู่ก็ทำมาจากหญ้าแห้ง
ไม่อยากจะคิดว่าหากเกิดพายุฝนหรือหิมะจะมีสภาพเช่นใด หมอนที่ใช้หนุนก็แข็งราวกับหิน เพราะทำมาจากท่อนไม้ เตียงไม้ไผ่ที่มีเพียงผ้าเก่า ๆ ผืนบางปูรองเพื่อเท่านั้น ให้ความรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวยิ่งกว่าเดิม
สืออีลุกขึ้นนั่ง เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่หัวในยามนี้ ทำให้ต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ความทรงจำของร่างเดิมไหลเป็นภาพชีวิตของจางซินหยาน ใบหน้าของบิดามารดา พี่ชาย และเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงเรื่องที่ทำให้เธอตกลงไปในน้ำด้วย
ญาติผู้พี่ จางยู้อวี้ บุตรสาวของลุงใหญ่ พี่ชายของบิดานาง ทั้งคู่ซักผ้าอยู่ที่ริมแม่น้ำ เพราะเป็นเวลาสายแล้ว ชาวบ้านจึงกลับเรือนไปเสียหมดเหลือเพียงทั้งคู่เท่านั้น
"ซักให้ข้าด้วย" จางยู้อวี้โยนเสื้อผ้าของครอบครัวนางมาที่จางซินหยาน
"พี่หญิงท่านซักเองเถิด ของข้าก็มากพอแล้ว" ซินหยานเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันมองยู้อวี้ที่ตอนนี้นางเริ่มมีโทสะแล้ว
"ข้าบอกให้ซักก็ซักเสีย" ยู้อวี้เท้าเอวตวาดเสียงดัง
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่แยกเรือนครอบครัวของซินหยานต้องทำงานภายในเรือนทั้งหมด ท่านปู่ท่านย่าเห็นใจครอบครัวบุตรชายคนรองจึงได้ทำการแยกเรือน แต่ท่านลุงใหญ่กับป้าสะใภ้บ่ายเบี่ยงมาตลอดเพราะไม่อยากแบ่งที่ทำกินให้จึงไม่ได้แยกเรือนเสียที
เมื่อท่านปู่ท่านย่าเสียชีวิตลง ท่านลุงใหญ่ก็หาเรื่องไล่ครอบครัวน้องชายตนเองออกจากเรือนใหญ่ ประจวบกับที่จางเทียนเกิดอุบัติเหตุระหว่างไปล่าสัตว์ ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ที่ไม่อยากเสียเงินรักษาจึงให้จางเทียนพาลูกเมียมาอยู่ที่เรือนท้ายหมู่บ้าน
และได้ทำหนังสือแยกเรือน โดยที่ทั้งสองครอบครัวไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ที่ดินของครอบครัวลุงใหญ่ก็ไม่แบ่งให้ เพียงยกเรือนท้ายหมู่บ้านที่เป็นของท่านย่าให้มาเท่านั้น ส่วนที่ดินก็อ้างเพียงมีน้อยนิดแบ่งให้ไม่ได้
จางเทียน บิดาของซินหยานไม่มีปากเสียงอยู่แล้วก็ยอมเชื่อพี่ใหญ่ของตน เพราะเขายังสามารถขึ้นเขาเพื่อล่าสัตว์หรือเก็บของป่าไปขายได้ อีกอย่างความรู้เรื่องงานไม้ตนก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้ ความเป็นอยู่ของครอบครัวรองจึงย่ำแย่ตั้งแต่ที่สิ้นท่านปู่ท่านย่า
เงินที่หามาได้จากการเป็นช่างทำไม้และล่าสัตว์ก็ถูกลุงใหญ่ยึดไปเสียหมด นางชุยเหมย มารดาของซินหยานจำต้องขึ้นเขาเพื่อหาของป่าไปขายแทน โดยมีบุตรทั้งสองคอยช่วยเหลือ
วันที่เกิดเรื่องกับซินหยาน ชุยเหมยกับจางเหลี่ยงเข้าเมืองเพื่อนำของป่าไปขาย มีเพียงจางเทียนที่ยังไม่หายดีอยู่ที่เรือน ซินหยานไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ เมื่อเกิดเรื่องกว่าจะมีผู้ไปพบเห็นซินหยานก็จบชีวิตลงจนสืออีมาเข้าร่างของนางแทน
"ข้าช่วยท่านไม่ได้ ท่านพ่อรอข้าอยู่ที่เรือน ข้าต้องรีบกลับ" ซินหยานยังคงเร่งมือซักผ้า
นางไม่ได้ระวังตัวยู้อวี้ที่โมโหก็ขาดสติ เขาทุบตีซินหยาน ซินหยานลุกขึ้นเพื่อหลบการทุบตีของยู้อวี้ทำให้นางลื่นตกลงไปในแม่น้ำ ยู้อวี้เห็นเช่นนั้นแทนที่จะเข้าช่วยเหลือ
นางตกใจเพราะกลัวจะมีคนมาพบเห็นเข้าจึงได้รีบร้อนกลับเรือน ชาวบ้านที่กำลังจะกลับเรือนไปทานมื้อเที่ยงผ่านมาพบร่างของซินหยานอยู่ในน้ำจึงได้ลงไปช่วย
สืออีลืมตาขึ้นเมื่อความเจ็บปวดหายไปแล้ว ความแค้นของซินหยานในครั้งนี้นางจะจัดการให้เอง 'ยู้อวี้เจ้าเตรียมรับผลในสิ่งที่เจ้าทำไว้ได้เลย' สืออีให้สัญญากับซินหยานในใจ
พอฟ้าสว่าง นางชุยเหมยก็เดินเข้ามาดูบุตรสาวในห้อง ก็พบว่าซินหยานตื่นแล้ว
"หยานเออร์ เจ้ายังมิหายดี นอนพักอีกหน่อยเถิดลูก" ชุยเหมยเดินเข้ามาลูบหัวของซินหยานอย่างอ่อนโยน
แต่สืออีที่อนู่ในร่างของซินหยานกับเบี่ยงศีรษะหลบ เพราะนางไม่เคยได้รับการแสดงความรักเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่สูญเสียบิดามารดาเมื่อภพที่แล้ว
"เป็นอันใดหรือลูก" ชุยเหมยดึงมือกลับอย่างประหลาดใจ
"เปล่าเจ้าค่ะ ข้าขอพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ" สืออีไม่รู้จะตอบเช่นไร นางจึงล้มตัวลงนอนหันหลังไปอีกทางแทน
ชุยเหมยก็คิดเพียงว่าบุตรสาวยังมีอาการเสียขวัญจากเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้ออกไปจัดการเรื่องอาหารในครัวแทน
สืออีเมื่อได้ยินเสียงของนางชุยเหมยออกไปแล้ว นางก็ลุกขึ้นนั่งกอดเข่าเพื่อนึกถึงนิยายที่นางเคยได้อ่าน เนื้อเรื่องเป็นเช่นนี้เพียงแต่นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมา