บทที่ 8 มหาเริ่ม
“ถ้าไม่เห็นข้าเป็นเพื่อนแล้วอย่างไรรึไอ้ภี ไอ้ทรพี ข้าเรียกอย่างนี้ได้ไหมวะ”
กำนันโขนหัวเราะใส่หน้าโสภีเพื่อนรุ่นเดียวกัน โสภีพยายามกลั้นความโกรธไว้อย่างสุดความสามารถ เขาเดินออกจากบ้านกำนันโขนด้วยความผิดหวัง นับจากวันนี้ เขาไม่ใช่เพื่อนกำนันโขนและกำนันไม่ใช่เพื่อนของเขา จะเป็นเพียงลูกบ้านกับผู้นำหมู่บ้านเท่านั้น
ผู้ใหญ่กล่ำพูดอะไรไม่ได้ หากเอ่ยปากขอร้องกำนันโขน เขาอาจถูกกำนันแกล้งให้ทางการปลดเขาออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ได้ เขายอมรับว่าตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตและครอบครัวของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้นำหมู่บ้าน ความภาคภูมิใจเกิดในหัวใจตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งวันนั้นแล้ว ทำไมเขาจะหาเรื่องถูกยึดตำแหน่งคืน เขาขอเห็นแก่ตัวตรงนี้แต่เขาจะพยายามช่วยลูกบ้านของเขา
รถกระบะผู้ใหญ่กล่ำจอดหน้าบ้านใต้ต้นมะม่วง ลูกบ้านโดยสารไปด้วยกระโดดลงจากกระบะท้าย โสภีนั่งข้างหน้าคู่กับผู้ใหญ่
“พี่ทิดภี ข้าพูดอะไรมากไม่ได้ พี่ทิดรู้ใช่ไหม อย่างไร ข้าจะพยายามช่วยให้ไอ้ดอนมันมีที่ทำกินต่อไป”
“เอ็งจะช่วยอย่างไร ในเมื่อไอ้กำนันโขนมันพูดอย่างนั้นออกมาแล้ว มันไม่ยอมคายเนื้อในปากออกมาหรอก มันมีแต่จะกลืนเข้าไปเท่านั้น”
“ข้าจะพยายามก็แล้วกัน ทางนี้พูดไม่ได้ เราก็ต้องใช้ทางอื่น”
“ทางอื่นยังมีอีกหรือพี่ผู้ใหญ่”
คำพันไปกับดอนด้วย เขานิ่งฟังกำนันโขนพูดอย่างเดียว เขาเอ่ยปากออกไปต้องมีเรื่องจึงสงบปากคำ เก็บความโกรธแทนเพื่อนไว้ในใจ
“มีสิแต่ข้าบอกเอ็งไม่ได้ดอกพัน ข้าต้องให้แน่ใจเสียก่อนว่าคนที่จะช่วยเราทำได้ ข้าจึงจะบอกพวกเอ็ง พี่ทิดภีด้วยนะ ข้าบอกจะพยายาม ข้าก็จะทำให้ถึงที่สุด ไอ้ดอน อย่าเพิ่งเลือดร้อนนะ เอ็งด้วยไอ้พัน พวกเอ็งน่ะใช้วิธีรุนแรงไม่ได้ มันมีแต่ทางแพ้ เอ็งเข้าใจไหมไอ้พัน ไอ้ดอน ไอ้ถม”
“ข้าเข้าใจ ข้าถึงไม่พูดยวนกวนโมโหกำนันโขน ถ้าข้าพูดรับรอง วันนี้มีคนได้เลือดบ้างละ”
“ไอ้พัน เอ็งใจร้อนมาจากใคร พ่อเอ็งก็ใจเย็น ใจดี รักษาคนป่วยไม่คิดเงินก็ยังมีเพราะเขาไม่มีเงินจะให้ เอ็งทำให้ดีๆ เหมือนพ่อบ้างสิวะ”
โสภีเตือนคำพัน หนุ่มใหญ่รุ่นน้องรับฟังแต่โดยดี ดอนซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินนิ่งเงียบ เขาผิดที่ไปกู้เงินกำนันโขน หากเขาทนอด ทนหิวบ้างคงไม่ต้องเสียที่ดินสมบัติพ่อแม่ไปอย่างนี้
“ข้าขอบใจผู้ใหญ่ พี่ทิดภีที่คิดจะช่วยข้า แต่ถ้ามันยุ่งยากก็อย่าเลยนะพี่ทิด พี่ผู้ใหญ่ ถึงเวลาที่ข้าต้องเสียแล้วละ”
“อย่าเพิ่งท้อสิทิดดอน ระหว่างนี้ เอ็งทำนาไปก่อน ถ้ากำนันบอกให้หยุดค่อยหยุด”
“ไม่ได้ดอกพี่ผู้ใหญ่ เขาบอกข้ามาแล้วว่าห้ามทำ เขาจะขายให้เศรษฐีอีกบ้านหนึ่ง อยู่ทางทิศเหนือจากบ้านเราโน่น”
“ใครวะ”
ผู้ใหญ่กล่ำไม่รู้เรื่องนี้ ทุกครั้งหากมีการซื้อขายที่นา กำนันโขนต้องบอกเขารับรู้และช่วยเป็นธุระไปคุยกับคนจะขายที่นาแต่ทำไมครั้งนี้เขาไม่รู้ กำนันปกปิดอะไรเขาอยู่
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ คนที่รวยที่สุดตอนนี้มังพี่”
“มีคนเดียว มหาเริ่ม ไม่รู้รวยอะไรมา กว้านซื้อที่ดินหลายแปลง ข่าวว่าขายใบกระท่อมให้พวกเจ๊กจีนอะไรนี่แหละ”
โสภีคิดถึงมหาเริ่ม เพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นสักเท่าไรเพราะอยู่ต่างบ้านและที่สำคัญ มหาเริ่มหรือนายเริ่มเคยแวะเวียนมาจีบจำปีแต่จำปีเลือกโสภีเป็นคู่ครอง เริ่มผิดหวังกลับไป โขนจึงติดต่อให้กับน้องสาวเขาซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เริ่มมาสู่ขอตามประเพณีจัดงานแต่งใหญ่โต เขาไม่หยุดเพียงแค่น้องสาวโขน เขาแอบไปมีผู้หญิงหลายหมู่บ้าน ให้เงินเป็นการตอบแทนการหลับนอนชั่วครั้งชั่วคราว ใครท้องก็ให้เงินก้อนไปแต่ไม่รับผิดชอบใครสักคน ภรรยาแต่งตรอมใจเสียชีวิตในอีกสองปีถัดมา
เริ่มกลายเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอม มีสาวรุมล้อมมากมาย เขาเลือกคนซื่ออย่างบัวผัน ไม่ทันความคิดของเขามาเป็นภรรยา เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ไม่มีปาก ไม่มีเสียงคัดค้านหรือออกความเห็นใดๆ กับเริ่ม หล่อนจึงอยู่กับเขาได้และอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อโสภีพูดถึงเริ่มหรือมหาเริ่ม ทุกคนพยักหน้าเกือบพร้อมกัน มีคนเดียวอย่างที่โสภีพูด เริ่มเป็นคนมีเงินเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเหนือ
“ถ้าเป็นมหาเริ่ม ข้าจะไปคุยเอง”
“พี่ผู้ใหญ่รู้จักเขามากแค่ไหน เขามาทางกำนันแล้วนะพี่ คงช่วยไม่ได้แล้วละพี่”
“ข้าจะลองดูก่อนทิดดอน”
ความตั้งใจของผู้ใหญ่กล่ำทำให้ดอนหยุดคำห้ามเพียงแค่นั้น แม้ว่าเขาจะหมดหวังไปแล้ว หากเสียที่ดินไปกับหนี้ก้อนใหญ่ที่เขาไม่เคยเป็นหนี้มากถึง 1 พันบาท เขาก็ยอมรับความจริงที่หมดตัว
ผู้ใหญ่กล่ำเข้าไปขอร้องเริ่ม ให้งดการซื้อขายที่นาของกำนันโขนแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ มหาเริ่มต้องการที่นาแถบท้องนาบ้านวังโอ่ง เขาประกาศเป็นมหาเศรษฐีให้เพื่อนบ้านหมู่ใกล้เคียงรับรู้และขยายอาณาเขตไปอีกหลายหมู่บ้าน
“ไม่ได้ดอกผู้ใหญ่กล่ำ ฉันซื้อไปแล้ว กำนันโขนเอาเงินไปแล้วสามพันบาท โก่งราคาน่าดู กำนันคนนี้ไม่ธรรมดานะผู้ใหญ่ ยังไงก็ระวังตัวบ้าง เขาโกรธใครขึ้นมาเขาทำร้ายลับหลังได้เลือดเย็นเลยนะ”
“มหาเตือนฉันเพื่ออะไร มหาเองก็ร้ายพอๆ กันไม่ใช่หรือ”