เมียหาย
22 เมียหาย
นกยูง...
"แล้วกลับเมื่อไหร่" น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยถาม
"วันเสาร์หน้าค่ะ"
"ดีเนอะ ไปแม่งเป็นอาทิตย์แล้วฉันจะเอากับใคร"
"ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะไม่ได้มีแค่นกยูงคนเดียว"
"แต่ฉันจะเอาเธอเข้าใจไหม"
"งั้นก็รอไปละกันนะคะ แค่นี้นะคะอาจารย์เรียกแล้ว" ฉันกดวางสายจากพี่วายุทันที เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงโทรมาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะไม่สนใจว่าฉันจะอยู่หรือจะไป แต่พอรู้ว่าฉันมาออกค่ายก็โทรมาต่อว่าฉันแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน
"นกยูงฉันมีข่าวดีจะมาบอก" อัสวิ่งหน้าตื่นมาหาฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ข่าวดีอะไรของนาย"
"อาจารย์บอกว่าวันนี้ยังไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำก็จะนักศึกษาไปเที่ยวไปพักผ่อนกันก่อนได้แต่ต้องกลับมาก่อนหนึ่งทุ่มฉันก็เลยจะมาบอกเธอเผื่อเธอจะอยากกลับไปดูบ้านของแม่เธอ"
"จริงเหรออัส" ฉันยิ้มด้วยความดีใจที่มาคราวนี้ไม่เสียเผล่าฉันจะได้กลับไปดูบ้านของแม่ ซึ่งความตั้งใจแรกของฉันฉันคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาหลังจากที่ออกจากบ้านพี่วายุแล้ว
เวลาต่อมา...
ฉันกับอัสเรานั่งรถประจำทางมายังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ฉันคุ้นเคยเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย ที่นี่เปลี่ยนไปมากจริงๆ จากที่เมื่อก่อนมีแต่ป่าหญ้าแต่ตอนนี้มีบ้านเรือนร้านค้าเต็มทั้งสองข้างทาง
"ถึงแล้วนังหนูแต่ลุงส่งได้ถึงแค่นี้นะเอ็งต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยไม่ไกลหรอก" คุณลุงคนขับรถตะโกนบอกฉันกับอัสก็รีบลงทันที
"เท่าไหร่คะลุง"
"สองคน เอายี่สิบบาทพอ"
"นี่ครับยี่สิบบาทขอบคุณนะครับลุง^^" อัสจ่ายเงินแทนฉัน จากนั้นฉันจะพาเขาเดินเข้ามาในหมู่บ้านซึ่งบ้านของแม่อยู่ลึกมากต้องข้ามสะพานแม่น้ำไปอีกหลายร้อยเมตร
ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าบ้านของแม่ บ้านที่ฉันกับแม่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันแต่ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก
"แม่จ๋าตอนนี้นกยูงมาอยู่ที่บ้านของเราแล้วนะจ๊ะแม่ บ้านของแม่บ้านที่แม่รักมากที่สุด" ฉันพูดเผื่อว่าแม่จะได้ยิน
"เธอมีกุญแจเข้าบ้านหรือเปล่าดูเหมือนรั้วบ้านจะล็อคนะ"
"คุณพ่อรุจบอกว่าท่านจ้างคุณยายข้างบ้านที่ชื่อจำปาให้มาดูแลความสะอาดให้กุญแจคงอยู่กับแกฉันว่าเราไปหาแกที่บ้านกันเถอะ"
ฉันกับอัสเดินถามชาวบ้านที่เดินผ่านมาพอดีว่าบ้านยายจำปาอยู่ที่ไหนจนกระทั่งรู้ว่าบ้านของยายแกอยู่ถัดจากบ้านของฉันเพียงสองหลังเท่านั้น
"ยายจ๋า ยายยายจำปาอยู่มั้ยจ๊ะ" ฉันตะโกนเข้าไปในบ้านสักพักก็มีคุณยายที่ดูแข็งแรงอยู่มากเดินออกมาฉันคิดว่าน่าจะเป็นยายจำปา
"สวัสดีค่ะยายจำปาใช่มั้ยจ๊ะ"
"เออใช่ยายเองว่าแต่เอ็งเป็นใครเรอะไม่คุ้นหน้าเลย"
"หนูชื่อนกยูงจ๊ะเป็นลูกสาวของแม่ดาวเรืองเจ้าของบ้านหลังที่ยายไปดูแลให้น่ะจ่ะ"
"อ่อ ลูกสาวนังดาวเรืองเรอะเพิ่งเคยเห็นหน้า เห้อออ แม่เอ็งน่ะชีวิตน่าสงสารมาก เป็นคนดีกตัญญูพ่อแม่แต่ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมอะไรโดนผู้ชายหลอกไหนจะท้องไม่มีพ่ออีกแต่มันก็เก่งนะที่เลี้ยงดูเองจนโตมาได้ขนาดนี้แถมยังได้ผัวใหม่ที่รักแล้วก็ดีกับมันมาก" ยิ่งยายพูดเรื่องแม่ฉันก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ด้วยความสงสารท่านอัสลูบไหล่ปลอบใจฉัน
"ขอบใจนะอัส"
"ว่าแต่เอ็งจะมาเอากุญแจบ้านใช่ไหม"
"ใช่จ๊ะยาย"
"ได้ๆ เดี๋ยวไปเอามาให้นะเอ็งรออยู่นี่นะ"
พอได้กุญแจบ้านมาฉันก็ไขเข้าไปดู ข้าวของทุกอย่างที่เป็นของแม่คุณพ่อรุจได้นำมาไว้ที่นี่ทั้งหมดเพราะท่านรู้ว่าแม่รักบ้านหลังนี้มาก ฉันเดินดูรอบๆ บ้านแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเพราะคิดถึงแม่ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงดีใจมาก ฉันดีใจที่คุณพ่อรุจยังให้ความใส่ใจกับเรื่องราวทุกอย่างที่เป็นของแม่ ถึงแม้ว่าท่านจะลาบวชละทางโลกไปแล้วก็ตามแต่ท่านก็ยังให้คนของท่านมาช่วยจัดการหาคนมาดูแลบ้านหลังนี้อยู่ตลอด ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ท่านดีกับฉันกับแม่มากขนาดนี้แม้ว่าแม่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม
ฉันเดินดูรอบๆ บ้านพร้อมกับคิดถึงอนาคตถ้าฉันกลับมาอยู่ที่นี่
"อัสนายว่าถ้าฉันกลับมาอยู่ที่นี่ฉันจะทำอะไรดี" ฉันถามความเห็นจากเขา
"อืมมม ฉันว่าเธอทำโฮมสเตย์ก็ดีนะ หรือไม่ก็เปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ควบคู่ไปด้วยรับรองลูกค้าแน่นร้านแน่นอนเพราะที่นี่อากาศดีมากๆ ทั้งๆ ที่เป็นหน้าร้อนแท้ๆ แต่กลับเย็นไม่อบอ้าวเหมือนกรุงเทพ เธอดูดิด้านหลังติดภูเขาด้านหน้าติดแม่น้ำอะไรมันจะเพอร์เฟคขนาดนี้"
"ความคิดนายดีมากเลยนะแต่ถ้าทำอย่างที่นายว่าคงต้องใช้เงินเยอะมากแน่ๆ ฉันไม่มีเงินทำไม่ไหวหรอก" ฉันไม่ได้มีเงินขนาดที่จะทำอย่างที่อัสพูดได้ ทุกวันนี้ฉันก็ยังเป็นกาฝากเหมือนที่ใครบางคนว่าอยู่เลย เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ฉันใช้อยู่ทุกวันนี้ก็คือเงินจากคุณพ่อรุจทั้งนั้นที่ท่านให้ทนายประจำตัวของท่านจัดการโอนให้ฉันใช้ทุกเดือน ถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากใช้มากเพราะฉันเกรงใจท่าน พูดถึงความเป็นจริงแล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับท่านเพราะแม่ของฉันท่านก็ไม่อยู่แล้ว อันที่จริงท่านไม่จำเป็นต้องส่งเสียเลี้ยงดูฉันแล้วก็ได้แต่ท่านก็ยังเมตตาสงสารฉัน ถ้าไม่มีท่านฉันก็คงกลายเป็นคนไร้บ้านไร้ญาติไม่รู้อนาคตของตัวเองจะอยู่ตรงไหน
"นกยูงใกล้ค่ำแล้วฉันว่าเรากลับค่ายกันเลยดีไหมฉันกลัวรถประจำทางจะหมดก่อน"
"อื้มมม" ก่อนกลับฉันหันไปมองบ้านอีกครั้งพร้อมกับบอกกับตัวเองว่าฉันจะกลับมาจะกลับมาอยู่ในที่ๆ ฉันควรจะอยู่ อยู่ในที่ๆ ไม่มีคนคอยพูดจาดูถูกอีก ถืงแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้สุขสบายเท่าบ้านพี่วายุแต่ฉันก็ยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ ที่บ้านของฉันหลังนี้
วันต่อมา...
"เมื่อไหร่กลับ"
"นกยูงบอกพี่ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าวันเสาร์"
"อีกกี่วัน"
"พี่ก็นับเอาสิคะ"
"ฉันถามว่าอีกกี่วันจะกลับ" ฉันถอนหายใจกับคนอย่างเขา
"อีกห้าวันค่ะ"
"อืมห้าวัน ดีจริงๆ ดีชิบหาย" ตู๊ดดดดดดดดดดดด เขาตัดสายไปดื้อๆ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไรของเขา
และทุกๆ วันเขาจะต้องโทรมาถามว่าฉันจะกลับวันไหนกลับกี่โมงและไม่ได้โทรมาแค่รอบเดียวเขาโทรมาทุกชั่วโมงจนบางครั้งฉันต้องปิดเครื่อง
และแล้วเวลาแห่งความสุขความสบายใจของฉันก็หมดลงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ฉันมาออกค่ายฉันรู้สึกสบายใจและมีความสุขมากเพราะมันทำให้ฉันไม่ต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนแต่วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
"เดี๋ยวฉันไปส่งบ้านนะ" ระหว่างที่เรายืนรอกระเป๋าที่กำลังทยอยเอาลงมาอัสก็อาสาไปส่งฉันที่บ้าน
"อื้มขอบใจนะ" ดีเหมือนกันฉันจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารถแท็กซี่ แต่...
"ไม่ต้องเดี๋ยวนกยูงกลับกับพี่เอง" ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ค่ะว่าเป็นเสียงใคร
"พี่วายุ สวัสดีครับ"
"อืม งั้นพี่ขอตัวพานกยูงกลับก่อนนะ"
สุดท้ายฉันก็ต้องเดินตามเขามาที่รถโดยที่เขาเป็นคนอาสาถือกระเป๋าให้ฉันเขาโยนมันเข้าท้ายรถก่อนจะลากแขนฉันขึ้นรถอย่างโมโหกึ่งโกรธ
หมับ!! จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ พอขึ้นมาแล้วเขาก็กดล็อกประตูทันทีจากนั้นเขาก็กระชากตัวฉันไปนั่งอยู่บนตักแล้วจูบฉันอย่างรุนแรงราวกับโกรธแค้น เขาทั้งจูบทั้งกัดทั้งดูดที่ลำคอของฉัน
"โอ๊ยเจ็บค่ะ" ฉันเจ็บจนน้ำตาไหลเพราะเขากัดฉันแรงมากมันต้องเป็นรอยแน่ๆ
"เจ็บจะได้จำต่อไปจะได้ไม่กล้าทำแบบนี้กับฉันอีก"
"ฮึก ฮึก นกยูงทำอะไร"
"ทำอะไร ยังมีหน้ามาพูดว่าทำอะไร เธอไปแม่งเป็นอาทิตย์ไปโดยไม่บอกฉันสักคำฉันต้องมารู้จากป้าแม่บ้าน พอฉันโทรไปก็วางสายใส่แบบนี้จะไม่ให้ฉันโกรธหรือยังไงห๊ะ"
"ทำไมคะพี่ห่วงนกยูงเหรอ"
"ห่วง?? เธอเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน ทำไมฉันต้องห่วงเธอ"
"ถ้าพี่ไม่ห่วงพี่จะโมโหทำไมที่นกยูงไม่อยู่"
"เธอก็แค่ของเล่นบนเตียงที่ฉันยังไม่เบื่อก็แค่นั้น"
"งั้นก็รีบๆ เบื่อนะคะนกยูงอยากเป็นอิสระเต็มที"
"หึไม่นานหรอกแต่ก่อนที่ฉันจะเบื่อเธอฉันต้องเอาให้คุ้มก่อนเพราะคนอย่างฉันไม่ยอมเสียเปรียบใคร"
ฉันนั่งร้องไห้มาตลอดทางโดยไม่รู้เลยว่าเขาไม่ได้พาฉันกลับบ้านจนกระทั่งเขามาจอดรถอยู่ตรงท่าเรือ
"ลงมา"
"ที่นี่ที่ไหนคะ"
"จะที่ไหนไม่จำเป็นต้องรู้ ลงมา" เขาดึงแขนฉันลงมาก่อนจะเดินไปเปิดท้ายรถเอากระเป๋าออกมาสองใบซึ่งเป็นของฉันหนึ่งใบของเขาหนึ่งใบ เขาเดินจูงมือฉันมาขึ้นเรือลำหนึ่งซึ่งทั้งลำมีแค่ฉันกับเขาเท่านั้น เขาโยนกระเป๋าลงพื้นก่อนจะขับเรือออกจากท่า
"เราจะไปไหนคะ"
"ถามมากวะ ฉันไม่เอาเธอไปฆ่าหรอกน่ามันไม่คุ้ม"
"แล้วพี่จะพานกยูงไปไหนก็บอกมาสิคะ"
"พาไปเอา เธอหายไปเจ็ดวันฉันก็จะเอาเธอแม่งทั้งเจ็ดวันไปเลยต่อไปจะได้ไม่กล้าลองดีกับฉันอีก"