บทที่๒...ยักษ์ในบ้าน (๒)
“วันนี้ฉันจะพาคุณไปเที่ยวรอบเมือง สนใจไหม” คนได้ยินก็ตาโตทันที พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“จริงเหรอ” พร้อมถามย้ำจนเธอต้องบอกให้เขารีบกินอาหารเช้าแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คนตัวสูงวิ่งแทบไม่ทันกลัวว่าหล่อนจะไม่รอ เรียกรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าสวย
น้าเขียวที่เห็นอย่างนั้นก็เหล่ตามองหลานสาวที่ไม่เคยยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว ดูเหมือนว่าอลิสากำลังจะเจอรักครั้งใหม่ ที่ไม่ต้องใช้เวลาก็สามารถล่วงรู้ใจ
“มีความสุขเชียวนะ” เอ่ยล้อจนสาวธนาคารต้องหันมามองพลางหุบยิ้มลง
“คะ ก็มีความสุขเพราะจะได้ไปข้างนอกน่ะน้า แล้วน้าอยากได้อะไรไหมเผื่อเห็นจะได้ซื้อมาฝาก” เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว แต่คนมากกว่าวัยก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เห็นเธอมีความสุขก็ดีใจแล้ว ยังกังวลว่าหลานกับลูกสาวจะไม่ยอมแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา
พอเห็นหล่อนมีท่าทีพึงพอใจฝ่ายชายก็เบาอก ถึงจะไม่ใช่คนไทย ก็ไม่เป็นไร ความรักไม่จำเป็นต้องจำกัดประเทศสักหน่อย ถ้าใช่ก็คือใช่ นั่นแหละ
“ไปเลยไหม” แต่งตัวด้วยเสื้อยืดและกางเกงยีนส์พร้อมรองเท้าแตะ มันสบายขัดกับหน้าตาหล่อเหลาของเขา
หล่อนพยักหน้าพลางสะพายกระเป๋าของตน ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อยืดสีเดียวกันและกางเกงยีนส์เพื่อสะดวกในการเดินทาง
ไม่น่าเชื่อว่าการแต่งตัวจะเข้ากันจนดูเหมือนคู่รักอย่างนี้ สองหนุ่มสาวเดินไปยังร้านต้นไม้ที่มีลูกค้ามาซื้อของ หล่อนบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกท่านก็ทำเพียงพยักหน้าก่อนจะมองดูทั้งคู่เดินไปด้วยกัน เหมือนว่าความรักกำลังจะเบ่งบานเสียแล้ว
ไพล่คิดไปถึงครั้งแรกที่เจอกับพ่อของอลิสา เธอก็ตกหลุมรักเขาแบบนี้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตาด้วยซ้ำ
แต่ก็หวังว่าลูกจะไม่เดินตามรอยแม่ ที่ไปหลงรักมาเฟียจนต้องอยู่แบบหลบซ่อนหรอกนะ...
พวกเขาเดินทางด้วยรถเมล์ที่ใช้มาหลายชั่วอายุคน ต่อให้ย้อนเวลากลับไปในอดีตก็เหมือนอยู่ปัจจุบันเพราะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ อลิสาเบื่อจะบ่นกับขนส่งมวลชนที่ไม่อำนวยความสะดวกอย่างที่ควร
“เราจะไปไหนเหรอ” หันมาถามขณะเดินทาง
“ไปดูสัตว์ใต้น้ำ” บอกพลางอมยิ้ม ที่พาเขามาไม่ได้ต้องการให้ชายหนุ่มเปิดโลกหรอก เธอแค่หาเพื่อนมาเที่ยวก็เท่านั้นเอง
หญิงสาวอยากมานานแล้วแต่ว่าไม่มีใครยอมมาเป็นเพื่อน เธอไม่อยากเดินคนเดียวจึงชวนซีน่อนมาด้วย คราวนี้จะต้องถ่ายรูปไปอวดลง โซเชียล ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มข้างกายแล้วนึกแผนอะไรดีๆ ออก
“ยื่นมือมาหน่อย” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน แต่ก็ยอมทำตามที่หล่อนบอก ไม่นานสาวสวยก็ถ่ายภาพมือเขากับมือเธอที่อยู่ข้างกันเอาไว้ เล่นเอาซีน่อนถึงกับงงว่าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทว่าหล่อนก็ไม่ได้ตอบ มัวแต่ยุ่งกับพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์
ลงภาพไม่นานเพื่อนต่างมาคอมเมนต์ถามกันยกใหญ่ แต่สิ่งที่ อลิสาเลือกทำคือปิดโทรศัพท์แล้วพาร่างสูงลงตามป้ายเพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรก
นั่นคือ...อควาเรียม
เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับอึ้งเพราะไม่เคยมีสาวชวนเดตในสถานที่แห่งนี้สักครั้ง ถ้าเขาเลือกก็คงจะเป็นโรงแรมหรือล่องเรือหรูมากกว่า
“คุณอยากมาดูปลาเหรอ” หันมาถามขณะเดินเข้ามาภายในตัวอาคาร บนศีรษะและโดยรอบมีปลาแหวกว่ายเต็มไปหมด ไม่ได้น่าสุนทรีย์สักเท่าไหร่ในความคิดของชายหนุ่ม
“ใช่ ถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหม” ยื่นมือถือมาขนาดนี้เขาคงปฏิเสธไม่ได้ ชายหนุ่มรับบทบาทเป็นช่างภาพชั่วคราว หลังจากนั้นเขาก็มองหญิงสาวผ่านเลนส์ตลอด รอยยิ้มสดใสสว่างไสวจนเผลออมยิ้มไปด้วย และอยากเก็บภาพเหล่านั้นเอาไว้เหลือเกิน
หลังจากดูปลาก็พามาเดินเล่นชั้นบน เธอพบตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ที่ทำให้เหมือนย้อนวัยไปยุคเก้าศูนย์อีกครั้ง รีบลากร่างสูงมาอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เขาก็พยายามขืนตัวเอาไว้เพราะไม่ชอบออกกล้องเท่าไหร่
“ถ่ายรูปคู่กันหน่อยน่า ถือเป็นมิตรภาพไง” ซีน่อนส่ายหน้าแต่ก็ไม่อยากขัดคนตัวเล็ก
“ถ่ายในโทรศัพท์ก็ได้” ค้านทันที แต่หล่อนก็สวนกลับ
“ถ้าถ่ายในโทรศัพท์ฉันคุณก็ไม่ได้รูปสิ ถ่ายแล้วปริ้นสติกเกอร์ เนี่ยแหละ เก็บไว้เป็นความทรงจำไง” หว่านล้อมจนสุดท้ายพวกเขาก็มายืนในตู้สติ๊กเกอร์
หญิงสาวเลือกกรอบพลางบอกเขาให้ทำหน้าหล่อและเปลี่ยนเป็นตลก จากที่ไม่ชอบดูเหมือนหนุ่มอิตาเลี่ยนจะสนุกกับมันเสียแล้ว เขาโพสท่าตามใจตัวเอง ทั้งเก๊กหล่อและฮาหลุดโลก เรียกเสียงหัวเราะจากหล่อนดังลั่น
จนกระทั่งออกมาจ่ายเงินพร้อมรับรูป พอเห็นชายหนุ่มก็แทบกุมขมับ ไม่คิดว่าตนจะกล้าทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ
หมดกันภาพลักษณ์ที่สร้างเอาไว้มาเนิ่นนาน
“นี่ของนายนะ ส่วนนี่ของฉัน เก็บไว้คนละใบ” พวกเขาถ่ายทั้งหมดสองใบสิบสองรูป หล่อนจึงเลือกแบ่งให้ชายหนุ่มด้วย ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยอยากเก็บไว้เท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าเอาใจอีกฝ่าย แสดงบทบาทหนุ่มเจียมตัวได้ยอดเยี่ยม
ออสการ์ปีนี้น่าจะเป็นของเขานะ
แล้วเธอก็พาเขาเที่ยวเล่นจนพลบค่ำจึงกลับบ้าน สองหนุ่มสาวมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าจนมารดาเห็นก็รู้ทันทีว่าลูกสาวตนเองกำลังตกหลุมรักหนุ่มตาน้ำข้าวเสียแล้ว ระยะเวลานั้นไม่สำคัญหรอก คนจะรักมันพิสูจน์ได้ด้วยระยะเวลาหรือไง
“กลับมาแล้วค่ะแม่” เข้าไปสวมกอดคุณแสนดีที่กำลังเก็บร้าน
“อารมณ์ดีมาเชียวนะ เพื่อนเรามาหาน่ะ รออยู่ในบ้าน” พูดไม่ทันขาดคำร่างบางก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามด้วยความสงสัย เสียดายที่ฟังภาษาไทยไม่ออก คงต้องเรียนรู้ไว้บ้างแล้ว
เจ้าของร้านมองถุงมากมายที่ชายหนุ่มถือเอาไว้ จึงได้ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เล่นเอาคนฟังแอบรู้สึกผิดที่มีเจตนาไม่สื่อในการเข้าหาพวกเธอ
“ได้ของอะไรมาบ้างล่ะ” ซีน่อนก้มมองของมากมายที่อลิสาเป็นคนซื้อให้ตนเอง
“เสื้อผ้าแล้วก็อาหาร เธอบอกเป็นการต้อนรับมาเมืองไทย” พอเอาออกมาโชว์ก็เห็นเสื้อลายดอกและกางเกงลายช้างที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาซื้อ นางเห็นก็พยักหน้าเข้าใจแล้วปล่อยชายหนุ่มเข้าข้างใน
ทว่ายังเรียกเพื่อไขความสงสัยให้กระจ่าง และมั่นใจว่าบุตรสาวจะไม่เดินตามรอยของตนเองอีกครั้ง
“คุณนามสกุลอะไร” เขานิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มปกติ
“โคลด์ ซีน่อน โคลด์ ทำไมเหรอ” คุณแสนดีรีบส่ายหน้าแล้วปฏิเสธรวดเร็ว
“เปล่า ฉันจะได้เรียกชื่อเต็มถูก” พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันอีก ชายหนุ่มจึงเดินไปยังบ้านพักของตนเองแล้วถอนหายใจโล่งอก
เขาไม่ได้โกหกสักหน่อยแค่บอกไม่หมด ชื่อกลางกับนามสกุลก็เหมือนกันนั่นแหละ คิดเข้าข้างตนเองแล้วผิวปากมีความสุข การอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่
แต่เขาก็กลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันอาจจะกลายเป็นความเคยชิน และสิ่งนั้นค่อนข้างน่ากลัวในความคิดของซีน่อน
“น้องครีมกินเยอะๆ นะ” มื้ออาหารเย็นมีแขกมาร่วมโต๊ะด้วย คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของลูกสาวคนเล็ก ธยาน์ สิงห์กำจร ดาราสาวที่เล่นละครมาหลายเรื่อง เป็นที่คุ้นหน้าค่าตาอย่างดี ทว่าบทที่รับส่วนมากเป็นนางรองและเพื่อนนางเอก
ไม่เคยรับบทนางเอกกับเขาสักที ทั้งที่ฝีมือการแสดงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น หล่อนพยายามแสดงฝีมือและฝึกฝนด้านการแสดงให้มากที่สุด หวังว่าสักวันตนจะได้เป็นนางเอกกับเขาบ้าง
“ขอบคุณค่ะน้าเขียว อาหารฝีมือน้าเขียวยังอร่อยเหมือนเดิมเลย” หล่อนเป็นที่รักของครอบครัวนี้ รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัย แล้วติดต่อกันมาตลอดจนทำงาน เรียกว่าเพื่อนแท้ก็ไม่ผิดนัก
หนุ่มร่างสูงรับประทานอาหารไม่พูดจา เขาชอบฝีมือของน้าชายคนนี้เป็นพิเศษ ไม่ว่าทำอะไรก็อร่อยหมดทุกอย่าง ขนาดน้ำพริกแกงสีแดงที่รับประทานเข้าไปยังไม่เผ็ดเหมือนนึกกลัว
เวเนสต้าและโรเบอร์โต้เชฟชื่อดังที่เขาจ้างไว้เพื่อทำอาหารที่บ้านยังต้องยอมแพ้ อยากซื้อตัวชายคนนี้กลับไปอิตาลีด้วยจังเลย
“คนนี้เหรอที่แกพูดให้ฟัง” กระซิบกับเพื่อนแล้วมองคนที่นั่งตรงข้าม หน้าตาหมดจดไม่เหมือนฝรั่งที่มาเที่ยวแบ็กแพคทั่วไป กิริยามารยาทบนโต๊ะอาหารก็บ่งบอกว่าเป็นผู้ดีได้รับการอบรม เคี้ยวอย่างเรียบร้อยไม่เสียงดังหรืออ้าปากด้วยซ้ำ
มองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนดังมากกว่าบุคคลทั่วไป
“อือ” ตอบเสียงเบา กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“หล่อจนอยากได้เป็นพ่อของลูก” พอเพื่อนพูดแบบนั้นหล่อนก็ค้อนเข้าให้จนธยาน์ต้องรีบปิดปากเงียบ แล้วแอบสังเกตคนหล่ออย่างวิเคราะห์
ไม่แปลกใจที่จะทำให้เพื่อนเธอพูดถึงได้เป็นวรรคเป็นเวรทั้งที่เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่วัน ดูเหมือนสาวสวยที่ครองตัวเป็นโสดมานานจะพลาดท่าให้พ่อหนุ่มหน้าคมที่อิมพอร์ตมาจากอิตาลีเสียแล้ว
แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอว่าเขาไม่ธรรมดา ไม่ใช่ความ โด่งดังหรือมีชื่อเสียง ทว่าหน้ากากที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าตายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรต่างหากที่น่ากลัว
บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ค่อยมั่นใจกับความรักครั้งนี้ของอลิสาเท่าไหร่ กลัวว่าหล่อนจะเจ็บหากสิ่งที่เห็นไม่ใช่อย่างที่วาดหวังเอาไว้