ตอนที่ 2-1 ( เดินทางเข้าป่า )
ล่าสมิงป่าทับลาน
ตอนที่ 2
[เดินทางเข้าป่า]
“อืม…หน้าตาหล่อเหลา คมเข้มเหมือนพ่อเลยครับ”
“ผมมีลูกชายคนเดียว แม่เขาตายตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ผมก็เลยต้องดูแลเลี้ยงดูคนเดียว”
“เหรอครับ ผมเสียใจด้วยครับ”
“เมียพรานเที่ยงแกถูกเสือสมิงกัดตาย เรื่องนี้มันผ่านมานานสิบกว่าปีแล้ว แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครฆ่าเสือสมิงตัวนี้ได้” ผู้ใหญ่โชติเอ่ยกับสารวัตรภาคินด้วยสีหน้าที่หมองเศร้า
“จริงเหรอครับผู้ใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าเสือสมิงจะมีจริง ผมเคยได้ยินแต่คนเฒ่าคนแก่เขาเล่าให้ฟัง แต่ก็ยังไม่เคยเจอกับตัวเองสักครั้ง”
“จริงครับสารวัตร ผมจะเล่าให้ฟัง วันนั้นผมเข้าป่าไปล่าสัตว์ ปล่อยให้เมียกับลูกอยู่บ้านกันตามลำพังสองคน เสือสมิงมันออกจากป่ามากัดเมียผมตาย แต่ก็ยังโชคดีที่ชาวบ้านพากันมาช่วยลูกผมไว้ได้ทัน นี่ถ้าชาวบ้านมาช่วยไม่ทัน ป่านนี้ไอ้ทัพมันคงถูกเสือสมิงกัดตายไปแล้ว” พรานเที่ยงเล่าให้สารวัตรฟังด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
“เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย ยายบัวแกไปสบายแล้ว” ผู้ใหญ่โชติปลอบใจพรานเที่ยงด้วยความสงสาร
“ผมพูดขึันมาทีไรก็อดสงสารนางบัวมันไม่ได้ เพราะเหตุนี้แหละที่ผมต้องตามล่าเสือทุกตัวที่มันเข้ามาในหมู่บ้าน รวมทั้งเสือสมิงด้วย”
“ไม่แน่นะครับ บางทีการที่พวกเราเข้าไปในป่าครั้งนี้ พรานเที่ยงอาจจะได้เจอกับเสือสมิงตัวนั้นอีกก็ได้”
“ถ้าเป็นอย่างที่สารวัตรพูดก็ดีนะสิ ผมก็อยากเจอกับมันเหมือนกัน จะได้แก้แค้นที่มันทำกับเมียผมไว้” พรานเที่ยงเอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธแค้น ก่อนจะหันไปถามไอ้ทัพผู้เป็นลูกชายที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ
“พรุ่งนี้พ่อจะเข้าป่า พาสารวัตรไปตามล่าไอ้เสือผาดกับเสือสมิง เอ็งจะไปกับพ่อรึเปล่า”
“ถ้าพ่อไป ฉันก็ต้องไปสิพ่อ ฉันจะปล่อยให้พ่อไปคนเดียวได้ไง”
“แต่ในป่าทับลานมันมีอันตรายทุกย่างก้าว พ่อไม่อยากให้เอ็งไปเลย”
“ขนาดพ่อยังไม่กลัวเลย ฉันเองก็เป็นพรานเหมือนพ่อ เข้าป่ามาตั้งแต่เด็ก ๆ วิชาอาคมพ่อก็ถ่ายทอดให้มาหมดแล้ว จะไปกลัวอะไรอีก”
“เมื่อไอ้ทัพ มันอยากไปด้วย ก็ให้มันไปเถอะพรานเที่ยง ไอ้ทัพมันก็โตเป็นหนุ่มแล้ว อย่างน้อยในยามคับขัน มันก็ยังช่วยแกได้” ผู้ใหญ่โชติเอ่ยกับพรานเที่ยงด้วยความเป็นห่วง
“ใช่ครับพรานเที่ยง ผู้ใหญ่พูดถูก นายทัพเขาคงเป็นห่วงพรานเที่ยงเลยอยากไปด้วย” สารวัตรภาคินเอ่ยกับพรานเที่ยงอย่างมีเหตุผล
“เอาละ งั้น…พ่อให้เอ็งไปด้วยก็ได้ ไปเตรียมเก็บข้าวของที่จะใช้ในการเดินทางให้เรียบร้อย พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า”
“ครับพ่อ”
“คืนนี้สารวัตรก็พากันนอนพักที่บ้านผมนี่แหละ พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางเข้าป่ากันแต่เช้า”
“ครับพรานเที่ยง ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปส่งผู้ใหญ่กลับบ้านก่อน”
สารวัตรกำลังจะลุกขึ้น หมวดกวินท์จึงรีบเอ่ยขึ้นมาก่อน
“สารวัตรไม่ตัองไปหรอกครับ เดี๋ยวผมไปส่งผู้ใหญ่เอง”
“โอเค…ขอบคุณมากหมวด”
“ข้ากลับก่อนนะพรานเที่ยง ผมกลับก่อนนะสารวัตร”
“ครับผู้ใหญ่ ขอบคุณมากที่พาผมมาหาพรานเที่ยง”
“ไม่เป็นไรครับ”
พรานเที่ยงกับสารวัตรภาคินพากันยกมือไหว้ผู้ใหญ่โชติพร้อมกัน
หมวดกวินท์กับผู้ใหญ่โชติพากันเดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกจากบ้านไป
“ทัพเอ้ย! รีบไปหุงข้าวหุงปลาเลยลูก ค่ำนี้สารวัตรกับลูกน้องจะกินข้าวกับเราที่นี่”
“ครับพ่อ”
สิ้นคำผู้เป็นพ่อไอ้ทัพก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว
พวกเขานั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง พรานเที่ยงก็ขอตัวลุกไปช่วยลูกชายทำกับข้าว
สารวัตรกับลูกน้องนั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นหมวดกวินท์ขับรถกลับมาจอดที่ลานหน้าบ้าน ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้าน
เวลาล่วงเลยผ่านไปถึงหกโมงเย็น
สองคนพ่อลูกก็พากันยกหม้อข้าวและสำรับกับข้าวออกมาจากครัว
“รอนานมั้ยครับสารวัตร น่าจะหิวข้าวกันแล้วมั้ง มา…มากินข้าวกันครับ” พรานเที่ยงเอ่ย พร้อมกับตักข้าวใส่จาน ส่งให้สารวัตรภาคินกับลูกน้อง
“กับข้าววันนี้ไม่มีอะไร เมื่อเช้าไอ้ทัพมันเข้าป่าไปได้กระต่ายป่ากับกระรอกมา
สองสามตัว ผมก็เลยทำผัดเผ็ดให้กินกัน”
“ขอบคุณครับพรานเที่ยง เกรงใจจริง ๆ ผมต้องขอโทษด้วยครับ ที่พากันมารบกวน”
“ไม่เป็นไรครับไม่ต้องเกรงใจ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย กลับเป็นเกียรติเสียอีก ที่ได้ต้อนรับสารวัตร กินกันตามสบายนะครับ แต่กับข้าวคนป่าคนดง มันอาจจะไม่อร่อยถูกปากเหมือนกับข้าวของคนในเมือง”
“แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับพรานเที่ยง พวกผมอยากกินอาหารป่าแบบนี้มานานแล้ว”
“อืม…ผัดเผ็ดกระต่ายอร่อยมากเลยครับพรานเที่ยง ฝีมือเหมือนในร้านอาหารป่าใหญ่ ๆ ในเมืองเลย” สารวัตรภาคินเอ่ย พร้อมกับตักผัดเผ็ดกระต่ายเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้ว ทุกคนก็ออกมานั่งคุยกันที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน รอให้อาหารย่อย พรานเที่ยงหยิบยาเส้นออกมามวนกับใบตองจุดไฟแดงวาบ ดูดอัดเข้าปอดพ่นควันโขมงตามประสาคนแก่
“ทัพเอ้ย! ไปเอาเสื่อเอาหมอนมาปูให้สารวัตรกับลูกน้องนอนเลยลูก”
“ครับพ่อ”
สิ้นคำผู้เป็นพ่อไอ้ทัพก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินหอบเสื่อหอบหมอนและผ้าห่มเดินกลับมา
“ไอ้ทัพมันปูที่นอนให้แล้ว ใครง่วงก็ไปนอนพักผ่อนได้เลยนะ พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า”
“ใครง่วงก็ไปนอนก่อนผมเลยนะ เดี๋ยวผมจะนั่งคุยกับพรานเที่ยงก่อน” สารวัตรภาคินเอ่ยกับลูกน้อง
“งั้นผมขอตัวไปนอนก่อนนะ วันนี้ทั้งง่วงทั้งเพลียเลยครับสารวัตร” หมวดกวินท์เอ่ยกับสารวัตรภาคินก่อนจะลุกขึ้นเดินไปล้มตัวลงนอนเป็นคนแรก
ตำรวจทั้งสี่นายจึงพากันลุกขึ้นเดินตามหมวดกวินท์ไปนอนจนหมด
ตอนนี้คงเหลือเพียงสารวัตรภาคินที่นั่งอยู่สองคนกับพรานเที่ยง
“สารวัตรแน่ใจนะว่าจะจับเสือผาดได้ ไอ้นี่มันไม่ใช่เสือร้ายธรรมดาด้วย”
“ผมมั่นใจว่าต้องจับมันได้แน่นอน ผมเตรียมปืนเอ็มสิบหกมาด้วยสองกระบอก และปืนไรเฟิลสปริงฟิลด์จุดสามศูนย์ขีดหกศูนย์ติดกล้องที่ เป็นปืนประจำกายของผม สำหรับไว้ใช้เด็ดหัวผู้ร้ายในระยะไกล ปืนกระบอกนี้มันเป็นปืนที่สามารถล้มช้างได้ทั้งตัวเลย”
“ดีเลยครับ มีปืนดี ๆ แบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อย เพราะผมเชื่อว่าเราต้องได้เจอกับพวกมันแน่นอน”