2
2
นกยูง....
หลังจากนั้นแม่ก็ย้ายกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในกรุงเทพอีกครั้งด้วยการเปิดร้านขายข้าวแกงรถเข็นแม่มาเช่าล็อคขายอยู่แถวๆ หน้าบริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่ง ส่วนฉันพอเลิกเรียนก็จะรีบมาช่วยแม่ขายของ เราสองคนใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งเป็นวันเสาร์ฉันจำได้เรามาจัดร้านกันแต่เช้าเพราะพนักงานบริษัทมักจะมาฝากท้องกันที่นี่ก่อนเข้าไปทำงานบางคนก็เอากล่องเอาปิ่นโตมาใส่เพื่อเข้าไปทานที่ทำงาน ขณะที่ฉันกับแม่กำลังช่วยกันก็มีผู้ชายสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานเดินมาที่ร้านซึ่งฉันกับแม่ก็ไม่เคยคุ้นหน้ามาก่อนถ้าให้เดาอายุน่าจะประมาณสี่สิบห้าถึงห้าสิบปี
"วันนี้มีอะไรทานบ้างครับแม่ค้า"
"มีหลายอย่างเลยค่ะ แกงเขียวหวานไก่ ผัดผักรวม แล้วก็มีหมูทอด ไก่ทอด ต้มข่าไก่ ไข่พะโล้"
"หืม น่าทานทุกอย่างเลยนะครับ งั้นผมเอาทุกอย่างเลยขอข้าวสวยด้วยนะครับ ผมจะเอาไปทำบุญ"
"ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ"
"คุณลุงนั่งรอก่อนนะคะ"
"ผมเพิ่งรู้ว่ามีร้านอาหารมาเปิดแถวนี้ด้วยถ้าผมไม่เดินมาคงไม่รู้"
"คุณลุงทำงานอยู่ในบริษัทนี้เหรอคะ" ฉันถามขณะช่วยแม่จัดอาหารใส่กล่อง
"ใช่จ๊ะลุงทำงานที่ตึกนี้แล่ะ"
"ถ้าหนูเรียนจบหนูอยากทำงานที่นี่จัง ไม่รู้เค้าจะรับหนูเข้าทำงานมั้ย"
"หนูเรียนคณะอะไรล่ะจ๊ะเผื่อลุงช่วยแนะนำให้ได้"
"ตอนนี้หนูยังอยู่มอสี่อยู่เลยค่ะอีกตั้งสองปีกว่าหนูจะได้เข้ามหาลัยหนูยังไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนอะไรคุณลุงแนะนำหนูหน่อยได้มั้ยคะ"
"อืมม ถ้าให้ลุงแนะนำหนูเลือกเรียนคณะบริหารก็ได้นะ"
"ขอบคุณนะคะ ว่าแต่ที่นี่เค้าให้เงินเดือนเยอะมั้ยคะหนูอยากได้เงินเดือนเยอะๆ ค่า^^"
"นกยูงทำไมถามคุณลุงแบบนั้นล่ะลูก เรื่องแบบนี้เค้าไม่ถามกันหรอกนะจ๊ะเงินเดือนน่ะเค้าอาจจะให้ตามความสามารถ คุณลุงอาจจะลำบากใจที่จะตอบหนูก็ได้ เอ่อขอโทษนะคะคุณที่ลูกสาวดิฉันถามอะไรแบบนี้"
"ไม่เป็นไรครับดีแล้วที่แกกล้าถาม เพราะทุกคนที่ทำงานก็ย่อมอยากได้เงินเดือนสูงๆ ด้วยกันทั้งนั้น หนูชื่อนกยูงใช่มั้ยจ๊ะ"
"ใช่ค่ะหนูชื่อนกยูงแต่หนุมีชื่อจริงด้วยนะคะชื่อซอมพอค่ะ เป็นไงคะชื่อน่ารักมั้ยคะ^^"
"น่ารักมากครับ ถ้าหนูเรียนจบแล้วก็เข้าไปสมัครงานได้เลยนะ"
"แต่เค้าจะรับใช่มั้ยคะนกยุงน่ะขยันมากๆ เลยนะคะคุณลุงรับรองถ้าบริษัทไหนได้นกยูงไปทำงานด้วยรับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า^^"
"รับสิลุงการันตีเลย ขอแค่หนูขยันเก่งไม่เก่งฝึกกันได้ลูก"
"คุณลุงพูดแบบนี้นกยูงมีความหวังขึ้นมาแล้วค่ะ ที่นกยูงอยากได้เงินเดือนเยอะๆ ก็เพราะนกยูงไม่อยากให้แม่ลำบากอีกแล้วค่ะ ทุกวันนี้แม่ต้องตื่นตีสามตีสี่ทุกวันเพื่อทำของมาขายกว่าจะเข้าบ้านกว่าจะได้นอนก็สองสามทุ่มนกยูงสงสารแม่ค่ะ"
"พูดน้อยๆ หน่อยก็ได้นะลูก"
"ก็นกยูงพูดจริงนี่คะแม่"
"ได้แล้วค่ะนี่ค่ะอาหาร"
"เท่าไหร่ครับ"
"ทั้งหมดก็สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ"
"นี่ครับไม่ต้องทอน" คุณลุงยื่นแบงค์พันมาให้แล้วบอกไม่ต้องทอนฉันนี่ถึงกับตาลุกวาวเลยเพราะไม่เคยเจอใครใจดีแบบนี้
"ไม่เป็นไรค่ะมันเยอะเกินไปอาหารแค่สามร้อยกว่าบาทเองเดี๋ยวฉันทอนให้นะคะ"
"ไม่เป็นไรครับถือว่าผมให้ค่าขนมหนูนกยูงก็แล้วกัน เอาไว้ซื้อขนมอร่อยทานนะลูก"
"ขอบคุณค่าคุุณลุง ไว้มาอุดหนุนอีกนะคะ^^" ฉันกราบขอบคุณคุณลุงใจดีที่ฉันยังไม่รู้จักชื่อเลยว่าท่านชื่ออะไรแต่จะถามก็ไม่ทันแล้วเพราะคุณลุงเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเรียบร้อยแล้ว
และจากวันนั้นเป็นต้นมาคุณลุงก็กลายเป็นลูกค้าประจำของที่ร้านแต่ที่น่าแปลกก็คือพอคุณลุงมานั่งทานอาหารที่ร้านพนักงานบริษัทที่ฉันคุ้นเคยเพราะเห็นหน้าค่าตากันแทบทุกวันก็ต่างพากันยกมือไหว้คุณลุงซึ่งคุณลุงก็ยิ้มทักแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ ถ้าให้เดาคุณลุงคงจะเป็นพนักงานที่มีอายุเยอะที่สุดในบริษัทก็เป็นได้ทุกคนก็เลยยกมือไหว้ นั่นคือความคิดของฉันในตอนนั้น และทุกๆ วันพระคุณลุงก็จะให้แม่จัดอาหารเพื่อไปทำบุญซึ่งฉันกับแม่ก็เพิ่งรู้ว่าคุณลุงท่านเอาอาหารไปทำบุญให้กับภรรยาของท่านที่เสียไปแล้ว คุณลุงท่านรักภรรยามากท่านเล่าให้ฉันกับแม่ฟังว่าภรรยาของท่านน่ารักนิสัยดีมากๆ แต่สุดท้ายภรรยาท่านก็จากไปด้วยโรคร้ายคุณลุงทำใจอยู่นานมากเพราะท่านรักภรรยาของท่านมาก ฉันฟังแล้วก็อดสงสารคุณลุงไม่ได้พราะทุกครั้งที่ท่านเล่าท่านก็จะมีน้ำตาทุกครั้งเป็นฉันที่ต้องคอยเอาทิชชู่ให้ท่าน
จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นขณะที่คุณลุงกำลังจะข้ามถนนเพื่อนำอาหารไปทำบุญที่วัดตรงข้ามบริษัทก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนท่าน ภาพที่ท่านถูกรถชนมันติดตาฉันมากท่านล้มลงกลางพื้นถนนเลือดของท่านไหลนองไปทั่วบริเวณถุงกับข้าวที่ท่านกำลังจะนำไปทำบุญก็แตกกระจายเต็มพื้นฉันกับแม่รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อดูอาการของท่านและในขณะนั้นก็มีพนักงานบริษัทที่อยู่บริเวณนั้นวิ่งมาดูด้วยก่อนจะโทรแจ้งให้รถพยาบาลมารับท่านไปส่งโรงพยาบาล
ด้วยความที่ฉันกับคุณลุงสนิทสนมคุ้นเคยกันเพราะคุยกันทุกวันฉันขอแม่ไปดูอาการคุณลุงที่โรงพยาบาลซึ่งแม่ก็ไปพร้อมกับฉันด้วยเพราะถึงยังไงคุณลุงก็เป็นลูกค้าประจำที่ร้าน ฉันกับแม่นั่งแท็กซี่ไปถึงโรงพยาบาล ตอนนี้คุณลุงอยู่ในห้องไอซียูฉันเห็นทั้งคุณหมอทั้งคุณพยาบาลวิ่งเข้าออกกันตลอดเวลา
"คนไข้เสียเลือดมากแล้วตอนนี้เลือดสำรองโรงพยาบาลเรามีไม่เพียงพอขอรับบริจาคเลือดด่วนตอนนี้เลย" ฉันกับแม่ที่นั่งรอดูอาการของคุณลงุอยู่หน้าห้องพอได้ยินแม่ก็รีบลุกขึ้นไปถามพี่พยาบาลทันที
"คนไข้เลือดกรุ๊ปอะไรคะ"
"กรุ๊ปโอค่ะ"
"ฉันกรุ๊ปเลือดโอค่ะฉันพอจะช่วยได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะแต่เราต้องขอตรวจตามขั้นตอนก่อน"
"ได้ค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ" ฉันมองตามแม่ที่เดินตามพี่พยาบาลเข้าไปในห้องห้องหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นห้วงที่เกี่ยวกับการบริจาคเลือด ส่วนฉันก็นั่งรอแม่อยู่ตรงที่เดิม