ตอนที่ 1-2 ( หมู่บ้านทัพตะเคียน )
“แล้วผู้ใหญ่พอจะรู้จักนายพรานเก่ง ๆ ที่ชำนาญป่าแถบนี้บ้างไหมครับ”
“มันก็พอมีนะ แต่เขาจะอาสานำทางให้สารวัตรหรือเปล่า ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ”
“เรื่องนั้นผู้ใหญ่ไม่ต้องกังวลหรอก ผมจะไปคุยกับเขาเอง ว่าแต่บ้านนายพรานที่ว่าเขาอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“ก็อยู่ในหมู่บ้านทัพตะเคียนนี่แหละ แกชื่อเที่ยง แต่ชาวบ้านที่นี่เรียกแกว่า พรานเที่ยง”
“ผู้ใหญ่แน่ใจนะว่าพรานเที่ยงคนนี้ จะพาพวกผมเข้าไปในป่าทับลานแล้วกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย” สารวัตรภาคินเอ่ยถามขึ้นมาเหมือนจะยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
“สารวัตรสบายใจได้ พรานเที่ยงคนนี้แกเป็นนายพรานที่มีวิชาอาคมแก่กล้าและมีความชำนาญในการเดินป่าแถบนี้เป็นอย่างดี”
“ได้ยินผู้ใหญ่พูดอย่างนี้ ผมชักอยากจะเห็นหน้าพรานเที่ยงแล้วสิ”
“งั้นพวกเราก็ไปหาพรานเที่ยงกันเลยสิครับสารวัตร” หมวดกวินท์เอ่ย ก่อนจะลุกขึันเป็นคนแรก
“ก็ดีเหมือนกันหมวด จะได้ไม่เสียเวลา ตอนนี้ผมอยากจะไปตามล่าตัวไอ้เสือผาดเต็มที่แล้ว”
“ถ้าสารวัตรจะไปหาพรานเที่ยง งั้นเดี๋ยวผมจะพาไป”
“ขอบคุณครับผู้ใหญ่ ถ้างั้นพวกเรารีบไปกันเลยดีกว่า”
สารวัตรภาคินพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วเดินนำหน้าทุกคนไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“พ่อ! พ่อจะไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
เสียง ‘ทับทิม’ ร้องเรียกผู้เป็นพ่อที่กำลังเดินตามหลังตำรวจไป
“อ๋อ…พ่อจะพาตำรวจไปบ้านพรานเที่ยง พ่อไปไม่นานหรอก เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว”
“จ้ะพ่อ”
“พ่อไปก่อนนะ พวกเขารอพ่ออยู่ที่รถแล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกสาว ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
เมื่อทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้ว สารวัตรจึงขับรถออกจากบ้านไปทันที
รถแลนด์โรเวอร์แล่นตามถนนลูกรังไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็มาถึงบ้านพรานเที่ยง
สารวัตรภาคินเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานหน้าบ้าน แล้วลงจากรถ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนผมขาวสีดอกเลาที่กำลังนั่งสูบยาพ่นควันโขมงอยู่บนแคร่ไม้ไผ่
สายตาที่ขาวขุ่นของชายชราเพ่งมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินมาหาด้วยความแปลกใจ
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้พรานเที่ยงก็จำได้ว่า คนที่เดินนำหน้ามา ก็คือผู้ใหญ่โชตินั่นเอง
ผู้ใหญ่โชติเดินมาถึง พรานเที่ยงก็รีบยกมือขึ้นไหว้ทักทาย
“สวัสดีผู้ใหญ่ วันนี้พาใครมาเยอะแยะเลย”
“สวัสดีพรานเที่ยง นี่พรานเที่ยงครับสารวัตร”
ผู้ใหญ่โชติแนะนำให้สารวัตรภาคินรู้จัก
“สวัสดีครับพรานเที่ยง”
สารวัตรภาคินยกมือไหว้พรานเที่ยง ก่อนที่ตำรวจทั้งห้านายจะพากันยกมือไหว้ตาม
“สวัสดีสารวัตร สวัสดีทุกคน เชิญนั่งกันตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่พากันมาหาข้าถึงที่นี่ มีธุระอะไรกันหรือเปล่าผู้ใหญ่”
“ข้านะไม่มีธุระอะไรหรอก แต่สารวัตรเขามีเรื่องจะมาให้พรานเที่ยงช่วยเหลือหน่อย”
“เรื่องอะไรเหรอครับสารวัตร ถ้าไม่หนักหนาจนเกินไปผมเองก็ยินดีจะช่วย”
“คือยังงี้ครับพรานเที่ยง ตอนนี้ไอ้เสือผาดกับลูกน้อง มันหนีเข้าไปกบดานอยู่ในป่าทับลาน พวกผมจึงพากันมาตามจับมันครับ”
“นี่ไอ้เสือผาดมันหนีมาถึงที่นี่เลยรึ แล้วทำไมสารวัตรถึงไม่ตามเข้าไปจับมันเลยล่ะ”
“ตอนแรกผมก็จะตามเข้าไปจับมันนั่นแหละ แต่ผู้ใหญ่แกห้ามไว้ก่อน”
“อ้าว! ผู้ใหญ่ห้ามทำไมล่ะ”
“ผู้ใหญ่บอกผมว่า ในผืนป่าทับลานมันมีแต่อันตราย ถ้าหากพวกผมเข้าไปตามจับเสือผาดในป่าผืนนี้ ก็ยากที่จะมีชีวิตรอดกลับออกมาได้”
เมื่อพรานเที่ยงได้ยินสารวัตรเอ่ยขึ้นมาอย่างนั้นก็ถึงกับหัวเราะลั่นออกมาอย่างชอบใจ
“ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ดีแล้วที่ผู้ใหญ่แกห้ามไว้ก่อน เพราะถ้าขืนพากันเข้าไปจริง ๆ มันก็ยากที่จะเอาชีวิตรอดกลับมาได้”
“นี่แหละคือสาเหตุ ที่ผมต้องมาขอความช่วยเหลือจากพรานเที่ยง”
“แล้วจะให้ผมช่วยยังไงล่ะสารวัตร”
“คือผมอยากให้พรานเที่ยงช่วยนำทางพวกผมเข้าไปตามจับไอ้เสือผาดครับ”
เมื่อพรานเที่ยงได้ยินที่สารวัตรเอ่ยมาอย่างนั้น พรานเฒ่าก็ถึงกับนิ่งเงียบ ขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
“มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ถ้าจะให้ผมช่วยนำทางเข้าไปในผืนป่าทับลานแห่งนีั เพราะทุกคนจะต้องเสี่ยงกับอันตรายมากมาย และที่สำคัญต้องไปเสี่ยงกับกระสุนปืนของไอ้เสือผาดด้วย”
“ผมรู้ว่ามันอันตรายมาก แต่ผมเชื่อว่า นอกจากพรานเที่ยงแล้ว ก็คงไม่มีใครที่จะพาพวกผมเข้าไปในป่าได้อย่างแน่นอน”
“ตอนนี้ผมเองก็แก่มากแล้ว เรื่องที่จะให้เดินบุกป่าฝ่าดง มันคงจะไม่คล่องแคล่วเหมือนตอนสมัยหนุ่ม ๆ หรอก”
“ผมขอร้องละครับพรานเที่ยง นึกเสียว่าเป็นการช่วยเหลือราชการก็แล้วกัน” สารวัตรภาคินเอ่ยเสียงอ่อยออกมาเหมือนเป็นการขอร้อง
“เอาละ ๆ จริง ๆ แล้วผมเองก็อยากจะให้ไอ้เสือผาดมันถูกจับเหมือนกัน ชาวบ้านจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขและนอนตาหลับกันเสียที ตกลงผมจะนำทางให้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากครับพรานเที่ยง”
“เอาเป็นว่า พรุ่งนี้เราจะเดินทางเข้าป่ากันแต่เช้า คืนนี้สารวัตรกับลูกน้องก็พากันพักอยู่ที่้บ้านผมก็แล้วกัน”
“ได้ครับพรานเที่ยง”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ สารวัตรภาคินก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวดำแดง หน้าตาคมเข้ม สวมหมวกปีกสีดำแบบคาวบอย สะพายย่ามแบกปืนลูกซองห้านัดเดินเข้ามาในบ้าน
“อ้าว! ไอ้ทัพมาพอดี ทัพเอ้ย! มานี่ก่อน ผู้ใหญ่กับสารวัตรมาหา” พรานเที่ยงหันไปเรียกลูกชาย
ไอ้ทัพได้ยินผู้เป็นพ่อเรียกก็หยุดชะงักรีบเอาปืนแขวนไว้ที่เสาบ้าน ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับลุงผู้ใหญ่ สวัสดีครับสารวัตร”
“เออ ๆ สวัสดี ไหว้พระเถอะลูก”
“สวัสดีน้อง”
“ไอ้ทัพลูกชายผมเองครับสารวัตร”