บทที่ 2 ว่านปู่
“ถ้าเอ็งไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ข้าเห็นมาแล้ว พ่อใหญ่คำพนนั่นแหละเลี้ยงผี”
“มึงหยุดให้ร้ายพ่อเฒ่าเสียทีไอ้ถม ยังไงกูก็ไม่เชื่อ กูไม่พิสูจน์ด้วย คนดี ยังไงก็ต้องดี ไม่มีทางเป็นอย่างที่พวกมึงพูด อย่าพูดเรื่องนี้ให้กูได้ยินอีก”
“เออ มึงไม่เชื่อก็ตามใจ สักวัน ลูกเมียมึงไส้จะหายเหลือแต่ซาก”...
“เปรียะ เปรียะ...ปึ้งงงง”
สายพิณสะดุ้ง ความคิดฟุ้งซ่านสะดุดเพียงเท่านั้น สายฟ้าแลบเป็นเส้นแยก แฉก วาบวับในความมืดมัวของท้องฟ้า เม็ดฝนซาลงหลังจากกระหน่ำอย่างไม่เห็นใจชาวนาที่เพิ่งหว่านข้าวลงในผืนนา ต้นกล้างอกพ้นดินโคลนเพียง 1 นิ้ว ยังไม่ทันตั้งต้นแข็งแรง ฝนก็เทลงใส่อย่างกับฟ้ารั่ว
เสียงฟ้าฟาดราวกับโกรธแค้นใครกระนั้น เรียกสติของสายพิณให้กลับคืนมารวดเร็ว หล่อนลุกจากระเบียงเข้าด้านในตัวบ้าน เสียงฟ้าเมื่อครู่เปลี่ยนเม็ดฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาซาเม็ดลง หลังคาหญ้าแฝกและใบจากรับน้ำฝนชุ่มชื้น รอยแยกของตับจากทำให้น้ำฝนไหลหยดลงพื้นบ้าน สายใจใช้ขันบ้าง กะละมังเคลือบบ้าง หม้อบ้าง มารองหยดน้ำ สายพิณช่วยแม่ขันเทน้ำใส่ตุ่มแล้วนำมารองใหม่
“เมื่อไหร่พ่อเอ็งจะเปลี่ยนหลังคาเสียที ข้าขี้เกียจรองน้ำในบ้านเต็มแก่แล้วนะ”
“ต้องเปลี่ยนหน้าแล้งโน่นแหละแม่ หญ้ายังไม่ได้ไพสักตับ จากต้องไปหาซื้อในอำเภอโน่นละมังแม่”
สายพิณพูดคุยกับสายใจผู้เป็นแม่ แต่ความรู้สึกขมขื่นยังวนอยู่ในสมอง เรื่องราวเก่าๆ ไหลเข้าสู่สมองหลายครั้งเมื่อมีคนพูดถึงปู่ในทางไม่ดี ช่วงเช้าหล่อนไปหาบน้ำที่บ่อข้างหมู่บ้าน ทุกครอบครัวในหมู่บ้านมาตักน้ำบ่อธรรมชาติไปดื่ม ไปหุงต้มอาหารและมาอาบที่บ่อในตอนเย็น หลังทำงานเสร็จ บางคนมาอาบค่ำมืดและเพราะมีบางคนอาบน้ำมือๆ นี่เองเป็นที่มาของการลือว่า พ่อใหญ่คำพน ‘เลี้ยงผี’
คำพนเสียชีวิตด้วยโรคชรา สิ้นใจด้วยความสงบแต่ใจของลูกๆ และหลานไม่สงบอย่างการหลับไม่มีวันตื่นของปู่ สายพิณรักปู่มาก ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรก็ตามต้องบอกปู่เสมอหรือชวนปู่ไปด้วยเกือบทุกครั้ง
หลานคนอื่นไม่สนิทกับปู่เท่าสายพิณสักคน วันที่ปู่เสียชีวิต สายพิณร้องไห้ปานจะขาดใจและวันนั้น หล่อนเห็นความผิดปกติในสวนสมุนไพรหลังบ้านปู่
ต้นว่านที่คำพันปลูกไว้สั่นไหวทุกต้นราวกับมีสัตว์เข้าไปถูกโคนต้นหรือเบียดต้นว่านเหล่านั้นให้สั่นจนถึงใบ หญิงสาวไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง หล่อนขยี้ตาทั้งสองข้างหลายครั้งสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ความกลัววิ่งเข้าจับหัวใจ นี่กระมังที่เขาบอกกันว่า ผีหลอก กลางวันแสกๆ หล่อนเชื่อว่าต้นว่านเหล่านั้นเป็นผี ลุงโสภี บ้านอยู่ถัดบ้านปู่ไปสองหลังเคยบอกหล่อนว่า
“ถ้าไม่จำเป็นเอ็งอย่าไปใกล้ต้นว่านที่ปู่เอ็งล้อมเฝือกไว้นะ อย่าไปยุ่งกับมันตอนเป็นถุงผ้านะ”
“ทำไมหรือลุง ฉันเป็นประจำเดือนแล้วเกี่ยวอะไรกับว่านปู่ล่ะลุง”
“เออ เชื่อข้าเหอะน่ะ อย่าไปใกล้เด็ดขาด”
คำอธิบายใดๆ ไม่มีเข้ามาในหูให้คลายข้อสงสัยลงได้ จากวันนั้นสายพิณไม่กล้าเข้าใกล้ซุ้มว่านของคำพนอีกเลย แต่ด้วยความอยากรู้หล่อนตัดสินใจถามพ่อเมื่อเผาศพปู่และทำบุญเจ็ดวันให้ปู่เรียบร้อยแล้ว
“พ่อ ว่านที่ปู่เอามาปลูกทำไมไม่เห็นขุดมาใช้เลยล่ะ กินได้มั้ยพ่อ”
“ได้ อย่าไปสนใจเลย พ่อว่าจะให้เขามาขุดเอาไป ไม่อยากปลูกไว้ คิดถึงปู่เอ็ง”
“กินแก้อะไรหรือพ่อ”
“แก้...เออ..เมื่อกี้แม่เอ็งให้ไปช่วยตักน้ำ ไปสิ จะได้เต็มตุ่มไวๆ พ่อไปบ้านลุงภีก่อนจะชวนแกไปหาปลาพรุ่งนี้”
คำพันเดินหนีลูกสาวเพราะเขาไม่อยากตอบคำถามที่ลูกอยากรู้ เขาไม่เก็บว่านพวกนี้ไว้ พ่อของเขาคุ้มครองดูแลว่านได้แต่เขาทำไมไม่ได้และที่เขากลัวทุกลมหายใจเข้าออกจนนอนไม่ค่อยหลับ กินไม่ค่อยได้เพราะว่านตัวนี้
แม้สายพิณจะอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ว่านอย่างที่โสภีห้ามไว้ หล่อนกลัว พลังบางอย่างในกลุ่มต้นว่านแผ่มาถึงตัวหล่อน เย็นสันหลัง ขนลุก ต้องวิ่งหนีขึ้นบ้าน สายใจรู้ดีว่าลูกกลัวอะไรจึงเร่งให้สามีนำว่านไปไว้ที่อื่น มีคนบอกหล่อนว่า
“นังใจ ระวังนะ ไอ้พันมันจะเป็นผีโพง พ่อใหญ่คำพนคุมมันไม่ได้แล้ว มันหิวเมื่อไหร่ ออกอาละวาดแน่ๆ”
“พี่พันแกไม่อยากเอาไว้หรอกพี่ แกกลัว นี่ว่าจะให้ตาโอบเอาไป”
“มันจะยอมเปลี่ยนเจ้าของรึนังใจ ข้าว่ามันไม่ไปไหนหรอก ระวัง ถ้าไม่ไอ้พันก็ต้องนังพิณ แหละวะเพราะอยู่บ้านเดียวกับพ่อใหญ่คำพนมาตลอด มันจะยึดคนในบ้านไว้ก่อน ยังไงเอ็งให้นังพิณไปหาหลวงตา เอาตะกรุดมากันไว้ก่อนก็ดีนะ”
“จ้ะพี่”