บทที่ 7 กำนันโขน
โสภีถือยอดไม้เดินผ่านหน้าบ้านคำพัน เขาเหลียวมองตัวบ้าน มองเลยไปในสวนหลังบ้าน สายตาเขาไม่ฝาดอย่างแน่นอน เมื่อวันก่อนว่านโพงเหี่ยวเฉา ใกล้จะตาย คำพัน สายใจและสายพิณไม่รดน้ำ ตั้งใจปล่อยให้ตาย ทำไมวันนี้ว่านสดเขียวราวกับได้ปุ๋ยคอกอย่างดี ได้น้ำชุ่มชื่นตลอดเวลา เขากะพริบตา ใบว่านสั่นทั้งกลุ่มกอ เขากะพริบตาอีกครั้ง ทุกอย่างคงเดิม ต้นว่านไม่ไหวเอน ไม่สั่นไหว
“ข้าเข้าใจไม่ผิดใช่ไหมพ่อใหญ่พน”
เสียงถอนหายใจดังเพียงแค่เจ้าตัวได้ยินเท่านั้น เขาจะกล้าพูดกับใครได้กับถม เขาก็บอก ปรึกษาด้วยไม่ได้ เขาต้องเก็บความไม่สบายใจนี้อยู่เพียงลำพัง คนในหมู่บ้านต้องไม่รู้ บางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้วสำหรับหมู่บ้านวังโอ่ง
“ข้าจะทำให้ดีที่สุดนะพ่อใหญ่ ข้ารู้ว่าพ่อใหญ่ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ เวรกรรมของใคร คนๆ นั้นก็ต้องรับใช่ไหมพ่อใหญ่”
โสภีเดินดุ่มไม่เหลียวมองสวนหลังบ้านคำพันอีก ขนลุกจากศีรษะถึงเท้า เขาถอนหายใจหนักหน่วง นี่เป็นคำตอบจากพ่อใหญ่คำพน
คำพันแปลกใจตัวเองเมื่อรู้สึกตัวตื่นตรงระเบียงครัว มือเท้าเย็นราวกับแช่น้ำเย็นมาทั้งคืน เมื่อคืนเขารู้สึกปวดท้องมากออกจากมุ้งมาในครัวเพื่อดื่มยาต้มที่สายใจเตรียมไว้ให้ จากนั้นเขารู้สึกง่วงจนเดินต่อไม่ไหว เขาคงหลับอยู่ตรงครัวจนถึงสว่าง
“พ่อเมื่อคืนกบ เขียดร้องระงม ถ้าพ่อไม่ป่วยวันนี้เราคงได้กินยำกบนะพ่อนะ”
สายพิณมองจาน ชาม ใส่กับข้าวซึ่งมีผัดผักบุ้ง เก็บจากสวนหลังบ้าน ต้มดอกแคจากต้นข้างครัว น้ำพริกกะปิมะนาว มะนาวจากต้นหลังบ้าน ไข่เจียวเป็นไข่ไก่เลี้ยงไว้กินตัวและกินไข่ด้วย ไม่มีอะไรซื้อจากตลาดในเมืองที่ห่างไกลหมู่บ้าน 4 กิโลเมตร หลายวันจะมีคนขี่จักรยานออกไปตลาด เพื่อนบ้านมักฝากซื้อของ มีบ้านผู้ใหญ่กล่ำ คนเดียวเท่านั้นมีรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ซื้อต่อมาจากกำนันอีกหมู่บ้านหนึ่ง หมู่บ้านโคกดอนอยู่เหนือหมู่บ้านวังโอ่ง ห่างกัน 1 กิโลเมตร ชาวบ้านไปมาหาสู่กันเช่นพี่น้อง มีข่าวอะไรหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านก็รู้กันทั่ว
ผู้ใหญ่กล่ำเป็นเสมือนตัวแทนคนทั้งหมู่บ้าน ใครเดือดร้อนอะไรบอกผู้ใหญ่ได้ตลอดเวลา การช่วยเหลือหากช่วยได้ก็ช่วยทันทีแต่หากรอถึงกำนันก็ต้องรอแต่ผู้ใหญ่ไม่ทิ้งลูกบ้าน
กำนันโขนดูแลลูกบ้านด้วยการผ่านจากผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดสนิทสนม ส่วนใหญ่กำนันไม่ต้องออกไปดูลูกบ้าน คนสนิทจะรับอาสาไปเอง เมื่อตัวเองไม่ได้ถึงบ้านลูกบ้าน ความช่วยเหลือใดๆ จากทางการจึงตกมาไม่ถึงทุกครัวเรือน นี่เป็นความไม่พอใจลึกๆ ในใจของลูกบ้านบางคน ลูกบ้านหมู่บ้านวังโอ่งไม่ชอบกำนันกันหลายคนเพราะความเห็นแก่ตัวของกำนัน
ผู้ใหญ่กล่ำไม่ชอบกำนันโขนแต่พูดอะไรไม่ได้เพราะอำนาจอยู่เหนือทุกสิ่งในหมู่บ้านทุกหมู่บ้านต้องยอมรับกำนันโขน กำนันมรดกตกทอดจะเรียกว่าอย่างนี้ไม่ผิดเท่าไรนัก ปู่ พ่อ ของกำนันโขนยึดตำแหน่งกำนันไว้ให้ลูกหลานสืบต่อกันมา ใครก็ไม่กล้าเสนอชื่อคนอื่นหรือยกมือเลือกให้คนอื่นๆ เข้ามาทำหน้าที่นี้แทน
ไม่ใช่กำนันโขนใช้อำนาจกับลูกบ้านแต่กำนันโขนไม่ชอบใจใครไม่เซ็นชื่อลงในใบสำคัญให้คนๆ นั้น ติดต่อทางอำเภอ อ้างไม่ว่างบ้าง ป่วยบ้าง ไม่อยู่บ้านบ้าง หากลูกบ้านนบนอบอย่างยอมเป็นลูกไล่ให้นั่นแหละ จะทำอะไรก็ผ่านฉลุย
แต่ถึงจะเอาเปรียบชาวบ้านแต่ไม่แสดงอำนาจบาดใหญ่มากเกินไป ยังมีจิตอารีย์อยู่บ้างซึ่งครั้งหนึ่งพ่อใหญ่คำพนไปขอความช่วยเหลือให้กำนันช่วยพาคนไข้ในหมู่บ้านเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัดซึ่งอยู่ไกลจากหมู่บ้านเกือบ 100 กิโลเมตร กำนันพาคนไข้ไปถึงโรงพยาบาลทันเวลา
ความดีครั้งนั้นลบความไม่ดีไปได้มากทีเดียวแต่โสภีไม่เคยพอใช้กำนันโขนเพราะโสภีรู้มาว่า กำนันโขนแอบโกงที่ดินลูกบ้านอย่างดอน บ้านใกล้ถม อยู่ในหมู่บ้านวังโอ่ง
ดอนเคยมาปรึกษาโสภีกับพ่อใหญ่คำพนเรื่องที่ดินถูกกำนันโขนโกงไป ดอนกู้ยืมเงินกำนันโขน 200 บาท กำนันโขนคิดดอกต่อปีเท่าตัว เมื่อดอนไม่มีเงินไปไถ่ถอนที่ดินคืน กำนันโขนยึดเป็นของตัวเองโดยให้ดอนไปเซ็นโอนที่ดินให้กำนันจำนวน 5 ไร่ซึ่งกำนันไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
“มันไม่มีเงินใช้หนี้กู กูเอาที่ดินมัน ก็ถูกต้องแล้ว พวกมึงจะมาโวยวายแทนมันทำไม ถ้ามึงจะโวยวานนะไอ้ภี มึงเอาเงินมาใช้หนี้แทนมันสิแล้วกูจะคืนที่ดินให้มัน แต่มึงต้องเอาเงินใบแดงๆ มาคืนกูหนึ่งพันบาท ถ้าไม่มีก็ไสหัวกลับวังโอ่งไปซะ ไปทุกคนนั่นแหละ”
“กำนันทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ดอกอะไรจะแพงขนาดนั้น เราคนบ้านเดียวกัน ดอกเรียกตั้งบาท แค่ห้าตังค์ก็ยังว่าแพง”
“มึงไม่ต้องออกความเห็นนะไอ้ถม กลับไปให้หมด นี่มันเรื่องของกู ถ้ามึงไม่พอใจก็ไปฟ้องเอาในจังหวัดโน่น เดินสักเดือนคงถึงกระมังไอ้ถมหรือไอ้ภีมึงจะเดินไปร้องกับมันก็ไป”
“กำนัน ข้าเห็นเอ็งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับข้า ถึงได้มาขอร้อง อย่างไรก็อย่ายึดที่มันเลย ไอ้ดอนมันมีที่ทำกินแค่ผืนเดียว สมบัติพ่อแม่มัน เอ็งเห็นใจมันหน่อย คืนที่ให้มัน ให้มันผ่อนใช้หนี้เป็นรายปีไป ดอกก็ลดลงให้มันสักหน่อย ครึ่งหนึ่งก็ยังดีนะกำนัน”