บทที่ 9 บ้านวังโอ่ง
“ฉันร้ายแต่ฉันมิได้คิดร้ายลับหลัง พูดกันตรงๆ ถ้าไม่ชอบก็สั่งสอนต่อหน้าอย่างที่ฉันพูดตรงๆ กับผู้ใหญ่นี่อย่างไรล่ะ ฉันเตือนเพราะได้ยินมาบ้างว่ากำนันไม่พอใจผู้ใหญ่ที่กล้าขอที่ดินคืนให้ลูกบ้าน”
“ไอ้ทิดดอนมันน่าสงสาร หมดตัวคราวนี้ ยืมเงินมาแค่สองร้อยบาท ทำไมขึ้นเป็นพันบาทได้ล่ะมหาเริ่ม ข้อแปลกใจ”
“เพราะกำนันหาที่ให้ฉัน หาไม่ได้ก็ใช้วิธีนี้กระมัง เอาเถอะ ฉันจะให้เจ้าของที่ทำกินในที่ตัวเองไปพลางๆ ไปบอกทิดดอนตามที่ฉันบอกผู้ใหญ่ก็แล้วกันนะ”
“ขอบใจมากมหาเริ่ม มหาก็เป็นคนดีนี่นะ ใครๆ พูดว่าไม่ดีได้อย่างไร ใช่ไหมมหาเริ่ม”
“ผู้ใหญ่อย่ามาเหน็บแนมฉันเลย ฉันทำอะไรลงไปรู้แต่จะทำเพื่อความมั่งคั่งของตัวฉันเอง”
มหาเริ่มยังมีน้ำใจกับดอนให้ทำนาได้อีก 3 สามปีจึงคิดค่าเช่า ทิดดอนลืมตาอ้าปากได้ในเวลา 3 ปีเช่นกัน เขาคิดซื้อที่นาคืนแต่เงินมากเกินกว่าเขาจะหามาได้ มหาเริ่มจะขายคืนให้ในราคา 4 พันบาท
โสภีแบ่งที่นาให้ดอนทำ 3 ไร่ เขาช่วยเพื่อนบ้านได้เพียงเท่านี้ ความรัก ความผูกพันระหว่างญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เกือบจะเทียบเท่ากันเพราะมีของกินแบ่งปันกันทั้งหมู่บ้าน บ้านโสภีแบ่งอาหารให้บ้านคำพัน บ้างคำพันส่งกลับมาในวันถัดมา ต่างแลกเปลี่ยนข้าวปลาอาหารกันทุกครั้งที่ทำต้ม แกง หม้อใหญ่ กินบ้านเดียวไม่หมดจึงแจกบ้านข้างๆ บ้านตรงข้าม เป็นวัฒนธรรมการแบ่งปันสำหรับหมู่บ้านวังโอ่งไปแล้ว
เมื่อเพื่อนบ้านเดือดร้อน ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดให้ความช่วยเหลือก่อน บ้านอื่นรับรู้และช่วยเหลือกันตามกำลังที่พอช่วยได้ น้ำใจเหล่านี้ยังคงมีเต็มเปี่ยมให้หมู่บ้านวังโอ่ง
โสภีถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านวังโอ่ง ความสงบจะค่อยๆ เลือนหายไป หากมีใครสักคนเห็นแสงสีเขียว ดวงไฟกลมสีเขียวหรือสีส้มลอยข้างหนองน้ำหลังหมู่บ้าน ลอยในท้องนาคืนหลังฝนตก กบ เขียด ร้องระงมโดยไม่มีคนในหมู่บ้านออกไปส่องหา
ความแตกแยกจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า หากเขาไม่คิดทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันความร้าวฉานระหว่างเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขาบอกใครตอนนี้ไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นจริงเมื่อใด
โสภีออกท้องนาแต่เช้ามืด ถม ดอน และคำพันตามออกไปเพื่อช่วยขุดคันหา ไขน้ำออกนาเพื่อให้ต้นข้าวโผล่พ้นน้ำฝนเจิ่งนองเต็มนา ได้คนแข็งแรงมาช่วย ไม่นานนาของโสภีก็เสร็จ ทั้งหมดเปลี่ยนไปนาคำพัน ย้ายไปนาถมส่วนนาของดอนอยู่ติดกับโสภี ทำเสร็จเมื่อวันวาน เขาทำคนเดียวในตอนเย็น กว่าจะเสร็จมืดค่ำ
ถมอยากเตือนให้ดอนกลับเข้าบ้านขณะตะวันยังไม่ลับทิวไผ่ท้ายนาแต่เขาพูดไม่ได้ เขารับปากกับโสภีไว้แล้วว่าจะไม่บอกใครเรื่องแสงทีเขียวที่เขาเห็น เขาจะเก็บไว้จนกว่ามีคนไปพบเองแล้วพูดต่อๆ กันมา จากวันนั้น เขาสงสัยแสงสีเขียวและหาคำตอบด้วยตัวเองทุกวันแต่ก็ไม่พบสิ่งใดให้คลายข้อข้องใจได้สักวัน
“ไอ้พวกบ้านวังโอ่ง มันคิดจะทำอะไรของมัน กล้าท้าทายกับกูรึไงวะ”
กำนันโขนเสียงดังเมื่อคนสนิทอย่างมั่นมารายงานว่า ลูกชายโสภีขี่จักรยานข้ามหมู่บ้านมาจีบลูกสาวของเขาและลูกสาวคนเดียวของกำนันมีทีท่าว่าจะชอบลูกชายโสภี เพียงรู้แค่นี้กำนันโขนก็แทบจะเต้นเป็นโขนหลงโรงทีเดียว
“แม่เรไรก็มีท่าจะชอบไอ้พูนลูกทิดโสภีนะจ๊ะพ่อกำนัน”
“ลูกกูต้องไม่ชอบคนต่ำๆ อย่างพวกมัน หนอย คิดว่ากูไม่รู้รึไงที่มันพากันไปหามหาเริ่ม ขอซื้อที่นาไอ้ดอนคืน ชิชะ มันคิดจะข้ามหัวกู เดี๋ยวพวกมันจะรู้ว่ามันรนหาที่”
“ทีอะไรรึพ่อกำนัน ที่บ้านหรือที่นา”
“ไอ้โง่เอ๊ย คำเปรียบเปรย มึงก็รนหาส้นตีนกูอยู่นี่ไงไอ้มั่น”
กำนันยกเท้าใส่มั่น ลูกน้องคนสนิทถอยกรูด ความโกรธของกำนันอะไรก็ขวางไม่ได้ เขาตะโกนเรียกลูกสาวลั่นบ้าน
“นังลำยอง นังลำยอง ออกมาหากูเดี๋ยวนี้”
“พี่กำนัน เรียกหาลูกทำไมรึ”
ลำเจียกเดินออกมาจากหลังบ้านซึ่งบ้านของกำนันโขนเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงเช่นบ้านคนอื่นๆ แต่ที่ต่างจากคนอื่น บ้านหลังนี้สร้างด้วยไม้เนื้อดี ต้นใหญ่ เสาทุกต้นเป็นแก่นไม้ขนาดคนเดียวโอบไม่รอบ พ้นบ้านเป็นไม้กระดานแผ่นใหญ่เกือบถึงครึ่งเมตร ฝาบ้านไม้เหลืองสวย มีลวดลายตามอายุของไม้ซึ่งมีอายุเกิน 30 ปี ป่าทั้งป่าท้ายหมู่บ้าน กำนันโขนเลือกตัดได้อย่างสบายๆ ใครจะตัดต้นไม้ต้องมาขอกำนันก่อนเป็นคำสั่งที่ไม่มีใครสนใจรับฟัง แต่เมื่อตัดออกมาแล้ว กำนันโขนขอส่วนแบ่งและยึดมาเป็นของตัวเองอย่างไม่รู้สึกกระดากในใจแต่อย่างใด
ลูกบ้านหลายคนไม่ชอบแต่ไม่กล้าแสดงออก เก็บไว้ในใจเงียบๆ ไม่เล่าให้ใครฟังเพราะถ้ารู้ถึงหูของกำนันโขน คนพูดหรือบ่นต้องได้รับโทษอย่างที่ใครๆ ก็ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นบาดเจ็บเพราะอุบัติไม้หล่นใส่ศีรษะหรือถูกตีศีรษะจนสลบ
ไม่มีใครกล้าต่อต้านกำนันโขนยกเว้นลูกสาวของกำนัน ลำยองไม่ชอบการกระทำของพ่อแต่ขัดขวางสิ่งที่พ่อจะทำไม่ได้ แม่ก็ช่วยไม่ได้ กำนันโกรธทุกครั้ง ทำร้ายตบตีภรรยาทุกครั้ง ภรรยาอยากหนีจากบ้านไม้หลังสวยหลังนี้แต่ลูกขอร้องไว้ หล่อนจึงทนอยู่กับสามีที่สนุกกับการวางอำนาจจนลืมตัว
“เรียกมันมาถาม ไอ้พูนลูกไอ้โสภีมันมาชอบพอนังลำยองใช่ไหมแม่ลำเจียก”
“ใช่ ทำไมล่ะพี่กำนัน เด็กมันจะชอบกัน เราไม่ต้องไปยุ่ง มันเข้ามาตามตรอก ออกทางประตูอย่างนี้ ฉันชอบ”
“แต่กูไม่ชอบ อย่าให้ไอ้นั่นมาเหยียบเรือนกูอีกนะ ใครเจอมันไล่ตะเพิดไป ถ้ากูเห็นมันขึ้นเรือนกูอีก กูเอามันตายแน่”
“พี่กำนัน ทำไมต้องโกรธถึงเป็นถึงตายอย่างนี้ด้วย ลูกมันรัก มันชอบก็ช่างมันประไร”