บท
ตั้งค่า

บทที่๑...หนุ่มผู้โชคร้าย (๒)

เห็นจนชินกับการที่บ้านหล่อนกินของหวานก่อนกินของคาว และปิดท้ายด้วยผลไม้ แบบนี้จะไม่ให้อ้วนได้อย่างไร เล่นกินอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจไขมันส่วนเกินสักนิด ทว่ามารดาของเธอก็ไม่อ้วน อาจด้วยท่านทำงานตลอด การเผาผลาญจึงค่อนข้างดี

“กินเลย หนูขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” เดินขึ้นชั้นสองแล้วไปยังห้องทางด้านซ้ายที่หน้าประตูเขียนไว้ว่าห้องของอลิส ชั้นบนมีห้องนอนสามห้องเป็นของผู้หญิงทั้งหมด ส่วนชั้นล่างเป็นห้องนอนของน้าเขียวเพียง คนเดียว

หล่อนถอนหายใจก่อนจะนอนลงบนเตียงกว้าง มองเพดานที่ติดสติ๊กเกอร์ดาวเรืองแสงเอาไว้ แล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า อยากลาออกแต่ก็ไม่รู้จะหางานที่มั่นคงจากไหน เธอไม่ได้มีความสุขกับการทำงานนอกจากทำไปวันๆ เพื่อเลี้ยงชีพและครอบครัว

คงจะดีถ้ามีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้น หรือทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวกระชุ่มกระชวยบ้าง

หลังจากดูภาพยนตร์แอคชั่นจบ หล่อนก็เดินออกมาซื้อเสื้อผ้า ตัวใหม่หลังเงินเดือนออก จับจ่ายซื้อของตามความต้องการเรียบร้อยจึงเดินไปร้านอาหารตามสั่ง เลือกจะกินผัดพริกเผาหอยลาย และไข่เจียวหนึ่งจาน รับประทานด้วยความเอร็ดอร่อยพลางหันไปมองคนที่เดินเข้ามาเป็นคู่

แอบถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น เธอเคยมีแฟนทว่าทุกอย่างมันก็ไม่เป็นไปตามที่หวังเท่าไหร่ แฟนคนแรกคบตอนอยู่ มอสามจนถึงมอหก เลิกกันก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะฝ่ายนั้นต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ พร้อมขาดการติดต่อไปเอง คาดว่าตอนนี้ก็ยังไม่กลับไทย เห็นว่ามีภรรยาเป็นสาวอเมริกันไปแล้ว

คนที่สองคบตอนเรียนมหา’ลัย และชายหนุ่มเจ้าชู้มากจนเธอบอกเลิก ใช้เวลากว่าสองปีในการตัดใจ ตอนนี้เลยไม่มีแม้แต่เยื่อใย อลิสาจึงเลือกจะใช้ชีวิตโสดดีกว่า ไม่ต้องยุ่งกับใครหรือเจ็บปวดเพราะความรักอีก

“ขอโทษนะครับ คุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้ไหม” หนุ่มร่างสูงเข้ามาพูดคุยกับเธอด้วยท่าทีสุภาพ พอเงยหน้าขึ้นไปมองถึงกับตะลึงในความหล่อเหลา หญิงสาวอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างเชื่องช้า

เคยเห็นหนุ่มต่างชาติมาก็มาก ทว่าคนนี้มีเสน่ห์ที่สุด ดูจากการแต่งกายที่สวมเสื้อยืดและกางเกงขาสามส่วนพร้อมรองเท้าผ้าใบแล้ว คงแบ็คแพคมาเที่ยวในประเทศนี้เพียงลำพัง หน้าตาของเขาค่อนข้างสลดจนดูน่าสงสาร

“ได้ค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ถามอย่างมีน้ำใจ หล่อนพูดภาษาต่างประเทศคล่องทั้งอังกฤษและอิตาลี เพราะบิดาเป็นคนอิตาลีจึงได้สอนหล่อนให้หัดพูดตั้งแต่เด็ก จนท่านเสียไปอลิสาก็เลือกจะเรียนภาษาบ้านเกิดพ่อเสริม จนพูดคุยอ่านเขียนได้คล่องพอสมควร

พอเห็นว่าเธอพูดภาษาอังกฤษได้ก็ยิ้มอย่างดีใจ รีบอธิบายให้ฟังเป็นฉากโดยสำเนียงอเมริกันอย่างเร็ว เล่นเอาหล่อนฟังแทบไม่ทัน

“ผมโดนขโมยกระเป๋า พยายามวิ่งตามแล้วแต่ไม่ทัน ของสำคัญอยู่ในนั้นหมดเลยทั้งเงินและวีซ่า โทรศัพท์ที่ติดต่อเพื่อนได้ก็ถูกขโมย ตอนนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง ไปสถานีตำรวจใช่ไหมหรือสถานทูต ผมสับสน ทำอะไรไม่ถูก คุณช่วยผมได้ไหม” อย่างแรกที่เขาควรทำคือใจเย็น

หญิงสาวยื่นน้ำเปล่าให้อีกฝ่ายเพื่อบอกเขาสงบสติอารมณ์ เข้าใจว่าคงว้าวุ่นใจที่ของสำคัญหายไปทุกอย่าง หล่อนตัดสินใจพาหนุ่มตัวสูงไปสถานีตำรวจใกล้สถานที่ซึ่งเขาโดนขโมยของ

ขึ้นมาบนโรงพักเพื่อแจ้งความ แต่ดูเหมือนตำรวจจะไม่ได้ให้ความสนใจซักเท่าไหร่ จับจูงแขนหนามานั่งตรงข้ามกับร้อยเวรคนหนึ่งที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แถมตอนนี้ตำรวจหลายนายยังเดินไปมาเหมือนวุ่นวายกับเอกสาร

“มาแจ้งความของหายค่ะ” บอกรายละเอียดต่างๆ โดยเป็นล่ามให้เขาอีกที

“ของหายตรงนั้นได้คืนยาก หลายคนที่มาแจ้งความก็ไม่ได้ของคืนหรอก” พูดแบบปัดความรับผิดชอบจนหล่อนถึงกับอ้าปากค้าง เพิ่งเคยมาทำเรื่องครั้งแรกก็หน้าชาจากการไม่แยแสของผู้พิทักษ์สันติราษฎ์

“เขาพูดว่ายังไงเหรอ” หันมาถามด้วยความอยากรู้ แต่หล่อนก็ไม่มีเวลามาแปลเพราะข้างในร้อนระอุไปหมด

“แล้วยังไงคะ เขาก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้รับคืนอย่างนั้นเหรอ พวกคุณมีหน้าที่ไปหามาคืนหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะมีตำรวจไว้ทำไม” พยายามข่มอารมณ์ที่สุด แต่มันก็ทำไม่ได้จึงสาดวาจาเผ็ดร้อนออกไปให้อีกฝ่าย เล่นเอาตำรวจหนุ่มถึงกับชักสีหน้าไม่ชอบใจ

“ที่ทำให้ตอนนี้ได้คือออกใบแจ้งของหาย แล้วให้เขานำไปให้สถานทูตเพื่อขอวีซ่าใหม่ เรื่องของหายจะตามให้ทีหลังแล้วกัน” พูดแบบขอไปที มือเล็กกำเข้าหากันแน่น หล่อนกำลังจะเปิดศึกกับตำรวจอีกรอบ แต่คนข้างกายก็จับไหล่เอาไว้ก่อน

“คุณใจเย็นนะ” เพิ่งนึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่มันก็น่าโมโหจนไม่อาจทนเฉยทำเพียงแค่มอง

ทว่าหล่อนก็ต้องจำยอมพาเขาออกมาจากสถานีตำรวจพร้อมใบแจ้งความเพื่อไปยังสถานทูตของประเทศที่เขาเพิ่งจากมา

“คุณเป็นคนที่ไหน” หันมาถามเพื่อจะได้พาไปยังสถานทูตได้ถูกต้อง

“อิตาลี ผมเป็นคนอิตาลี” ชื่อประเทศทำให้หล่อนยิ้มออกมา ราวเจอคนรู้จัก ไม่ได้พูดภาษาที่สามมานานคราวนี้ได้ใช้แล้ว

“ฉันก็เป็นลูกครึ่งอิตาลีนะ” ภาษาอิตาลีที่เปล่งออกมาทำให้ร่างสูงประหลาดใจ แต่ก็แย้มยิ้มราวดีใจที่ได้พบเจอคนพูดภาษาเดียวกัน สำเนียงหล่อนอาจจะยังไม่เหมือนคนท้องถิ่นเพราะเรียนในประเทศไทย ไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตที่เมืองเจ้าของภาษา

แต่โดยรวมก็ถือว่าดีแล้ว พูดคุยรู้เรื่องเขาก็ยกย่องว่าอีกฝ่ายเก่งหมดนั่นแหละ เรื่องภาษาใช่ว่าต้องได้ร้อยเปอร์เซ็นเสียเมื่อไหร่

“อเมซิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าผมจะโชคดีเจอคนที่พูดอิตาลีได้ ผมพยายามเข้าไปขอความช่วยเหลือหลายคนแต่เขาก็พูดอังกฤษไม่ได้ ผมเลยไม่หวังว่าจะเจอคนไทยที่พูดอิตาลี” ร่ายยาวด้วยความแปลกใจ ก่อนจะขึ้นรถโดยสารเพื่อไปยังสถานทูต

ตอนนี้หล่อนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เขาก่อนเพราะว่าหนุ่มฝรั่งไม่มีเงินติดตัวสักบาท นอกจากกระเป๋าเป้บนหลัง แน่นอนเขาไม่ได้แบ่งเงินไว้ในกระเป๋าเป้เลย ทำเอาเธอถึงกับเกาหัวที่หนุ่มนักท่องเที่ยวไม่ได้มีแผนการสำรองหากเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน

ระหว่างทางก็คุยภาษาอิตาลีกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเธอได้ฝึกภาษาด้วย และเขาเองก็ค่อนข้างสุภาพบ่งบอกถึงการถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี หากไม่ใส่ชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่เปลี่ยนเป็นสูทเนื้อดีคงคิดว่าเป็นนักธุรกิจพันล้านแล้ว

หลังจากทำเอกสารทั้งหมด จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อซีน่อน โคลด์

“ผมไม่มีที่ไป คุณพอจะมีที่พักให้ผมไหม ผมขออยู่แค่หนึ่งสัปดาห์ระหว่างรอเพื่อนกลับไทยก็ได้” ออกมาจากสถานทูตเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเว้าวอน พร้อมดวงตาคมที่อ้อนจนไม่อาจปฏิเสธได้ หล่อนนิ่งคิดไปสักครู่แล้วถอนหายใจ

เพิ่งเจอกันครั้งแรกชายหนุ่มจะไว้ใจได้มากแค่ไหน แต่จากการที่สอบถามทางสถานทูตนั้น ซีน่อนไม่มีประวัติอาชญากรรม นอกจากนั้น ชายหนุ่มยังทำงานในบริษัทใหญ่โตอย่างบลู เวลา (Blue Vela) บริษัทขนส่งขนาดใหญ่ของประเทศอิตาลี

ข้อมูลของสถานทูตคงไม่เป็นเท็จ เพราะฉะนั้นถ้าพาเขากลับไปพักอาศัยที่บ้านระหว่างชายหนุ่มรอเพื่อนกลับไทยคงไม่เป็นปัญหาอะไร

คิดอย่างถี่ถ้วนกับตนเอง ก่อนเงยหน้าเพื่อมองบุคคลที่มีส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร จากที่คิดว่าตนเองสูงกว่าชายไทยทั่วไป ตอนนี้กลายเป็นบุคคลตัวเล็กเมื่อยืนข้างหนุ่มต่างชาติ

“คุณไปพักบ้านฉันก่อนก็ได้ เราเคยทำโฮมสเตย์ช่วงหนึ่ง มีบ้านว่างให้พัก” บ้านเธอเปลี่ยนกิจการหลายครั้ง ตอนแรกก็ทำโฮมสเตย์ให้แขกได้พัก ทว่ารายได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร โดยมีน้าเขียวเป็นพ่อครัว ซึ่งทำได้ไม่กี่ปีก็ขาดทุน

พอเปลี่ยนเป็นร้านต้นไม้จึงพอลืมตาอ้าปากได้ ทำให้หลังบ้านยังเหลือบ้านพักว่างหนึ่งหลัง เพราะที่เหลือปล่อยให้คนอื่นซื้อไปหมดแล้ว เพื่อนำเงินมาหมุน

“จริงเหรอ ผมขอไปพักด้วยได้ไหม” ตื่นเต้นจนเผลอจับแขนหล่อนแล้วเขย่าด้วยความดีใจ ขัดกับรูปลักษณ์แข็งแกร่งของชายหนุ่มจนเธอหลุดยิ้มเอ็นดู

เอ็นดูเหรอ...ใช้กับผู้ชายที่สูงเกือบสองร้อยเซนติเมตรได้ไหมนะ

“ได้สิ ตามมาแล้วกัน” ขึ้นมาบนรถขนส่งมวลชน ทั้งสองกลายเป็นเป้าสายตาเพราะดูดีทั้งคู่

“เดี๋ยวถ้าเพื่อนผมมาถึงไทยจะจ่ายค่าที่พัก ค่าอาหารให้คุณนะ ระหว่างนี้ผมสามารถช่วยอะไรคุณได้บ้าง” ท่าทีของเขากระตือรือร้นจนหล่อนแสร้งทำเป็นนิ่งคิดครู่ใหญ่ ส่วนชายหนุ่มก็เผลอมองใบหน้าสวยด้วยความชื่นชม

สวยกว่าในรูปที่เห็นซะอีก เติบโตมาอย่างดีเลยนะอลิสา

“คุณปลูกต้นไม้เป็นไหม” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า

“ผมไม่ถนัดปลูกต้นไม้ ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านผมก็ทำไม่เป็น แต่เรื่องใช้แรงงานผมถนัดนะ” บอกถึงข้อดีของตนเอง เล่นเอาหล่อนถึงกับยิ้มขัน

นั่นสินะ ผู้ชายคนนี้ดูหน่วยก้านแล้วคงทำงานครัวไม่ได้ งานปลูกต้นไม้ก็คงไกลห่าง ที่ทำได้ก็เป็นงานใช้แรง ซึ่งจะได้มาช่วยน้าเขียวพอดี

ลงจากรถเมล์ก็เดินเข้ามาในซอยไม่ไกลนัก เขาเห็นร้านต้นไม้ ที่ด้านหน้าใช้สแลนมุงเป็นหลังคา แดดส่องลงมาโดนต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม เห็นแล้วก็สดชื่นไปด้วย คิดถึงบ้านของตนเองที่เพิ่งจากมาเมื่อไม่นาน

เงยหน้ามองแผ่นป้ายที่เขียนเป็นตัวอักษรภาษาไทย ซึ่งแน่นอนว่าร่างสูงอ่านไม่ออกหรอก จึงได้เดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปข้างในแทน

“กลับมาแล้วเหรอลูก นั่นใครน่ะ” เห็นบุตรสาวเดินถือของเข้ามาภายในร้าน แถมมีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีพ่วงมาด้วยอีกต่างหาก ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

ร้อยวันพันปีบุตรสาวคนนี้เคยพาผู้ชายเข้ามาที่บ้านเสียเมื่อไหร่ ครองตัวเป็นโสดแถมประกาศว่าจะไม่แต่งงานจนแม่นึกกังวลใจ กลัวไม่มีใครดูแลอลิสายามแก่เฒ่า ความคิดของเด็กสมัยนี้ไม่ได้สนใจเรื่องคู่ครองเท่าไหร่ บอกว่าบ้านพักคนชรามีเต็มไปหมด แค่เธอมีเงินก็เข้าพักได้แล้ว ไม่เห็นจะต้องง้อคนอื่นเลย

ทว่าในความคิดของคุณแสนดีก็อยากให้ลูกมีครอบครัวเป็นฝั่ง เป็นฝา ไม่อยากให้อยู่บนโลกนี้คนเดียวยามท่านจากไป

“อ้อ พอดีเขาโดนขโมยกระเป๋าน่ะแม่ เงินก็หาย ของสำคัญก็หายไปหมด เขาไม่มีที่พักหนูเลยให้มาอยู่โฮมสเตย์หลังที่ว่างค่ะ” อธิบายให้ท่านฟัง ก่อนที่มารดาจะถามด้วยความสงสัย

“เขา..เป็นคนดีใช่ไหม” คำถามนั้นพอจะเข้าใจได้ว่าท่านกังวลเรื่องหนุ่มตาน้ำข้าวจะมาหลอกลวง หรือเป็นคนร้าย หล่อนจึงพยักหน้าพร้อมให้คำตอบอย่างหนักแน่น

“เป็นคนดีค่ะ เขาไม่มีประวัติอาชญากรรม แล้วก็ทำงานในบริษัทใหญ่ของอิตาลี จากการที่หนูได้คุยกับเขาแล้วไม่มีท่าทีคุกคามหรือเป็นคนร้ายนะคะ” พูดเพื่อให้ท่านสบายใจ คุณแสนดีจึงได้พยักหน้าแต่ก็ไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่

“ซาหวัดดีคับ” เห็นเจ้าของร้านมองมาที่ตนจึงยกมือขึ้นพร้อมพนมตรงอกแล้วก้มลงอย่างเก้ๆ กังๆ เรียกรอยยิ้มจากคนมองเป็นอย่างดี

“คุณฝึกมาเหรอ” ท่านถามกลับด้วยภาษาอังกฤษ ทำให้ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วอมยิ้ม คิดว่าการอยู่บ้านหลังนี้คงไม่ลำบาก อย่างน้อยก็มีคนพูดภาษากลางได้ตั้งสองคน

“ครับ ผมฝึกมานิดหน่อย ซาหวัดดีคับ เท่าไรคับ ลดหน่อยได้ไหม ผมหล่อนะ” คำสุดท้ายที่หนุ่มฝรั่งได้เอ่ย เล่นเอาอลิสาหัวเราะลั่น ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะตลกขนาดนี้ แถมยังเป็นตลกหน้าตายเสียด้วย

สองแม่ลูกขำกันอยู่สองคน ก่อนที่ละอองจะเดินมาหน้าร้านพร้อมกับน้ำหวานซึ่งนำมาให้ป้าแสนดีได้ดื่มดับกระหาย ทว่าพอเห็นหนุ่มฝรั่งหน้าตาหล่อเหลาอยู่ตรงหน้าน้ำในมือก็แทบหล่นลงมือ จนต้องจับมันให้มั่น

“คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย หล่อมาก หล่ออะไรขนาดนี้ เพิ่งขอแฟนไปเมื่อวานวันนี้ประทานมาให้ถึงบ้าน โอ้มายก็อต ดูดี ผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว อยากได้ อยากได้คนนี้” ร่ายยาวแต่คนต่างชาติฟังเข้าใจแค่คำเดียวคือโอ้มายก็อต

“พี่ละออง ผู้ชายคนนี้เขาจะมาพักที่นี่กับเราจ้ะ อยู่โฮมสเตย์หลังที่ว่าง” เพียงเท่านั้นคนเป็นพี่ก็ตาลุกวาว รีบเข้าไปหาชายหนุ่มพลางพูดภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น

“มายเนมอิสละออง แอมซิงเกิล ไอว้อนมายเกิลเฟรนของยู” ประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะของสองแม่ลูกอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับหน้าเหลอหลาด้วยความงงงวย

ก่อนที่จะถูกพามายังโฮมสเตย์หลังเล็กที่ว่าง ซึ่งตอนนี้มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด เล่นเอาเจ้าพ่อมาเฟียถึงกับกุมขมับ

เขาต้องอยู่ห้องนี้จริงๆ เหรอเนี่ย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel