บทที่ 5 สืบทอด
เขาเดินต่อ ไม่เหลียวมองบ้านใครอีกกระทั่งถึงบ้านตัวเอง ล้างเท้าขึ้นบ้าน แขวนข้องใส่กบ เขียดไว้ข้างฝาในครัว ความคิดกลับไปหาถมและบ้านคำพัน เขาขนหัวลุกเพราะอะไร ทำไมต้องเป็นเฉพาะผ่านบ้านคำพัน คำพนเสียชีวิตไปไม่นานหรือ คำพนทักทายเขาแต่ไม่น่าเป็นไปได้ คำพนเสียชีวิตอย่างสงบ วิญญาณต้องไปดี ไม่มาเพ่นพ่านอยู่รอบบ้านอย่างแน่นอน
“ถ้าไม่ใช่พ่อเฒ่า...แล้ว...มันจะเป็นอะไรวะ...หรือว่า...”
“พี่ กลับเร็วนะ ได้เยอะหรือ”
เสียงภรรยาดังมาจากในมุ้ง โสภีตอบสั้นๆ
“อือ...”
เขาควรเข้านอน คำถามและความคิดไปไกลกลับมา สติอยู่กับตัว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติ พรุ่งนี้ถมอาจบอกอะไรกับเขาบ้าง
แสงสีเขียวที่ถมเห็นลอยวูบวาบกลางท้องนาและลอยหายไปทางทิวไม้ใกล้หมู่บ้าน ด้านหลังหมู่บ้านเป็นหนองน้ำซึ่งหนองน้ำนั้นมีหญ้าขึ้นรก หน้าแล้งน้ำแห้งขอด ชาวบ้านพากันไปวิดน้ำ จับปลาแบ่งปันกันกินเพราะหนองน้ำนี้เป็นหนองน้ำสาธารณะ ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นแต่ที่ดินติดหนองน้ำเป็นของคำพน
คำพันปลูกมันบนที่ดินติดหนองน้ำ เขารับมรดกจากพ่อ พี่น้องคนอื่นได้คนละแปลง ของเขาได้ตรงบริเวณนั้นรวมทั้งบ้านที่อยู่กับพ่อด้วย
ถมนอนไม่หลับ พลิกตัวบนฟูกนุ่น หลายครั้งจนดวงสมรผู้เป็นภรรยาตื่น หล่อนยื่นมือมาคลำตัวเขา
“เฮ้ย.”
ร้องตกใจและสะดุ้งลุกนั่ง ดวงสมรพลอยตกใจไปด้วย หล่อนเอะอะในความมืดเพราะโมโหสามี
“อะไรของแกพี่ถม ถูกตัวแค่นี้สะดุ้งสุดโต่งเลยหรือไง เป็นอะไรของแก แล้วไอ้ที่นอนพลิกไปพลิกมาเนี่ย เป็นอะไร ไม่สบายหรืออย่างไรบอกมา ข้าจะไปต้มยาให้กิน”
“ไม่ต้องๆ ไม่เป็นอะไร มันนอนไม่หลับเฉยๆ เอ็งนอนเถอะ”
เขาล้มตัวลงนอนหันหลังให้ภรรยา หล่อนพึมพำเบาๆ นอนหันหลังให้เขาเช่นกัน ถมถอนหายใจยาวไม่ใช่กลุ้มเรื่องครอบครัวหรือไม่มีจะกินแต่เขาสงสัยและกลัวแสงสีเขียวที่เห็น เคยได้ยินจากหมู่บ้านอื่น คืนนี้เขาเห็นด้วยตาตัวเอง ความคิดฟุ้งซ่านไปหลายเรื่องและหลับไปค่อนสว่าง
สายพิณตื่นเช้ามืดทุกวัน สายใจตื่นก่อนลูกสาวเล็กน้อย ไฟฟืนส่งกลิ่นหอมเนื้อไม้ ควันคลุ้งไปทั่วครัว หม้อดินตั้งบนเตา สายใจตั้งหม้อก่อนลูกสาวตื่น มีบางวันสายพิณตื่นก่อนแม่ ตั้งหม้อข้าว ทำกับข้าวแทนแม่ได้แล้ว
หม้อดินเป็นเนื้อดินเผา ข้าวหุงในหม้อดินหอมน่ากินแต่สำหรับชาวบ้านที่มีวิถีชีวิตสืบทอดกันมาแต่รุ่นปู่ทวด กลิ่นข้าวคุ้นชินกับจมูก นอกจากคนต่างบ้านมาเยือนได้กลิ่นข้าวในหม้อดินเท่านั้นจึงจะรับถึงกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวในหม้อดิน
วิถีชีวิตของคนชนบทมีความเป็นอยู่เรียบง่ายและภูมิปัญญาเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ การพลิกแพลงอาหาร ภาชนะใส่อาหาร รวมไปถึงการปรุงอาหารจากพืชผักเกิดโดยธรรมชาติ สัตว์ป่า ท้องนา ห้วย หนอง คลอง บึง ชาวบ้านอยู่ได้เพราะอาศัยของจากธรรมชาติเป็นพื้นฐาน การปลูกหรือเลี้ยงมีเมื่อหาของป่า ของธรรมชาติไม่พอกิน ไม่พอใช้
ความยุ่งยากเรื่องอาหารจึงไม่เป็นอุปสรรคของคนบ้านวังโอ่ง กินง่าย อยู่ง่ายเป็นเรื่องปกติของคนในหมู่บ้านนี้และอีกหลายๆ หมู่บ้านในแถบนี้ ความช่วยเหลือ เอื้ออาทรต่อกันมีทุกหลังคาเรือน แบ่งปันของใช้ ของกินให้กันต่อเนื่อง บางบ้านมีผักปลูกเองแลกกับเนื้อสัตว์ป่ากับอีกบ้านซึ่งออกล่าสัตว์ได้มาเป็นอาหาร
เมื่อเจ็บป่วย ยาสมุนไพรเป็นสิ่งเดียวของชาวบ้านที่ใช้รักษาโรคต่างๆ หากมีหมอยาสมุนไพรคอยหายามารักษาตามอาการและโรคนั้นๆ
บ้านวังโอ่งมีหมอยาสมุนไพรเพียงคนเดียว เมื่อคำพนเสียชีวิต คำพันคิดจะสืบสานการเป็นหมอยาสมุนไพรแทนพ่อแต่เขายังไม่ชำนาญ หากจะรักษาใครสักคนต้องใช้วิธีเรียกความทรงจำในสมองกลับมา พ่อสอนอะไรไว้บ้าง แนะนำตัวยาอะไรไว้ ค่อยๆ คิดและเมื่อจำได้ต้องรีบจัดหายาตัวนั้นๆ มาเก็บไว้
ป่าห่างจากหมู่บ้านไม่ถึงกิโลเมตรจึงเป็นป่ายา ป่าอาหารพร้อมเสร็จในป่าเดียวกัน ป่าดิบประจำหมู่บ้านเป็นแหล่งต่อชีวิตของคนในหมู่บ้านได้มากทีเดียว
โสภีตื่นแต่เช้า ความสงสัยกิริยาหวาดกลัวของถมยังอยู่ครบถ้วน ไม่มีเจือจางลงแม้พระอาทิตย์จะโผล่พ้นทิวไผ่ป่าเหนือหมู่บ้านมานานแล้วก็ตาม เขาลงบ้านเดินไปบ้านถม เขาอยากรู้จากปากถม เมื่อคืนถมเจออะไร
“พี่ทิดภี ไปไหนแต่เช้าล่ะ”
คำพันอยู่หน้าบ้าน ในมือมีใบกะเพราเต็มกำมือ สายใจวานให้สามีลงมาเก็บกะเพราสวนหลังบ้าน สายพิณส่ายหน้าเมื่อแม่ให้เก็บกะเพรา สวนผักอยู่ใกล้กลุ่มกอว่านโพง หล่อนเลี่ยงการเข้าใกล้ว่านชนิดนี้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น นับจากวันที่เห็นกอว่านไหวเอนโดยไร้ลมพัด ไม่มีสัตว์ตัวไหนเข้าไปเล่นในกอว่านและคำห้ามของปู่ ทำให้สายพิณกลัวอยู่เงียบๆ