ตอนที่ 1-1( หมู่บ้านทัพตะเคียน )
ล่าสมิงป่าทับลาน
ตอนที่ 1
[หมู่บ้านทัพตะเคียน]
ณ หมู่บ้านทัพตะเคียน
หมู่บ้านทัพตะเคียน เป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับผืนป่าทับลานที่อยู่ในเขตผืนป่าดงพญาไฟในอดีต
เสียงรถแลนด์โรเวอร์สีเขียวกำลังแล่นมาตามถนนลูกรังที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อจนฝุ่นตลบ แล้วเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานหน้าบ้านของ ‘ผู้ใหญ่โชติ’
ชายร่างสูงใหญ่หน้าตาคมเข้ม ผิวดำแดงที่อยู่ในชุดกางลายพรางแบบทหาร สวมเสื้อแจ็กเก็ตฟีลด์คลุมทับเสื้อยืดสีดำ สะพายเป้ ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับชายหน้าตาคมเข้ม 5 คน แล้วพากันเดินเข้าไปหาผู้ใหญ่โชติ
เสียงรถที่แล่นเข้ามา ทำให้ผู้ใหญ่โชติที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้ใผ่ รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดูด้วยความแปลกใจ
สารวัตร ‘ภาคิน’ หรือพันตำรวจโทภาคินหนุ่มใหญ่กองปราบปราม ในวัยสามสิบห้า ที่รักในอาชีพการเป็นตำรวจเป็นชีวิตจิตใจ จึงยังไม่คิดที่จะแต่งงานกับสาวคนไหน ไม่รู้เป็นเพราะยังไม่เจอหญิงสาวถูกใจ หรือเพราะไม่มีเวลาไปเจอะเจอสาว ๆ กันแน่
พวกเขาเดินตรงเข้าไปหาผู้ใหญ่โชติ ก่อจะพากันยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมกัน
“สวัสดีครับลุงผู้ใหญ่”
“สวัสดีสารวัตร ผมนึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็สารวัตรนี่เอง มีอะไรเหรอครับ ถึงได้พากันมาหาผมถึงที่นี่”
“ผมมีเรื่องจะมาขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่หน่อยครับ”
“ถ้างั้น…ก็เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”
“ขอบคุณครับผู้ใหญ่”
สารวัตรภาคินกับลูกน้องพากันเดินตามผู้ใหญ่โชติเข้าไปในบ้าน
“นั่งกันตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวผมไปบอกเด็กเอาน้ำมาให้” ผู้ใหญ่โชติพูดจบก็เดินหายเข้าไปหลังบ้าน
ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมกับเด็กสาวหน้าตาดี ผิวขาว ผมยาวสลวย ในมือเด็กสาวถือถาดใส่แก้วน้ำมาด้วย
เด็กสาวค่อย ๆ วางถาดลงบนโต๊ะ แล้วอมยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะเอ่ยกับทุกคนที่กำลังนั่งมองเธอแล้วพากันอมยิ้ม
“ดื่มน้ำค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
หญิงสาวเอ่ยแล้วอมยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินจากไป
“อ้าว! มาถึงเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำกันก่อนครับ”
“ขอบคุณครับผู้ใหญ่”
สารวัตรภาคินหยิบแก้วน้ำมายกขึันดื่มก่อนจะดึงแก้วน้ำออกจากปากแล้วเอ่ยเสียงเรียบกับผู้ใหญ่
“ผมไม่ได้มาหาผู้ใหญ่นาน จนลูกสาวผู้ใหญ่โตเป็นสาวแล้ว”
“ใช่ครับ…น่าจะสามสี่ปีแล้วมั้ง ที่สารวัตรไม่ได้มาที่นี่”
“ใช่ครับ…ผมจำได้ว่า ตอนนั้นผมเพิ่งจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรใหม่ ๆ”
“ใช่ครับ…ว่าแต่ที่สารวัตรมาหาผมวันนี้ มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“คือสายของผมรายงานมาว่า ไอ้เสือผาดกับลูกน้องพากันหนีมากบดานอยู่แถวนี้ ผมจึงอยากจะมาขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่หน่อยครับ”
“จริงเหรอครับสารวัตร ไอ้เสือผาดที่ออกเที่ยวปล้นฆ่าชาวบ้านและตำรวจกำลังตามล่าตัวอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ครับผู้ใหญ่ ไอ้นี่มันจับยากจับเย็นจริง ๆ เพราะมันเป็นเสือร้ายที่มีวิชาอาคม ผมเคยประจันหน้ากับมันมาหลายครั้ง แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย ขนาดผมยิงถูกมันจัง ๆ กระสุนยังไม่ระคายผิวมันเลย”
“ไอ้เสือผาดมันมีอาจารย์ดี แต่มันดันเอาวิชาอาคมไปใช้ในทางที่ผิด มันรู้ว่าตำรวจทำอะไรมันไม่ได้ จึงเหิมเกริมเที่ยวปล้นฆ่าผู้คนไปทั่ว ไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายบ้านเมือง”
“นี่แหละคือสาเหตุ ที่พวกผมต้องออกมาตามล่ามัน”
“ถ้าไอ้เสือผาดมันหนีมาที่นี่จริง ๆ อย่างที่สารวัตรบอก ผมเชื่อว่าพวกมันก็คงไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านแถบนี้หรอก”
“อ้าว! ทำไมผู้ใหญ่ถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“เพราะถ้ามันอยู่ในหมู่บ้านแถบนี้จริง ป่านนี้ก็คงมีคนรู้คนเห็นตัวมันแล้ว”
“แล้วผู้ใหญ่คิดว่าพวกมันจะหนีไปกบดานอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด มันน่าจะหนีเข้าไปกบดานอยู่ในผืนป่าทับลานอย่างแน่นอน”
“ผู้ใหญ่แน่ใจนะ ว่าไอ้เสือผาดมันหนีเข้าไปกบดานอยู่ในป่าทับลาน”
“ครับผมแน่ใจ เพราะมันคงคิดว่าในที่ ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกมัน”
“ผู้ใหญ่หมายความว่ายังไง ผมยังไม่เข้าใจ”
“ก็ผืนป่าทับลานแห่งนี้ เป็นป่าที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมไปหลายอำเภอ อีกทั้งยังเคยเป็นผืนป่าดงพญาไฟในอดีตด้วย”
“แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ผมจะไปตามจับเสือผาดล่ะครับ”
“เกี่ยวสิ…ก็เพราะผืนป่าทับลานแห่งนี้ มันไม่ใช่ป่าธรรมดานะสิ”
“แล้วมันไม่ธรรมดายังไงล่ะผู้ใหญ่”
“เพราะใครก็ตาม ที่เข้าไปในป่าผืนนี้ ส่วนมากจะไม่มีใครรอดกลับออกมาได้แม้แต่คนเดียว”
เมื่อสารวัตรภาคินกับลูกน้องได้ยินที่ผู้ใหญ่โชติเอ่ย พวกเขาต่างก็หันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“มันมีอะไรที่น่ากลัวเหรอผู้ใหญ่ ทำไมถึงไม่มีใครรอดกลับมาได้”
“ก็เพราะผืนป่าทับลานแห่งนี้ มันมีสิ่งลี้ลับ อาถรรพ์มากมาย มันมีอันตรายทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย ผีสางนางไม้ แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เสือสมิง”
“อะไรนะผู้ใหญ! ในป่าแห่งนี้มีเสือสมิงด้วยเหรอครับ” สารวัตรภาคินอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ใช่! มันมีเสือสมิงอยู่ในป่าแถบนี้มานานแล้ว ชาวบ้านที่นี่เขารู้ดี”
“อ้าว! แล้วทำไมไอ้เสือผาดมันถึงกล้าหนีเข้าไปในป่าผืนนี้ล่ะ”
“ก็สารวัตร บอกผมเองไม่ใช่เหรอ ว่าไอ้เสือผาดมันมีวิชาอาคม คนที่มีวิชาอาคม เขาจะไม่กลัวเรื่องพวกนี้หรอก”
“อ้อใช่! ผมลืมไป ถ้าเป็นอย่างที่ผู้ใหญ่พูด พวกผมคงต้องเจอศึกหนักแล้วละ”
“สารวัตรเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ” หมวด ‘กวินท์’ หรือร้อยตำรวจโทกวินท์ เอ่ยถามสารวัตรภาคิน
“เรื่องเสือสมิง ผมก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เพราะยังไม่เคยเจอกับตัวเอง แต่ถัาเรื่องวิชาอาคม ผมก็มาเชื่อ ตอนที่ได้เจอกับไอ้เสือผาดนี่แหละ”
“ในเมื่อสารวัตรรู้อย่างนี้แล้ว สารวัตรยังจะกล้าเข้าไปตามล่าเสือผาดอยู่อีกรึเปล่า” ผู้ใหญ่โชติเอ่ยถาม
“ไหน ๆ ผมก็ดั้นด้นมาถึงที่นี่แล้ว ถึงยังไงผมก็ต้องเข้าไปตามล่าตัวมันมาเข้าคุกให้ได้ แม้จะลำบากสักแค่ไหนก็ตาม” สารวัตรภาคินตอบออกมาอย่างมั่นใจ
“แต่ใครก็ตามที่เข้าไปในป่าทับลานแห่งนี้ ถ้าไม่ใช่นายพรานที่มีวิชาอาคมแก่กล้าจริง ๆ ก็ยากที่จะมีชีวิตรอดกลับมาได้”
“แล้วจะทำยังไงล่ะผู้ใหญ่ ในเมื่อผมไม่มีทางเลือก” สารวัตรภาคินเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ถ้าสารวัตรอยากจะเข้าไปตามล่าไอ้เสือผาดจริง ๆ ก็ต้องไปหานายพรานที่มีวิชาอาคมและชำนาญป่าแถบนี้มานำทางให้”