บทที่ 11 คนแปลกหน้าที่เดินผ่าน
โม่เซียวเฉินทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกรี้ดของหญิงผมสั้น สายตาที่เร่าร้อนจับจ้องไปที่เซี่ยหยูหว่านอย่างแน่น
เนื่องจากเขาโมโห สีหน้าที่ขาวเนียนมีสีแดงปรากฏสองข้าง ราวกับเชอรี่น่ากินมากๆ
จากนั้นหญิงสาวก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน ยื่นมือหยิบแบงค์สีแดงกองหนึ่งจากกระเป๋า และค่อยๆยัดเข้าไปในมือของโม่เซียวเฉิน
นิ้วมือที่ขาวเนียนไปสัมผัสแขนของผู้ชาย ท่าทางใกล้ชิดมาก สายตาดึงดูดคนยิ่งนัก
ค่อยๆเอ่ยขึ้นมาว่า"หนึ่งแสน ไม่งั้นฉันขอเหมาแกคืนหนึ่งได้ไหม?หน้าตาของแกนี่ก็ดีกว่าบาร์โฮสในร้านของฉันเลยนะ"
เปรียบเทียบเขากับบาร์โฮสพวกนั้นเลยหรือ!
โม่เซียวเฉินไม่ค่อยสบายใจ คิ้วที่หนาแน่นและสวยงามขมวดขึ้นมา
"พวกเขาจะเทียบกับฉันได้อย่างไร!*
"ใช่หรือ?"
"ฉันหนึ่งวันทำได้เจ็ดครั้งแกจะลองไหม ฉันไม่เก็บเงินแก"
โม่เซียวเฉินจับมือของเธอเอาไว้ และจูบลงหลังมือของเธอท่ามกลางสายตาที่อึ้งของเซี่ยหยูหว่าน
"ปัง"
เสียงตบหน้าที่ดังทำให้ทุกคนเหงื่อออก หญิงผมสั้นก็เบิกตากว้างเช่นกัน
"แก......แกกล้าหาญนัก!"
ใบหน้าของโม่เซียวเฉิน มีรอยนิ้วมือปรากฏอย่างชัดเจน
ดีมาก นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาโดนตบ และยังโดนผู้หญิงคนหนึ่งตบด้วย!
ผู้ชายเงยหน้าขึ้นมา และเม้มปาก อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
"ฝ่ามือของที่รักนุ่มจริงๆเลย ตบหน้าของฉันแต่ฉันรู้สึกอ่อนหวานใจมาก"
แม่ง อย่าบอกว่าเขาเป็นคนที่ชอบถูกคนอื่นทรมานนะ
เซี่ยหยูหว่านลืมตาเล็กน้อย ใช้สายตาที่มองคนไม่ปกติมองเขา
"ประสาท พี่ไม่เล่นกับแกแล้วนะ"
"อืม?"
เห็นว่าร่างสีดำนั้นวิ่งกลับไปบนรถอย่างกับหนีภัย และเหยียบเบรคจากไป
แต่โม่เซียวเฉินกลับยิ้มมุมปาก อารมณ์ดีมาก
"หัวจ่าย ช่วยฉันจดทะเบียนรถไว้สิ ไปตรวจสุขภาพฐานะของหญิงคนนั้นสิ"
"คุณชายโม่ ท่านจะไปแก้แค้นกับเธอหรือ?"หัวจ่ายถามอย่างระมัดระวัง เริ่มจินตนาการถึงลักษณะที่น่าสงสารของผู้หญิงคนนั้นแล้ว
"แก้เหี้ยอะไร ห้ามไปทำร้ายเธอเลยนะ"
ครั้งแรกมีผู้หญิงกล้าตบหน้าเขา โม่เซียวเฉินรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นตรงใจตัวเองมาก
แน่นอนว่า รอให้เขาได้ชิมดูแล้วอาจจะทิ้งเธอไปก็ไม่แน่
ไอ้หญิง รอดูเถอะ!
เนื่องจากผู้ชายที่น่าขยะแขยงนั้น ทำให้เซี่ยหยูหว่านลืมซื้อเค้กให้คุณตาแล้วด้วย
ขับเกือบหนึ่งชั่วโมง เธอใกล้จะถึงทางเข้าบ้านคุณตา ถึงจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เหลือบตาไปมอง เห็นว่าข้างทางมีป้าคนหนึ่งกำลังขายสายไหมอยู่พอดี
สมองของเธอมีฉากภาพเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมีรอยยิ้มจางๆเกิดขึ้น
"คุณน้า สายไหมสองอันหน่อยค่ะ"
"ได้เลย"
จอดรถไว้ใต้ต้นไม้ เซี่ยหยูหว่านสองมือจับแก้มนั่งยองอยู่ข้างคุณน้า
เธอจำได้ว่าตอนที่ตัวเองเรียนประถม ทุกครั้งที่คุณตามานับเธอต่อยเลิกเรียน
ถูกเธองอนจนต้องซื้อสายไหมให้เธอไม้หนึ่ง
คุณน้าเอาไม้เสียบมาอย่างคุ้นเคย และหมุนตามรูกลมๆ
ไม่นาน สายไหมก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดถึงมือเธอจะเป็นก้อนขาวๆใหญ่ๆ
"น้องคะ สายไหมของคุณได้แล้วนะ"
"อ๊ะ?โอเคค่ะ"
ในตอนที่เซี่ยหยูหว่านรับสายไหมไป ในใจก็เกิดความทอดถอนใจอย่างหนึ่ง
สามปีแล้ว
เธอไม่ได้เจอคุณตาสามปีแล้ว ลืมว่ารสชาติแห่งความหวานเป็นยังไงบ้างแล้วด้วย
สิ่งที่ฟู่เจวี๋ยเซินนำมาให้เธอ มีแต่ความขมที่ไร้ที่สิ้นสุด
เซี่ยหยูหว่านรับสายไหมไป ปกปิดอารมณ์ในนัยน์ตา แล้วหยิบเงินหนึ่งร้อยออกมาพร้อมวางเข้าไปในกล่องเก็บเงินของคุณน้า
คุณน้ากำลังหาเงินทอนอยู่ แต่เธอเดินไปอย่างเงียบๆ
แผงเล็กๆแบบนี้ไม่ง่ายเลย หาเช้ากินค่ำเพื่อเงินไม่กี่บรรทัด และระบบการดูแลในเมืองก็ค่อนข้างจะเข้มงวด
หลบๆซ่อนๆ วันหนึ่งได้เงินไม่กี่บาทเลย
เธอช่วยได้หน่อยก็ช่วยเถอะ
มองจากที่ไกลเธอก็เห็นหญิงงามคนหนึ่งใส่กระโปรงสายเดี่ยวสีดำ ในมือถือสายไหม เดินอยู่ในทางเดิน
แสงอาทิตย์ฉายส่องไปบนหน้าที่ขาวเนียนของเธอ ขอบตาแดงอยู่แต่ก็ปรากฏรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง
อีกคนหนึ่งได้เห็นฉากนี้พอดี
เกาเฟิงพึมพำคำหนึ่ง"นั่นคือ......คุณนายใช่ไหม?"
ฟู่เจวี๋ยเซินมองไปตามเสียง
เห็นแต่ร่างสีดำนั้นค่อยๆเดินมา เดินไปด้วยเลียสายไหมไปด้วย รอยยิ้มดูพอใจมาก
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตะลึง
จากนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างแน่น เธอจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ตั้งใจตรวจสอบร่องรอยของเขา รู้ว่าเช้านี้เขามาเซ็นสัญญาที่เมือง S หรือเปล่า เลยมาตามเขาหรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของฟู่เจวี๋ยเซินก็มืดครึ้ม เย็นชาเป็นพิเศษ
ถ้าเธอกล้าจะตามเขาไปเรื่อย เขาจะไม่ปล่อยเธอง่ายๆอีกเลย
เกินความคาดเดา ช่วงเวลาที่เดินสวมไหล่กัน เซี่ยหยูหว่านทำเป็นไม่เห็นเขา
สายตามองทางข้างหน้าอย่างใจเย็น ไม่ได้หยุดแม้แต่น้อย
รองเท้าส้นสูงเหยียบอยู่บนพื้น ส่งเสียงที่ชัดเจนเป็นระเบียบ และค่อยๆไกลจากกัน
ก้มหน้าลงนั่งขึ้นไปบนรถแล้วจากไป
อืม?
มองเขาเป็นอากาศหรือ?
ดีมาก!
เขาอยากได้ผลแบบนี้แหละไม่ใช่หรือ?
เซี่ยหยูหว่านไม่มายุ่งกับเขาแล้ว!
ฟู่เจวี๋ยเซินคิดอยู่ในใจ
"ประธาน......ประธานฟู่ครับ ท่าน ท่านได้ยินคำพูดของผมหรือเปล่าครับ?"
เกาเฟิงเตือนด้วยเสียงเบา
เขาทำหน้าบึ้งตึง พยักหน้า"ได้ยินแล้ว ฉันรู้สึกว่าสัดส่วนการลงทุนมีปัญหาหน่อยนึง......"
ตั้งใจทำงาน
เกาเฟิงถอนหายใจออกมา เขาไม่เข้าใจเรื่องระหว่างประธานกับคุณนายหรือเกิน
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยมีแฟนมาก่อน
จะไม่มีความรู้สึกได้อย่างไรล่ะ?
นั่นเป็นคนที่เธอชอบเป็นคนแรก แต่ด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง เซี่ยหยูหว่านห้ามให้ตัวเองเผยให้เห็นความอ่อนแอใดๆต่อหน้าผู้ชาย
เธอกัดสายไหมอย่างแรงคำหนึ่ง ความหวานเต็มปากทำให้เธอรู้สึกสบายใจหน่อยแล้ว
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง รถจอดอยู่หน้าประตูเรือนสี่ประสานแบบสมัยก่อนหลังหนึ่ง
เรือนสี่ประสานนี้เป็นบ้านบรรพบุรุษของตระกูลไป๋ เคยถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งเนื่องจากสงคราม
ต่อมาคุณตาได้ทำการซ่อมแซมเหมือนเมื่อก่อน และย้ายกลับมาที่นี่
เซี่ยหยูหว่านมองเรือนสี่ประสานที่คุ้นเคยนี้ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ไม่ได้มีมานาน ลังเลสักครู่หนึ่งแล้วเดินหน้าขึ้นไป
จับห่วงประตูและเคาะเบาๆสามที
"ใครหรือ?"
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างใน เซี่ยหยูหว่านแสบจมูก เกือบจะร้องออกมา
เธอกัดริมฝีปากและทนเอาไว้
"คุณตา หนูนี่เองค่ะ"
"แอ๊ด"
ประตูถูกเปิดออก ลมเย็นจากข้างนอกเป่าจนประตูเปิดออก
ใบไม้พัดมาตามลม และหล่นอยู่ใต้เท้าของคนแก่
เขาใส่รองเท้าผ้าที่ทำด้วยมือคู่หนึ่ง ข้างบนเปื้อนวัตถุดิบที่ใช้ในการวาดภาพหน่อยนึง ใส่ชุดที่เรียบร้อย แว่นสสยตาสั้นสีดำ และผมงอก......
มองยังไงนี่ก็เป็นคนแก่ธรรมดาคนหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเด่นนั้นจะเป็นบุคลิกของผู้มีความรู้รอบตัวเขา เพียงมองก็รู้ว่าเป็นผู้มีความรู้
"หว่านหว่าน อีนังนี่ยอมกลับมาสักที"
เขากรีดขึ้นมา ยกระดับเสียง
