ตอนที่ 3-1 ( ผิดกฎป่า )
ล่าสมิงป่าทับลาน
ตอนที่ 3
[ผิดกฎป่า]
การเดินทางในป่าที่รกทึบ ต่างจากการเดินทางในเมืองทำให้ตำรวจมือปราบทั้งหกนายเหงื่อไหลไคลย้อยไปตาม ๆ กัน สีหน้าและแววตาของพวกเขาบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
พรานเที่ยงเดินนำหน้าไปได้ครู่หนึ่งก็ยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด
“หยุดทำไมครับพรานเที่ยง” สารวัตรภาคินเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ตรงโน้นมีคนขัดห้างไว้ อาจจะเป็นห้างของพวกไอ้เสือผาดก็ได้” พรานเที่ยงเอ่ยพร้อมกับชี้ให้ทุกคนดู
“จริงด้วยพรานเที่ยง ถ้างั้นก็แสดงว่าพวกเราตามพวกมันมาถูกทางแล้วใช่ไหม” สารวัตรภาคินเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
“ใช่ครับ…แต่ตอนนี้มันอาจจะหนีเข้าไปในป่าลึกแล้วก็ได้ เพราะไอ้เสือผาดมันไม่ใช่เสือร้ายธรรมดา เห็นชาวบ้านบอกว่า มันเคยเป็นพรานป่ามาก่อน”
“จริงเหรอครับ ถ้าเป็นอย่างที่ชาวบ้านบอก พวกเราคงต้องตามล่ามันเข้าไปในป่าลึกแน่นอน”
“ใช่ครับ…รีบไปดูห้างกันเถอะ”
พรานเที่ยงเดินนำหน้าทุกคนไปยังห้างที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว พลันสายตาของพรานเฒ่าก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
“ตรงโน้นมีรอยก่อกองไฟ” พรานเที่ยงพูดจบก็รีบเดินไปดูกองไฟ
“กองไฟกองนี้น่าจะเพิ่งก่อได้ไม่นาน และนี่ก็ไม้ไผ่ที่ใช้สำหรับย่างเนื้อสัตว์” พรานเที่ยงเอ่ยกับทุกคนก่อนจะหยิบไม้ไผ่ที่ใช้ย่างเนื้อสัตว์ขึ้นมาดู
“ถ้ายังงั้นก็แสดงว่าเราตามไอ้เสือผาดมาถูกแล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับสารวัตร ผมว่าเรารีบเดินทางกันต่อดีกว่า” พรานเที่ยงพูดจบก็รีบเดินนำหน้าทุกคนไปทันที
การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะตำรวจทั้งหมดไม่ชำนาญในการเดินป่ามาก่อน
พรานเที่ยงเดินมาได้ครู่หนึ่ง ก็ยกแขนขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาขัอมือ
“ตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้ว เราจะหยุดพักและนอนค้างคืนกันที่นี่”
เมื่อทุกคนได้ยินที่พรานเที่ยงบอก ต่างก็พากันยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะจะได้หยุดพักกันแล้ว
“คืนนี้เราคงต้องขัดห้างนอนกัน เพื่อความปลอดภัย”
“เราจะเอาอะไรมาทำห้างล่ะพรานเที่ยง” สารวัตรภาคินเอ่ยถาม
“ก็ใช้ไม้ไผ่นะสิ แถวนี้จะมีลำห้วยเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านลงมาจากน้ำตกผาเสือชุม ทำให้ป่าบริเวณนี้เป็นที่ราบลุ่มและเปียกชื้น จึงมีไม้ไผ่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด”
“จริงเหรอครับพรานเที่ยง”
“ใช่…เดี๋ยวสารวัตรพาลูกน้องไปกับไอ้ทัพ จะได้ช่วยกันตัดไม้ไผ่มาขัดทำห้าง”
“ได้ครับพรานเที่ยง”
“ปะ ใครจะไปตัดไม้ไผ่กับผมก็ตามมา”
“ผมไปครับสารวัตร” หมวดกวินท์เอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก
“งั้น…เดี๋ยวผมไปด้วย”
จ่าสมศักดิ์จึงรับอาสาไปช่วยอีกคน
“เอาละ ใครที่ไม่ได้ไปก็พากันรออยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหนไกลเด็ดขาด อยู่ในป่ามันมีอันตรายทุกย่างก้าว อย่าประมาทเป็นดีที่สุด”
“ครับพรานเที่ยง”
“ตามผมมาทางนี้ครับสารวัตร” พรานทัพหันไปเรียกสารวัตรก่อนจะเดินนำหน้าไป
หมวดกวินท์กับจ่าสมศักดิ์รีบพากันเดินตามพรานทัพไป
หลังจากที่ทั้งสามคนไปตัดไม้ไผ่กันแล้ว พรานเที่ยงก็พาตำรวจที่เหลืออยู่ออกไปหาฟืนมาไว้ก่อกองไฟ
พรานเที่ยงพาพวกเขาเดินหายเข้าไปในป่าครู่หนึ่ง ก็พากันเดินแบกฟืนกลับมา
“เราจะก่อกองไฟ เพื่อไล่ยุงและสัตว์ป่าที่จะเข้ามาทำร้าย”
“สัตว์ป่ามันกลัวแสงไฟเหรอครับพรานเที่ยง” หมู่ชูชัยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ใช่หมู่…อย่าว่าแต่สัตว์ป่าเลยที่กลัวแสงไฟ แม้แต่ผีสางนางไม้มันก็กลัว ไฟมันมีอำนาจมีความร้อนและแสงสว่าง พวกมันจึงกลัว”
“แล้วมีอะไรที่มันพวกมันไม่กลัวล่ะ”
“ก็ความมืดไง เพราะความมืดจะทำให้มันมีอำนาจ และมีพลัง”
“น่ากลัวเหมือนกันนะครับพรานเที่ยง”
พวกเขานั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นพรานทัพพากันแบกไม้ไผ่กับเถาวัลย์เดินกลับมา
พรานทัพวางไม้ไผ่ลงกับพื้นก่อนจะเอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ
“จะขัดห้างต้นไหนดีล่ะพ่อ”
“เอาต้นโน้นก็ได้ ไม่สูงมาก กิ่งมันเยอะดี จะได้ขัดง่ายหน่อย”
“คนตัังเยอะขัดแค่ห้างเดียวจะพอนั่งกันเหรอพ่อ”
“เออใช่ว่ะ งั้นก็ขัดทำเป็นสองห้างเลย จะได้แยกกันนั่ง เลือกเอาต้นที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่นแหละ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันได้”
“ครับพ่อ ปะ สารวัตรไปขัดห้างกัน”
“จะขึ้นไปยังไงล่ะพรานทัพ ต้นไม้มันสูงขนาดนั้น”
“เราต้องมัดไม้ไผ่ทำบันไดก่อนครับ แล้วค่อยปีนขึ้นไป”
“อ๋อ…เข้าใจแล้ว”
พวกเขาช่วยกันตัดไม้ไผ่เป็นท่อนสั้น ๆ แล้วมัดทำเป็นบันไดลิง ก่อนจะยกขึันไปพาดกับต้นไม้แล้วปีนขึ้นไป
สารวัตรช่วยกันส่งไม้ไผ่ขึันไปให้พรานทัพผูกขัดกับต้นไม้ทำห้างกันอย่างเร่งรีบ เพราะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
ทางด้านพรานเที่ยงก็เอาไม้ไผ่มาตัดเป็นท่อน ๆ ทำเป็นกระบอกแล้วก่อไฟหุงข้าวเหนียว
ไม่นานห้างก็ถูกผูกขัดติดกับต้นไม้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กว่าจะเสร็จพรานเที่ยงก็หุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่สุกพอดี
“ทัพเอ้ย! ใกล้จะมืดแล้ว รีบลงมาก่อกองไฟเลยลูก จะได้กินข้าวกินปลากัน” พรานเที่ยงเรียกไอ้ทัพที่นั่งพักอยู่บนห้าง
ไอ้ทัพไดัยินผู้เป็นพ่อเรียก ก็รีบปีนลงมาแล้วหอบฟืนมาสุมทำเป็นกอง ก่อนจะจุดไฟจนลุกโชนสว่างไสวไปทั่ว
พรานเที่ยงเดินไปหยิบมีดสปาต้าประจำกายออกมาจากเป้แล้วผ่ากระบอกไมัไผ่ที่หุงข้าวเหนียว ก่อนจะหันไปเรียกสารวัตรภาคิน
“สารวัตรพาลูกน้องมากินข้าวกันได้แล้ว กินข้าวเสร็จจะได้ขึ้นไปบนห้าง”
“ครับพรานเที่ยง”
สารวัตรพาลูกน้องเดินมานั่งลงข้าง ๆ พรานเที่ยง ก่อนจะหยิบข้าวเหนียวในกระบอกไม้ไผ่ที่ผ่าไว้ขึันมากินกับเนื้อย่าง
“พรานเที่ยงนี่เก่งนะครับ ที่คิดได้ว่าต้องเอากระบอกไม้ไผ่มาหุงข้าว”
“ผมก็ได้แบบมาจากการเผาข้าวหลามนั่นแหละ อยู่ในป่าจะไปหาหม้อข้าวที่ไหนได้ อะไรที่เอามาใช้หุงได้ ก็ต้องใช้ไปก่อน”