บทที่ 2 : ถูกจับ
บทที่ 2
หญิงสาวคนนี้เธอมีนามว่าผ้าแพร อายุของเธอนั้นย่างเข้า 19 ปี พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตทั้งคู่ ด้วยอุบัติเหตุจากเรื่องราวในอดีตจึงทำให้เธอได้อยู่กับยายตั้งแต่เด็ก ฐานะทางบ้านของยายเธอนั้นค่อนข้างแย่ แต่ผู้เป็นยายนั้นไม่ทิ้งหลานไม่ว่าจะงานอะไร เขาทำหมดเพื่อที่จะได้มีเงินมาเลี้ยงหลานสาวจนโต ผ้าแพรเธอเป็นเด็กนิสัยดีมีมารยาท ไม่เกเร แถมยังเชื่อฟังแล้วยังช่วยยายทำงานหาเงิน เธอตั้งใจเรียนจนจบมัธยมและสอบเข้ามหาลัย
"ยายจ๋าวันนี้คุณครูให้ผ้าแพรขึ้นร้องเพลงที่โรงเรียนนะจ๊ะ"สาวน้อยร่างบาง เดินมาหายายพมีสีหน้าที่ตื่นเต้นยิ้มแย้ม สองมือของเธอโอบกอดยายรีบบอกว่าวันนี้เธอจะไปร้องเพลงที่โรงเรียน ยายจึงหันหน้ามาหาหลานสาวกอดตอบหลานสาวและยิ้มให้
"ไปเถอะผ้าแพร แต่ผ้าแพรต้องดูแลตัวเองนะลูก หนูโตเป็นสาวแล้วอีกอย่างทางเข้าบ้านของเราอันตรายมาก ถ้าเป็นไปได้มีใครที่รู้จักให้กลับบ้านพร้อมเขานะ หรือไม่ก็ให้คุณครูมาส่ง"
"ได้จ้ะยาย อย่างนั้นผ้าแพรขอไปก่อนนะแล้วผ้าแพรจะรีบกลับยายนอนก่อนเลย"เมื่อเวลาผ่านไป งานเลี้ยงของโรงเรียนจบลงผ้าแพรเธอเดินกลับบ้านโดยที่คุณครูนั้นติดงาน เขาไม่สามารถมาส่งเธอได้ และไม่มีใครกลับมาทางเดียวกับเธอเลยสักคน ผ้าแพรต้องรีบกลับบ้านก่อนที่จะดึกไปกว่านี้ เพราะว่าในตอนเช้าตรู่ผ้าแพรต้องรีบช่วยยายทำขนมและไปขายที่ตลาดสด
เอี๊ยด! เสียงล้อรถที่ลากมากับถนนดังลั่น จู่ๆมีรถตู้คันหนึ่งขับมาปาดหน้าผ้าแพรที่กำลังเดินกลับบ้าน
"ผ้าแพร ตะ ตายแล้วทำไมน่ากลัวแบบนี้"ฉันหยุดชะงัก เมื่อเห็นรถตู้ขับมาปาดหน้าได้เพียงแต่บ่นพึมพำกับตนเองในใจนั้นสั่นและก็กลัว ฉันพยายามที่จะวิ่งหนีแต่มีชายชุดดำ 3 คนวิ่งตามฉันมา เขาจับแขนฉันทั้งสองข้างดึงเอาไว้
"ปล่อยผ้าแพรนะ"พยายามกรีดร้องเสียงดัง ให้คนแถวนี้ได้ยิน แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะเงียบสงบ และเป็นที่เปลี่ยวไม่มีบ้านคนสักหลังคาเรือน ต่อให้ฉันร้องพยายามดิ้น ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะมาเห็นจนพวกเขาจับฉันและลากขึ้นมาบนรถตู้
"เจ็บนะ พวกคุณจับหนูมาทำไมหนูไม่มีเงินหรอก"มือด้านขวาของฉันยกมาปาดน้ำตาตนเองพยายามพูดและบอกกับเขาว่าฉันไม่มีเงิน
"เงียบเดี๋ยวนี้ อย่าพูดมากถ้ายังไม่อยากตาย"ผู้ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ ปกคลุมหน้าด้วยโม่งดำ เขาเอ่ยขู่ฉันด้วยกระบอกปืนที่ยกขึ้นมา
"ไม่ หนูจะไม่ไปกับพวกคุณปล่อยหนูลงไปเดี๋ยวนี้ หนูจะไปหายาย"พยายามดิ้นรนที่จะลุกออกจากรถ เมื่อฉันลุกขึ้นจากเบาะพวกเขาก็กดฉันลงนั่งเหมือนเดิม ด้วยความที่พวกเขาตัวใหญ่และเป็นผู้ชายทั้ง 3 คน ฉันจึงสู้แรงเขาไม่ได้
"ฤทธิ์มากนักนะ"ผู้ชายชุดดำอีกคนพูดขึ้น ก่อนที่จะใช้ผ้าอะไรสักอย่างมาโปะหน้าของฉัน ในความรู้สึกของฉันตอนนั้นมันเหม็นและขึ้นสมองในสิ่งที่เขาเอามาปิดหน้า
สาวน้อยผ้าแพร หมดสติลงไปหลังจากที่ถูกชายชุดดำทั้งสองคนโปะยาสลบ พวกเขาปิดปากและมัดมือของเธอไปทางด้านหลัง นำตัวเธอนั้นมาที่บ้านหลังหนึ่ง
"โอ้ย"เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งทำไมร่างกายของฉันขยับไม่ได้ และทำไมฉันหายใจเหมือนจะไม่ออกที่สำคัญปวดหัวเวียนหัว ทุกอย่างมันแน่นไปหมดพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันถูกปิดปากและปิดตาอยู่นี่
"อ่อย"พยายามร้องผ่านผ้าปิดปาก พยายามพูดเรียกคนข้างนอกให้ช่วย มีแต่ความกลัวและความว้าเหว่ ที่ฉันมองไม่เห็นด้านหน้าว่าฉันอยู่ที่ไหน
ปึ้ง! "จะร้องไห้โหยหวนเรียกอะไรกันนักกันหนา ขนาดปิดปากยังส่งเสียงไปถึงด้านนอก"เหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงที่ตะคอกอยู่ตรงหน้าฉัน เสียงเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ฉันต้องขยับถอยหลังหนีต่อให้ฉันมองไม่เห็นว่าด้านหลังจะเป็นอะไรก็ตาม เขากระชากผ้าปิดตาผ้าปิดปากลง จึงมองเห็นคนตรงหน้า
"พวกคุณจับหนูมาทำไมจ๊ะ"ได้เพียงแต่มองหน้าเขาเอ่ยคำถามที่ฉันอยากรู้ ว่าเขาจับฉันมาทำไม ฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงในสลัมที่ไม่มีอะไรเลยไม่มีแม้แต่เงิน คงไม่มีใครต้องการจับมาเรียกค่าไถ่อย่างแน่นอน
"หนูไม่ต้องพูดมากหรอกถ้าหิวก็กินข้าวซะ ที่สำคัญไม่ต้องคิดหนี เพราะว่าหนูหนีไม่พ้นอยู่แล้ว เจ้านายของฉันไม่มีวันปล่อยหนูไปแน่นอน"เขาพูดแค่นั้นจานข้าวและแก้วน้ำถูกวางตรงหน้า นายของเขาไม่มีวันปล่อยฉันและนายของเขาเป็นใครฉันไม่รู้จักพวกเขา ประตูตรงหน้าจะถูกปิดทึบ พยายามมองรอบๆที่นี่เป็นเหมือนกรงขัง หน้าต่างทุกบานติดเหล็กดัดไม่สามารถออกได้อย่างแน่นอน
"ใครก็ได้มาช่วยหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน ได้โปรดปล่อยหนูเถอะนะ หนูคิดถึงยาย"หน้าของฉันซบลงที่ประตู ขานั้นอ่อนแรงจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น นี่ฉันกำลังฝันร้ายอยู่ใช่ไหมทำไมฉันถึงไม่ตื่นสักที พยายามเรียกสติของตนเองคิดว่าอยู่ในความฝันแต่จริงๆแล้วนี่คือความจริง
"ฮึก ยายจ๋า"สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือโอบกอดตนเองด้วยแขน 2 ข้าง ต่อให้ร้องไห้ตะโกนออกไปก็ไม่มีใครสามารถมาช่วยฉันได้ ที่นี่ทั้งหนาวและก็น่ากลัว ต่อให้มีข้าวและน้ำฉันก็ไม่สามารถกินลง
"ยายจ๋า ผ้าแพรจะได้กลับไปหายายไหม"