บทที่ 3 ว่านผีโพง
คำเตือนของปั่นทำให้สายใจคิดมาก กลัวทุกอย่างที่ปั่นเตือนและให้ระวัง คำบอกเล่าเรื่องผีโพงอยู่ใกล้ตัวหล่อน รู้ว่าเป็นอย่างไรแต่เล่าให้ลูกสาวฟังไม่ได้ สายพิณเห็นต้นว่านสั่นยังกลัววิ่งหน้าตื่นขึ้นบ้านถ้ารู้ว่าฤทธิ์ของว่านเป็นอย่างไร อันตรายมากแค่ไหน สายพิณจะยังอยู่บ้านหลังนี้อีกหรือเปล่า
“พี่พัน รีบๆ ขุดว่านให้ตาโอบไปเถอะพี่ ฉันกลัว”
“เออ ข้าก็กลัว ข้ารู้สึกไม่ดีเลยใจ”
ฤทธิ์ของว่านผีโพงที่คำพนนำมาปลูก ใช้เป็นยาเสน่ห์ยาแฝด ให้ชายหนุ่มพกติดตัว ทำเป็นขี้ผึ้งทาปาก เมื่อชอบหญิงสาวคนไหน ให้ใช้ขี้ผึ้งทาปากเสียก่อนค่อยพูดจีบสาวคนนั้น หญิงสาวจะหลงทันที นั่นเป็นคำบอกเล่าต่อๆ กันมา คำพันไม่อยากรับรู้ว่าจะมีอะไรเกี่ยวกับว่านนี้อีก เขาไม่อยากรับช่วงต่อจากพ่อ เขาไม่ชอบเล่นของ ไม่ว่าทางไสยศาสตร์หรืออะไรก็ตาม เขาเป็นคนทำงาน ทำนา ว่างจากนาก็นัดเพื่อนบ้านไปหาปลาต่างบ้าน ใช้เวลาเดินข้ามวันก็เคยไปมาแล้ว
“พี่พาลูกไปหาหลวงตาหน่อยนะ พี่ปั่นแกเตือนฉัน กลัวลูกจะต้อง...”
“ไม่ ยังไงลูกต้องไม่สืบทอดของพวกนี้ ถ้ามันจะเล่นงานคนในบ้าน ข้าขอเป็นเอง”
“ไม่ได้ ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น รีบเอามันออกไป ถ้าพี่ไม่กล้า ฉันนี่แหละจะขุดมันออกไปเอง พรุ่งนี้ฉันจะไปบอกตาโอบมาเอาไป”
สายใจจะทำอย่างที่พูดกับสามี หากสามีต้องรับมรดกเกี่ยวกับว่านผีโพงต่อจากคำพน หล่อนจะขัดขวางให้ถึงที่สุด คำพันต้องไม่ใช่ทายาทสืบต่อสิ่งชั่วร้าย ตัวหล่อนกับลูกต้องไม่พบเจอกับสิ่งชั่วร้ายนั่นด้วย
ต้นว่านถูกล้อมไว้ด้วยซี่ไม้ไผ่ถักเป็นเฝือก มีเสากันไม่ให้เฝือกล้ม กอต้นว่านงามสะพรั่งขณะที่คำพันยังมีชีวิตอยู่ ขณะนี้ ต้นว่านกำลังเหี่ยวเฉา ใบเหลือง ลำต้นบางต้นโน้มลงพื้น คำพันไม่กล้าเข้าใกล้ สายใจไม่มองด้วยซ้ำไป สายพิณกลัวไม่เฉียดเข้าในสวนหลังบ้าน
กอว่านถูกปล่อยให้แห้งอยู่ในรั้วล้อมด้วยเฝือก คำพันไปหาโอบถึงบ้าน บอกให้โอบมาขุดว่านไปปลูกแต่โอบยังไม่ว่าง งานท้องนายังไม่เสร็จสิ้น เขาผลัดไปอีกสองสามวันซึ่งวันที่โอบบอกจะไปขุดว่านมาปลูกนั้นเลยวันพระใหญ่ไป 1 วัน
ความกลัวสะสมอยู่ในใจของคำพัน สายใจและสายพิณ คืนวันพระใหญ่ คำพันปวดศีรษะขอเข้านอนแต่หัวค่ำ สายใจกลัวสามีเป็นไข้จึงลงไปในสวนหลังบ้าน ถอนต้นสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเต็มกำมือ หล่อนแทบจะวิ่งกลับเข้าบ้านเมื่อผ่านกอว่านผีโพง
ความรู้สึกของหล่อนเหมือนมีสายตาของใครมองตามหล่อนอย่างไม่เป็นมิตร ฟ้ามืดอย่างรวดเร็ว ฝนตั้งเค้าทะมึนและไม่นานสายฝนพร่างพรูลงมาจากเบื้องบน ฟ้าร้องครางครืนครู่ใหญ่จึงเงียบ ลมพลอยหยุดพัดไปด้วย ฝนตกครั้งนี้ ไม่นานเท่าวันก่อน น้ำฝนช่วยให้ต้นว่านผีโพงชุ่มชื่นหากเป็นต้นไม้ธรรมดาๆ แต่ว่านผีโพงในสวนหลังบ้านของคำพันกลับไม่สดชื่น
ใบแหลมเรียวสั่นระริก ต้นโอนเอนไปมาทั้งที่ไร้ลมพัดผ่าน ท้องฟ้าเมฆมืดมัวแต่เม็ดฝนขาดเม็ดไปแล้ว คำพันรู้สึกตัวลืมตามองด้านบน ใจหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม เขายันศอกกับพื้นฟูก ลุกนั่ง สะบัดศีรษะแรงๆ แต่อาการมึนวิงเวียนยังไม่หายไป
“ใจ ใจ พี่จะเป็นลม”
เขาเรียกภรรยา เสียงดังลั่นห้องแต่สายใจไม่เปิดประตูเข้ามาหาเขา พื้นหมุน อากาศรอบตัวร้อนอ้าว ใจเต้นรัวเหมือนจะแตกกระจายออกมาจากภายใน เขากำลังจะเป็นลม ใจเขาจะขาด เขากำลังจะตายอย่างนั้นหรือ เขาสะบัดศีรษะอีกครั้งและเรียกภรรยาสุดเสียง
“สายใจ ช่วย...”
ร่างกำยำล้มหงายหลังลงนอนเช่นเดิม สายใจต้มยาอยู่ในครัว น้ำในหม้อดินกำลังเดือด กลิ่นน้ำยาสมุนไพรฟุ้งทั่วครัว หล่อนได้กลิ่นขมของฟ้าทะลายโจร การที่จะให้ยาได้ผลดีต้องเคี่ยวให้น้ำเหลือน้อย น้ำยาข้น ตัวยาออกมากยิ่งช่วยให้อาการไข้หายเร็วขึ้น
“พิณ ไปดูพ่อซิ เรียกมากินยา”
สายใจเอ่ยปากให้ลูกสาวเข้าไปปลุกคำพัน มือยังวุ่นอยู่กับหม้อยา สายพิณเข้าห้องนอนของพ่อ เรียกหลายคำก็ไม่มีเสียงตอบจึงเข้าไปเปิดมุ้งดู พ่อของหล่อนหลับสนิท หายใจสม่ำเสมอ อยากปลุกพ่อตามที่แม่สั่งแต่เห็นพ่อหลับสบายจึงเปลี่ยนใจ กลับออกมา
“แม่ พ่อยังหลับอยู่เลย ปล่อยให้แกนอนสักพักค่อยปลุก ฉันเข้านอนก่อนนะแม่”
“นอนอะไรแต่หัวค่ำวะ”
“หัวค่ำอะไรล่ะแม่ กินข้าวอิ่มตั้งนานแล้ว แม่ก็นอนเถอะ เดี๋ยวพ่อตื่นค่อยให้แกกินยาก็ได้ คงไม่เป็นอะไรมากมั้ง”
“เออๆ”
สายใจพยักหน้าลูกสาวเข้าห้องนอน หล่อนยังคงอยู่ในครัว ล้างชาม จาน เก็บของเล็กๆ น้อยๆ เรียบร้อยจึงเข้าห้อง ฝนพรำลงมาอีก อากาศชวนให้ง่วงงุน หล่อนเปิดมุ้งมองหน้าสามี
“พี่ ลุกกินยาก่อนไหม ตอนเช้าจะได้โล่งหัว”
คำพันลืมตาโพลง ลุกนั่งโดยไม่ต้องยันศอกกับพื้นที่นอน เขาเปิดมุ้งออกไปนอกห้อง สายใจร้องตามหลังเขา