บทที่ 1 เลี้ยงผี
ฝนกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาติดต่อกันนานเกินชั่วโมง สายพิณนั่งพิงตุ่มน้ำดิน สมบัติเก่าแก่ของปู่ซึ่งตุ่มดินใบนี้ลูกๆ หลายคนต่างแย่งชิงไว้เป็นสมบัติของตนเองหลังจากปู่เสียชีวิตไปแล้ว
ไม่มีใครได้ตุ่มใบนี้ไปครอบครองเพราะพ่อของสายพิณไม่ยอมให้ใครเข้ามาแบกตุ่มลงจากเรือนใหญ่ คำพันเป็นลูกชายคนโต ดูแลพ่อกับแม่จนแก่เฒ่าและจากไปทีละคน ย่าเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บไปก่อนปู่ 2 ปี ปู่เพิ่งลาลูกหลานไปอยู่อีกโลกหนึ่งเมื่อต้นปี ลูกสาว 2 คน ลูก 2 คน คำพันลูกชายคนโตไม่หวงห้ามน้องๆ ใครอยากได้อะไรก็เก็บเอาไปยกเว้นตุ่มดินใบเดียว คำพันขอไว้เป็นสมบัติส่วนตัวสักชิ้นน้องๆ จะไม่ยอมให้ทีเดียวหรือ คำถามของคำพันทำให้น้องๆ ต้องหยุดยื้อแย่งตุ่มดินไปในที่สุด
ครอบครัวของสายพิณเป็นครอบครัวชาวบ้านธรรมดาๆ ทำนาเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้านวังโอ่งซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งของโคราช เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีบ้าน 20 กว่าหลังคาเรือน ความห่างไกลจากตัวอำเภอทำให้ชาวบ้านไม่ค่อยได้สัญจรไปมาระหว่างอำเภอกับหมู่บ้านเท่าไรนัก
ความเป็นชนบทห่างไกลความเจริญ ทำให้ชาวบ้านต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเอง การกิน อยู่จึงเป็นอย่างพอเพียง ปลูกผัก หาปลา กินเอง ไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องข้าวปลาอาหาร จะมีซื้อบ้างเครื่องนุ่งห่มที่ขาดและเก่ามากเท่านั้น
เรื่องอาหาร ตัดทิ้งไปได้สำหรับหมู่บ้านวังโอ่ง การช่วยเหลือเผื่อแผ่และเอื้อเฟื้อต่อกันยังเหนียวแน่น บ้านคำพนเป็นอีกบ้านหนึ่งที่ปลูกของกินเกือบทุกอย่างไว้รอบบ้าน เพื่อนบ้านอยากได้อะไรมาเก็บได้เลย ข่า ตะไคร้ โหระพา สะระแหน่ กะเพรา พริก มะเขือ มะนาว และผักพื้นบ้านอีกมากมาย แต่บางบ้านก็ปลูกเหมือนกันจึงไม่ค่อยมีใครรบกวนเรื่องของกิน มีเรื่องยาเท่านั้นที่คำพนทำตัวเป็นหมอยาพื้นบ้านซึ่งเขาทำโดยไม่รู้ว่าตนรู้ได้อย่างไรว่าพืชชนิดนั้น ชนิดนี้รักษาโรคอะไรได้บ้าง
อาจเป็นเพราะสืบทอดมาจากต้นตระกูลหมอยาหม้อของบรรพบุรุษก็ได้ คำพนจึงกลายเป็นหมอยาหม้อ ยาสมุนไพรพื้นบ้านไปโดยปริยาย ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน พึ่งพาคำพนทุกครั้งที่มีอาการไข้เกิดขึ้นรวมทั้งถูกสัตว์มีพิษกัด เขาก็สามารถรักษาหายได้
บางรายถูกงูเห่ากัดขณะออกไปทำนา ช่วยเหลือตัวเองด้วยวิธีใช้ต้นหญ้ารัดเหนือแผลที่ถูกงูกัดก่อนจะพยายามพาตัวเองกลับเข้าบ้านและมาหาหมอคำพน
แต่ใช่ว่าจะรักษาหายทุกคน บางคนอยู่ไกลบ้าน เข้าป่าหาของป่าออกไปขายในตัวอำเภอ ถูกงูกัด ไม่รู้จะทำอย่างไร แม้จะป้องกันพิษวิ่งเข้าสู่หัวใจแล้วก็ตาม ระยะทางไกลจากหมู่บ้านนั่นเป็นอุปสรรคทำให้ชีวิตของพวกเขายากเกินจะรักษาเยียวยา
ทุกคนในหมู่บ้านรักนับถือคำพนเช่นพ่อใหญ่ของบ้าน พวกเขาเรียกพ่อใหญ่คำพนหรือพ่อเฒ่าหม้อยา ไม่มีใครไม่รู้จักพ่อเฒ่าหม้อยาแห่งหมู่บ้านวังโอ่ง
ชื่อเสียงการเป็นหมอยาพื้นบ้านของคำพนดังออกไปถึงต่างหมู่บ้าน ทำให้คำพนเหนื่อยกับการออกหายาสมุนไพรในป่าดงดิบและบางครั้งต้องไปนอนค้างในป่าเพื่อหาตัวยาที่ต้องการกลับมารักษาคนป่วยให้หายจากโรคต่างๆ
การไม่ปล่อยปละละเลยคนป่วยและคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากพ่อเฒ่าหรือพ่อใหญ่คำพน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนรัก เคารพและศรัทธาในตัวคำพน
แต่ในความเชื่อและศรัทธานั้นก็มีบางคนคลางแคลงในใจเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่คำพนนำมาปลูกในบ้านและสมุนไพรตัวนั้นกลายเป็นที่โจษขานอย่างไม่ธรรมดาและเลยเถิดไปหลายหมู่บ้านว่า พ่อใหญ่คำพน ‘เลี้ยงผี’
คำเล่าลือต่างๆ นานา ค่อยๆ ยืดยาวไปเรื่อยๆ ต่อๆ กันไปเรื่อยๆ ความจริงคืออะไรไม่มีใครรู้นอกจาก พ่อใหญ่คำพนเท่านั้น
คำลือจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ว่า คำพน เลี้ยงผี ไม่มีใครพิสูจน์และจับผิดคำพนได้สักคน มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่นำเรื่องคำพนเลี้ยงผีมาพูดและมีไม่กี่คนอีกเช่นกันเล่าต่ออย่างผิดเพี้ยนไปจากคนพูดกลุ่มเดิม เรื่องราวต่างๆ จึงเกิดขึ้นไปในหลายมุม หลายคำวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อมีคนนำก็ต้องมีคนตามและคนที่อยากรู้อยากเห็นก็อยากพิสูจน์ว่าพ่อใหญ่คำพน ‘เลี้ยงผี’ จริงหรือไม่
“ข้าไม่เชื่อที่พวกเอ็งพูดดอก พ่อเฒ่าเป็นคนดี ใจดี มีศีลธรรม ช่วยชีวิตลูกเมียข้าให้รอดพ้นมือยมทูตมาแล้ว ยังไงข้าก็ไม่เชื่อที่เอ็งบอก พ่อเฒ่าไม่ใช่คนเลี้ยงผี”