บทที่๓...บ่อเกิดแห่งรัก (๒)
รถยนต์แล่นเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าดาซลิ่ง พาราไดซ์ซึ่งมีห้าสาขาทั่วเมืองหลวง และอีกหลายสาขาทั่วประเทศ ดวงตาคมจ้องมองสิ่งที่พี่ชายสร้างไว้ในประเทศแห่งนี้ด้วยความพึงพอใจ นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันรอบหลายปี
พี่ชายย้ายรกรากมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศไทย ทิ้งธุรกิจในเครือแอสตัน กรุ๊ปและแก็งคอราจจิโอ (Coraggio) ไว้ให้น้องชายเป็นผู้ดูแล
“แสดงละครได้เนียนดีนะ” เอ่ยชมลูกน้องคนไทยของพี่ ฝ่ายนั้นยิ้มเล็กน้อยแล้วค้อมศีรษะ
“ซีโน่อยู่ไหม” ช่วงกลางวันเช่นนี้คิดว่าอีกฝ่ายคงไปทำงาน แต่คำตอบที่ได้รับสร้างความแปลกใจพอสมควร
“ท่านอยู่บนห้องครับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแต่ไม่ได้ว่าอะไร จอดรถยังที่วีไอพีแล้วเข้าลิฟต์ส่วนตัว กดชั้นบนสุดเพราะเป็นที่อาศัยเจ้าของห้างสรรพสินค้าอย่างซีโน่ แอสตัน
ธุรกิจของชายหนุ่มไม่ได้มีเพียงห้างสรรพสินค้า ยังรวมถึงโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่อยู่ย่านใจกลางเมือง และแทบทุกจังหวัดทั่วประเทศ โรงเรียนนานาชาติซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขานในความยิ่งใหญ่ นอกจากนักเรียนที่จบไปจะเป็นศิลปินชื่อดังแล้ว ยังดำรงตำแหน่งสำคัญในประเทศอีกด้วย
ยังไม่นับรวมการถือครองที่ดิน และเกาะทางทะเลของประเทศ แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ซีโน่ต้องแลกเงินมหาศาลเพราะกฎหมายไม่เอื้อให้ต่างชาติครอบครองทรัพย์สินภายในประเทศมากขนาดนี้
ความสะดวกสบายที่แสนคิดถึงทำให้เขาสูดอากาศเข้าเต็มปอด พื้นพรมนุ่มช่างต่างจากพื้นไม้ที่ต้องระวังในการเดินตลอดเวลา
คนของซีโน่ใช้นิ้วสแกนไม่นานประตูก็เปิดออก ซีน่อนไม่ได้สำรวจห้องมากนักเพราะสนใจมองหาเพียงพี่ชายเท่านั้น จึงเดินเข้าไปในห้องรับแขกขนาดกว้างที่มองเห็นวิวทั่วเมืองหลวง ก่อนจะตรงเข้าสวมกอดคนที่เอาแต่เหม่อมองด้านนอก
“เฮ้โบร!” ซีโน่หันมาก็โดนน้องกอดจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่น่าเชื่อว่าน้องสูงกว่าเขาไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของฉัน” เมื่ออีกฝ่ายผละออกเจ้าของห้องก็ผายมือต้อนรับ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวสั่งทำจากอิตาลี ราคากว่าสามล้านบาทเพราะเป็นการออกแบบและตัดเย็นจากแบรนด์ดังมีชื่อเสียง
“ใหญ่โตใช้ได้เลยนิ” ของว่างถูกนำมาเสิร์ฟโดยแม่บ้านมีอายุ ชายหนุ่มรับไวน์มาดื่มพลางทำหน้าเหมือนได้รับยาชูกำลัง
“คิดถึงรสชาติแบบนี้ชะมัดเลย” สนทนากันด้วยภาษาอิตาลี สองพี่น้องคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ไม่เห็นหน้าค่าตากันหลายปี เพราะซีโน่ไม่กลับบ้านและซีน่อนก็ยุ่งเกินกว่าจะบินมาหาได้บ่อย
อีกอย่างเขาไม่ค่อยมีความสนใจในประเทศแถบเอเชียเท่าไหร่ยังคิดว่าทำไมพี่ชายไม่ไปสร้างอาณาจักรที่อังกฤษหรือเยอรมันแทน จะได้ใกล้กันกว่านี้และยังเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของแกสตันด้วย
“แล้วนายไปทนลำบากทำไม” ถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจความเจ้าเล่ห์ของซีน่อน และไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์ตรงไหน
เขาชอบแบบตรงไปตรงมากกว่า
“เพราะผลตอบแทนที่ฉันจะได้รับมันหอมหวานมากน่ะสิ” ยิ้ม เจ้าเล่ห์ ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น
“ไหนห้องของฉัน” กุญแจและคีย์การ์ดถูกโยนมาตรงหน้า ก่อนที่พี่ชายจะเอนกายพิงพนักแล้วมองซีน่อนที่รับมาพร้อมผิวปากมีความสุข
“คนของนายฉันให้ไปพักก่อนแล้ว บนชั้นนั้นก็เป็นของนายทั้งหมด” มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะเขาก็คงไม่ชอบใจถ้าจะให้ คนอื่นมานอนชั้นเดียวกันถึงจะเป็นคนละห้องก็ตาม
ความปลอดภัยของผู้นำแกสตัน กรุ๊ปสำคัญที่สุด ธุรกิจที่ควบคุมอยู่ในตอนนี้สำคัญต่อเศรษฐกิจของอิตาลี ทั้งบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ บริษัทนำเข้ารถยนต์ขนาดใหญ่และเจ้าของที่ดินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็น ยังไม่รวมคาสิโนและค้าอาวุธอีก
เม็ดเงินทั้งนั้น ซีน่อนจึงบอกตัวเองว่าจะตายตอนนี้ไม่ได้
“ไม่เจอกันนานแก่ขึ้นนะ” ดื่มไวน์หมดแก้วแล้วเติมใหม่ พี่ชายทำเพียงหรี่ตามอง
“ฉัน 38 ไงซีน่อน ไม่ใช่ 28 เหมือนเมื่อสิบปีก่อน” เขาพยักหน้าเข้าใจ แค่อยากเย้าเล่นเท่านั้นเอง
“วันนี้กินข้าวด้วยกันดีไหม เหมือนฉันไม่ได้กินข้าวกับนายกี่ปีแล้วนะ สิบปีถึงไหม” คำนวณอย่างไม่แน่ใจ จนซีโน่ต้องไขข้อข้องใจให้กระจ่าง
“ฉันบินกลับโรนีโต้ห้าปีก่อน” ความทรงจำเลอะเลือนเริ่มกลับคืน ยิ้มเล็กน้อยแล้วกลืนน้ำหมักองุ่นลงคอพลางเอื้อมไปหยิบผลไม้มารับประทาน
คิดถึงความสะดวกสบายแบบนี้ แต่อีกใจก็อดคิดถึงความอบอุ่นของบ้านน้อยหลังนั้นไม่ได้ก่อนจะรีบสะบัดศีรษะไล่ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดออกไป
“อ่า จริงด้วย”
“มันจะออกจากคุกเมื่อไหร่” เสียงเข้มถามด้วยความแค้นที่พยายามปิดให้มิด ทว่าดวงตาคมยังฉายแววกรุ่นโกรธ แม้เหตุการณ์จะเกิดมานานแต่ซีโน่ก็ไม่เคยลืมเลือนได้เลย ความแค้นมันสุมทรวงจนอยากฆ่าชายผู้นั้นให้ตาย
“อีกสามเดือน” มองพี่ชายที่มีท่าทีไม่ปกติ ก่อนจะแตะบ่าอีกฝ่ายเป็นการให้กำลังใจ
คนที่เสียหายจากเหตุการณ์ปะทะใหญ่ครั้งนั้นก็พี่เขาเนี่ยแหละ แทบไม่เป็นผู้เป็นคนจนต้องระเห็จจากบ้านเกิดหลังจับมันเข้าคุกเรียบร้อย แต่เจ้าพ่อค้ายาก็กำลังจะออกมาทวงบังลังก์อีกครั้ง น้องชายจึงต้องรีบจัดการให้เสร็จสิ้น
“ถ้าจะเก็บบิลเรียกฉันด้วย” บอกเสียงเหี้ยม ถึงจะอำลาวงการมาเฟียแต่จิตใจเขาไม่ได้แปรเปลี่ยน มันยังรอวันสะสางความแค้นเหมือนเดิม
“ได้เลยพี่ชาย” รอยยิ้มเป็นประกาย ก่อนที่ดวงตาคมจะเห็นของสวยงามเดินผ่านจึงรีบเอ่ยเรียกรวดเร็ว
“เฮ้ เธอมานี่หน่อย” พูดเป็นภาษาอังกฤษเพราะคิดว่าหล่อนคงฟังภาษาอิตาลีไม่ออก แต่พี่ชายกลับหันมามองอย่างรวดเร็ว
“เข้าห้อง ไม่ต้องออกมาอีก” สั่งเป็นภาษาไทยที่ซีน่อนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เห็นปฏิกิริยาแล้วคาดว่าคงโดนสั่งให้เข้าห้องเพราะเธอรีบเดินไปด้านหลังพร้อมปิดประตูลงกลอนรวดเร็ว สร้างความสงสัยให้แก่คนเป็นน้องจนต้องหันมอง
ปกติพี่ชายเขาไม่ใช่คนที่ชอบพาผู้หญิงมาอยู่ด้วย หากเป็นคู่นอนก็แค่ค้างคืนตามโรงแรม วันต่อมาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าการเอามาอยู่ถึงที่พักคงเป็นมากกว่าคู่นอนทั่วไป
หรี่ตาสำรวจก่อนเจ้าของห้องจะเอ่ยตัดรำคาญ “แค่แม่บ้านน่ะ” ไม่น่าเชื่อสักนิด แต่ถามไปก็ไม่ได้คำตอบจึงทำเพียงพยักหน้าตามน้ำ ก่อนที่จะรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกันสองพี่น้อง
สิ่งที่น่าแปลกคือซีน่อนเลือกทานอาหารไทยแทนที่จะเป็น สปาเก็ตตี้หรือสเต็กที่ชอบ สร้างความสงสัยและงุนงงให้คนเป็นพี่ชาย แต่ก็ไม่อยากถามจึงเลือกคุยกันเรื่องธุรกิจและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเท่านั้น
“ได้ข่าวว่าน้าวิคกำลังจับนายหมั้นกับลูกสาวคนรู้จัก” ประธาน แกสตันกรุ๊ปแทบไม่อยากอาหาร เขาทำหน้าเหม็นเบื่อทันที
“มันน่ารำคาญมาก เธอดีแต่แต่งตัวและพูดเสียงแหลมหนวกหูชะมัด ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ให้มาช่วยงานที่บริษัทก็ทำพัง ถ้าฉันได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้นขอกระโดดทะเลเดดซีตายดีกว่า” ระบายความอัดอั้นให้พี่ชายฟัง ทำเอาเขาอมยิ้มกับท่าทีของน้อง
“เย็นนี้ฉันจะพานายไปหาอะไรสนุกๆ เล่นดีไหม” แค่มองตาก็รู้ใจ ซีน่อนรีบถามดักอย่างรวดเร็ว
“ไม่โกหกใช่ไหม การโกหกถือเป็นบาปนะ” เงยหน้ามองพลางตักอาหารเข้าปาก ส่วนพี่ชายก็ตอบกลับไม่ยีหระ
“นายไม่นับถือศาสนาไม่ใช่เหรอ” สองพี่น้องพูดคุยหยอกล้อเหมือนวันวาน บรรยากาศแห่งความสุขกลับมาอีกครั้ง
“ใช่ แต่พี่นับถือนิ” ซีโน่ยักไหล่
“ฉันไม่เคร่ง” ก่อนจะรับประทานอาหารอย่างมีความสุข พอจบมื้อนั้นมาเฟียหนุ่มจึงเดินทางไปยังโรงแรมเบลลิสสิโม แกรนด์ โฮเทล ขนาดชื่อยังเป็นภาษาอิตาลีที่คนส่วนมากไม่ค่อยรู้จัก
เข้ามาในห้องกว้างก็ยิ้มพึงพอใจ ไม่รู้ว่าพี่ชายต้องเสียรายได้ไปเท่าไหร่ระหว่างที่เขามาพัก กระเป๋าถูกเก็บเข้าตู้พร้อมทั้งชุดใหม่ซึ่งแขวนไว้สำหรับพร้อมใส่แล้ว ร่างหนาเข้าไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้า แบรนด์ดัง
รับสายจากคาร์ดอส สเตนาร์ท มือขวาที่ทำงานด้วยกันมานาน และเขาให้อีกฝ่ายอยู่อิตาลีเพื่อดูแลธุรกิจระหว่างที่ตนมาเมืองไทยจัดการบางเรื่อง
บาร์ข้างล่างของโรงแรมเป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้เข้าพัก และขาจรที่มาจากข้างนอก บรรยากาศไม่แออัดและค่าเข้าค่อนข้างสูงจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว ร่างหนาเดินมานั่งที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มประจำของตนเอง
มองบาร์เทนเดอร์ทำผสมเครื่องดื่มก่อนยกมาจิบ รสชาติบาดคอที่แสนคิดถึง ทำให้มุมปากยกยิ้มมีความสุขก่อนที่ว่างข้างกายจะถูกจับจอง
“มาคนเดียวเหรอคะ” สาวต่างชาติที่ไม่อาจทราบว่ามาจากประเทศอะไรถามด้วยสำเนียงผู้ดี หากให้เดาหล่อนคงเดินทางมาจากอังกฤษ
“ใช่ คุณล่ะ” ตอบพลางถามกลับ
“คนเดียวเหมือนกัน ดื่มด้วยได้ไหม” ความสวยของเธอทำให้เขาไม่อยากปฏิเสธ เสน่ห์ของตนยังคงไม่ตกเพราะนั่งไม่ถึงชั่วโมงก็มีคนเข้าหาแล้ว
“ได้อยู่แล้ว” หลังจากนั้นจึงได้พูดคุยกันเรื่องต่างๆ ก่อนจะไปจบลงบนเตียงของโรงแรมที่คราวนี้ซีน่อนเป็นคนออกค่าห้อง ไม่ต้องการใช้ห้องของพี่ชายเป็นสนามรบ
หลงลืมหญิงสาวที่นัดไปเที่ยวด้วยกันชั่วขณะ...