บทที่๒...เริ่มจีบไม่ให้รู้ตัว (๒)
“มันไม่แน่ใจ แต่พอพี่สอนก็เริ่มมั่นใจแล้ว” ปิดหนังสือสมุดทันที หล่อนจ้องมองใบหน้าคมแล้วยิ้มกว้างจนคนถูกมองเริ่มตงิด รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
“มองทำไม” ถามเสียงเรียบ หล่อนจึงเข้าเรื่องที่นอนคิดมาอย่างดีทั้งคืน
“ถ้าพิ้งได้เป็นคทากรพี่ไปรับทุกวันหน่อยสิ” นี่เธอเห็นเขาเป็นคนใช้หรือไง นึกว่าหลังรับน้องทุกอย่างจะกลับไปเป็นปกติ ทว่าพรรณิดากลับขอความช่วยเหลืออีกรอบ แถมยังทำตาปริบอ้อนอีกต่างหาก จนชายหนุ่มต้องถอนหายใจ
“เป็นให้ได้ก่อนเถอะค่อยว่ากันอีกที” เหมือนถูกหยามว่าหล่อนไม่สามารถเป็นคทากรได้ ยิ่งมีแรงฮึดมากกว่าเดิม
“ถ้าเป็นได้ล่ะ” เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย จนคนมองต้องส่ายหัว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมั่นใจเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยวฉันไปรับส่งทุกวันเลย” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างมีความสุข แค่คิดว่าจะได้เห็นหน้าณัชตลอดทั้งเช้าเย็นก็มีความสุขแล้ว
จากที่ไม่คิดจะไปคัดเลือกคงต้องตั้งใจมากกว่าเดิม งานนี้มีความรักเป็นเดิมพัน หล่อนต้องการให้เขาเห็นตนอยู่ในสายตาสักที
“โอเค ดีล” เก็บหนังสือกลับบ้านพลางฮัมเพลงอย่างมีความสุข เล่นเอาร่างสูงมองตามพลางคิดว่าเห็นเขาเป็นเบ๊เธอคงมีความสุขมากสินะ
ไม่ได้รู้เลยว่าน้องสาวข้างบ้านกำลังคิดไม่ซื่อด้วย
หญิงสาวตั้งใจในการเข้าคัดเลือกเป็นคทากรของมหาวิทยาลัยจนเพื่อนสนิททั้งสองไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น จากคนที่แทบไม่สนกิจกรรมที่เน้นหน้าตา กลับอยากเข้าไปเป็นหนึ่งในคทากรซึ่งการคัดเลือกเข้มข้นยิ่งกว่าประกวดร้องเพลงเสียอีก
ใต้ต้นไม้ใหญ่ของคณะที่มีม้าหินอ่อนเรียงรายให้นิสิตได้นั่งพักผ่อน ถูกจับจองด้วยสาวคณะเภสัชที่จ้องพรรณิดาเป็นตาเดียว แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“เดี๋ยวนะ แกชอบพี่ณัช จริงเหรอพิ้ง สมองกระทบกระเทือนหรือเปล่า” สกุนตลาไม่อยากจะเชื่อ เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมได้ยินเพื่อนด่าพี่ข้างบ้านให้ฟังก็บ่อยครั้ง เกิดอะไรขึ้นถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“ก็ไม่แปลกนะ พี่ณัชทั้งหล่อ ทั้งเรียนเก่ง แต่มันจะตงิดก็ตรงที่แกทะเลาะกับเขาแทบทุกวัน แต่ดันไปตกหลุมรักเนี่ยแหละ” ชลิตาที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานก็มองออก จากการนั่งรถกลับบ้านโดยมีณัชเป็นสารถีทำให้เห็นว่าเพื่อนสนิทตนหาเรื่องรุ่นพี่ตลอด
จนไม่เข้าใจว่าไปหลงรักได้อย่างไร ที่แกล้งคือการบอกรักทางอ้อมเหรอ ถ้าเธอเป็นณัชก็คงช็อคเหมือนกัน
“ฟังนะจ้ะสรและติ้ง ฉันไม่ได้สมองกระทบกระเทือน หรือแปลกประหลาดอะไรทั้งนั้น ฉันรักพี่ณัชจริงๆ” สองสาวอยู่ในอาการอ้าปากค้างไปแล้ว ยิ่งเพื่อนย้ำชัดเจนถึงความรู้สึกขนาดนี้ เล่นเอาถึงกับยกมือกุมขมับ
“สงสารพี่ณัช” ดวงตากลมหันขวับไปมองเพื่อนตาหยีทันที
“อะไรติ้ง” ชลิตารีบส่ายศีรษะ
“เปล่า ไม่มีอะไรเลย” พรรณิดาเห็นดังนั้นจึงต้องแก้ตัวเสียหน่อย ใช่ว่าหล่อนจะเป็นคนไม่ดีซะเมื่อไหร่ ทั้งหน้าตาดี เรียนเก่ง กีฬาเด่น กิจกรรมดัง รักครอบครัว ยิ้มแย้มแจ่มใส มองตรงไหนก็น่าคบหา
“พี่ณัชควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้ฉันเป็นแฟน จะมีใครเพอร์เฟคเท่านี้อีก ข้อดีของฉันน่ะร่ายยาววันเดียวก็ไม่หมดหรอก ส่วนข้อเสีย..” กำลังจะพูดแต่ก็โดนสกุนตลาขัด
“พูดเป็นปีก็ไม่จบเหมือนกัน” ถึงกับถลึงตาใส่เพื่อนรัก ทำไมชอบมองหล่อนในแง่ร้ายนักก็ไม่รู้
“ไม่คุยกับพวกแกแล้ว ไปดีกว่า” หยิบกระเป๋าและถุงผ้ามาถือไว้
“แกจะไปไหน ไม่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนเหรอ” พรรณิดาถอนหายใจแล้วอมยิ้ม กวาดตามองเพื่อนสองคนที่จ้องมายังตนเองด้วยความอยากรู้
“ฉันน่ะ จะไปซ้อมทำหน้าที่แฟนกับพี่ณัชก่อน ไว้เจอกันคาบบ่ายนะจ้ะเด็กๆ” เดินออกจากโต๊ะปล่อยสองสาวมองตามพลางส่ายศีรษะ
แต่ก็อดยิ้มให้กับความน่ารักของพรรณิดาไม่ได้ ที่พูดเมื่อสักครู่ก็แค่ต้องการแหย่เล่น รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้น่ารักมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่นิสัยก็น่ารักด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นที่รักของคนทั้งโรงเรียนหรอก คุณครูก็ถามหาไม่หยุด
เกิดมาเพื่อเป็นที่รักของทุกคนจริงๆ
ยกเว้นก็แค่ณัช...
“เอามาทำไม” ร่างสูงมองน้องสาวข้างบ้านที่ยืนส่งยิ้มให้พลางชูถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารเที่ยงไว้ ผู้คนเดินผ่านไปมาก็หันมามองด้วยความสนใจ
พรรณิดาเป็นนิสิตปีหนึ่งที่โด่งดังในมหาวิทยาลัยพอสมควร ภาพถ่ายถูกเอาไปหลงเพจคนหน้าตาดีและได้ยอดกดไลก์ถล่มทลาย มีหลายคนพยายามเข้าหาแต่หล่อนไม่สนใจและหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด พอมายืนคู่กับรุ่นพี่ปีสี่คณะพาณิชย์ฯ ก็สวยหล่อเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน
“น้าหวานฝากมาให้ ไปกินข้าวกัน” จับแขนหนาแล้วลากไปโรงอาหารของคณะ ที่ตอนนี้มีคนจับจองพื้นที่เต็มไปหมดจนหาที่นั่งแทบไม่ได้
“ไม่เอา เธอก็กินเองสิ เดี๋ยวฉันหาอะไรกินแถวนี้” พยายามขืนตัวไว้ พร้อมปฏิเสธเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น
ถ้าเพื่อนเห็นว่ายังกินข้าวกล่องที่ห่อจากบ้านได้ล้อตาย
“น้าหวานอุตส่าห์ทำ น่าน้อยใจแย่ถ้าลูกชายสุดที่รักไม่กิน” เอ่ยเสียงอ่อย
เขาไม่เข้าใจสักนิด ร้อยวันพันปีแม่ไม่เคยทำข้าวห่อให้สักครั้ง มาวันนี้หล่อนกลับถืออาหารของมารดามาให้ มันน่าแปลกจนไม่อยากเชื่อ
“อ้าว น้องพิ้ง มาทำอะไรที่คณะพี่เหรอ” ต้นหนหรือเขมินท์ วัฒนโยดมเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของณัชเดินเข้ามาทักทายหล่อน
สองคนนี้เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนประถมที่เดียวกันยันมาถึงมหาวิทยาลัย อยากรู้ว่าไม่เบื่อหน้ากันบ้างหรือไง
“พิ้งเอาข้าวเที่ยงที่น้าหวานทำมาให้พี่ณัชค่ะ แต่พี่ณัชไม่ยอมกิน ดูสิคะลูกอกตัญญูตัวอย่าง” ทำเอาคนโดนกล่าวหาหันไปเรียกเธอเสียงดังจนตกใจ
“นี่!” คนรอบข้างหันมามองด้วยความสนใจ พรรณิดาก็สะดุ้งเช่นเดียวกัน
“พูดเบาๆ ก็ได้” ดวงตากลมมีน้ำสีใสคลอ เล่นเอาเขมินท์ต้องเข้าไปปลอบน้องสาวที่เห็นกันแต่เล็กแต่น้อย จนดูเหมือนว่าหล่อนจะเป็นน้องอีกคนของเขาเสียแล้ว
“ไอ้ณัช พูดเบาๆ กับน้องพิ้งสิวะ” กลายเป็นว่าณัชคือคนผิด เขาเงียบไปสักครู่แล้วแย่งถุงผ้าในมือหล่อนมาถือไว้ ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กแล้วพาเดินไปยังม้าหินอ่อนใต้คณะ ซึ่งตอนนี้เหลือที่วางเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรแต่เปิดกล่องข้าวแล้วนั่งกินเงียบๆ โดยมีร่างบางมองพลางอมยิ้มมีความสุข ก่อนเขาจะเงยหน้าทำเอาหล่อนหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“กินข้าวเที่ยงหรือยัง” ส่ายหน้าทันที
เขาจึงได้แบ่งอาหารให้หล่อน ทำเอาคนถูกดูแลยิ้มแก้มปริ แล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมชายหนุ่ม โดยมีสายตาของ เขมินท์มองคนทั้งสองไม่กล้าเข้าไปแทรก รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่ตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเป็นเช่นนั้น
สองคนนั้นชอบกันเหรอ
ส่ายศีรษะกับความคิดของตนเอง ถ้าณัชชอบพรรณิดาแมวคงออกลูกเป็นไข่ เล่นทะเลาะกันทุกวันไม่น่าจะญาติดีกันได้ด้วยซ้ำ
แต่ก็แปลกที่เพื่อนเขายังตามรับตามส่งรุ่นน้อง แถมหญิงสาวก็เกาะติดร่างสูงแจเหมือนกัน หรือบางทีอาจจะมีอะไรที่ตนยังไม่รู้หรือเปล่า
“ตอนเย็นมารับด้วย” หลังกินข้าวเสร็จเธอก็บอกเขาทันที ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย ในเมื่อกิจกรรมรับน้องก็หมดไปแล้ว ทำไมยังต้องไปรับอีก
“เย็นนี้ฉันไม่ว่าง” สาวเภสัชได้ยินก็หรี่ตามองอย่างสงสัย
“ไปไหน มีแฟนเหรอ พิ้งจะบอกน้าหวานว่าพี่ณัชเกเร” ใช้คำขู่ที่ทำมาตั้งแต่เด็ก จนเขาต้องถอนหายใจให้กับน้องข้างบ้าน ทำตัวเหมือนแม่เข้าไปทุกวัน
“มีหรือไม่มีก็ไม่เกี่ยวกับเธอ อยากฟ้องแม่ก็ไปฟ้องเลย ยายเด็ก ขี้ฟ้อง” พูดจบก็เดินเข้าอาคารเรียนปล่อยให้ร่างบางมองตามด้วยอารมณ์ คุกรุ่น
ไม่ได้การณ์เสียแล้ว...
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เธอต้องเสียเขาให้ผู้หญิงคนอื่นแน่ สงสัยคงต้องรุกหนักกว่าเก่า แต่ว่าชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีอะไรส่งกลับมาบ้างเลย เป็นเธอคนเดียวที่บ้ารักเขาอยู่แบบนี้
“โอ๊ย ขอโทษค่ะ” ขณะที่กำลังไปรอรถรางของมหาวิทยาลัยเพื่อกลับคณะตนเองก็เดินชนกับคนที่สวนมา หล่อนมัวแต่คิดเรื่องของณัชจนไม่ดูทาง ต้องเอ่ยขอโทษแล้วค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย
“ไม่เป็นครับ” ไม่ได้ดูหน้าคู่กรณีหล่อนก็เดินเลี่ยงออกมา ในใจกำลังวางแผนเพื่อพิชิตใจพี่ข้างบ้าน
ถ้าเกิดเขามีแฟนจริงๆ เธอจะทำอย่างไร ใจรับไม่ได้หรอกนะที่ต้องยิ้มยินดีทั้งที่น้ำตาไหลเป็นสาย ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท ชายหนุ่มหล่อเหลาจนสาวน้อยใหญ่หลงเป็นแถบ อยากทึ้งหัวตัวเองจริงๆ เลย ไม่รู้คู่แข่งจะเยอะแค่ไหน
“น่ารักชะมัด” ชายหนุ่มที่ชนเธอพึมพำเสียงเบา อมยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนเรียก
“รีบมาได้แล้วไอ้อิง เข้าเรียนสายอาจารย์หมอเอามึงตายแน่” รีบวิ่งไปหาเพื่อนแต่ไม่วายหันกลับมามองร่างบางที่เดินขึ้นรถรางของมหาวิทยาลัย
ถ้าได้เจอกันอีก เขาจะจีบเธอ...