1 หนี…ไม่รอด
“ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับเธอทีหลัง”
ใครจะโง่นั่งรอให้มัจจุราชอย่างเขามามอบความตายให้ นี่ถือเป็นโอกาสดีของเธอที่จะหนีแล้ว
ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะเธอถูกคนของผู้ชายคนนั้นพามาอีกที ภายในห้องไม่ได้สว่างมากเพราะเป็นไฟสลัว ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ มีกลิ่นอายของอำนาจและความน่ากลัวแอบแฝง
ที่นี่คงเป็นถิ่นของผู้ชายคนนั้น…
เธอเริ่มมองหาช่องทางการหนี ข้างนอกมีลูกน้องของเขาเฝ้าหน้าประตู สายตาพลันไปมองประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้อง ไม่รอช้ารีบเดินจ้ำอ้าวไปเปิดออก
“สะ…สูงจัง…” อยากหนีแต่ดันเป็นคนกลัวความสูง ถ้าตัดสินใจใช้วิธีนี้ในการหนี เธอจะรอดจากลูกน้องของผู้ชายคนนั้นไหม แต่ถ้าไม่ลองเสี่ยงความตายได้มาเยือนเธอจริงแน่
“เอาวะ! อย่างน้อยก็ดีกว่ารอให้เขากลับมาฆ่า” โชคดีที่มีต้นไม้ให้ปีนลง เกิดมายังไม่เคยปีนต้นไม้ นับว่านี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
มีนาปีนต้นไม้ลงมาอย่างทุลักทุเล ลงมาถึงเพียงกลางลำของต้นไม้ ก็เผลอพลาดท่าตกลงมาอย่างแรง
ตุ้บ!
เธอเกือบร้องโอดโอยออกมาแล้ว เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยจึงไม่สามารถหลุดเสียงพูดใดๆ ได้
“นี่บ้านหรือวังเนี่ย ทำไมใหญ่และกว้างขนาดนี้” ไม่รู้ว่าควรไปทางไหนเพราะไม่คุ้นเคยกับที่นี่มาก่อน เธอสุ่มเดินไปจากตรงนี้ก่อนจะมีใครมาเห็น
เธอรีบหลบหลังพุ่มไม้เมื่อมีชายชุดดำกำลังเดินมา หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ตอนนี้เหมือนกำลังอยู่ในเกมหนีตายอย่างไรอย่างนั้น ทั้งลุ้น ตื่นเต้น และกลัวในเวลาเดียวกัน
ก่อนหน้านี้มาดื่มกับเพื่อน เวลาล่วงเลยจนดึกมากแล้ว ทำให้เธอและเพื่อนแยกย้ายกันกลับ ตอนนั้นมาเข้าห้องน้ำแล้วคนเยอะมาก เธอเลยขอให้พี่คนรู้จักพาขึ้นไปเข้าห้องน้ำข้างบนที่เป็นโซนสำหรับลูกค้าวีไอพีและวีวีไอพี
พอทำธุระส่วนตัวเสร็จเดินออกมาก็ไม่เห็นพี่คนรู้จักคนนั้น ทำให้ต้องเดินหาทางกลับเอง เลยทำให้เธอมาเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น และโดนไล่ล่าเพื่อฆ่าปิดปาก
เกิดมาเพิ่งได้ใช้ชีวิตแค่ยี่สิบสองปีเอง ชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งมากมาย แม้บางครั้งบ่นตัดพ้อกับชีวิต บอกว่าโลกนี้มันเฮงซวย แต่ก็ไม่คิดอยากตายจริงๆ
เธอกำลังมีชื่อเสียงในสายงานที่ทำ เพราะฉะนั้นจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่เลขยี่สิบสองไม่ได้…
มีนาเดินย่องมายังกำแพงที่สูงกว่าตนหลายเท่า เงยหน้าขึ้นมองมันอย่างสิ้นหวัง พอนึกถึงคำพูดของผู้ชายคนนั้นมันก็ทำให้เธอมีแรงหนี
“ก็ยังดีกว่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่” เธอบอกตัวเอง ก่อนจะใช้มือที่แดงเถือกและมีเลือดไหลซึมเล็กน้อยจับกิ่งของต้นไม้แล้วปีนขึ้นกำแพงเพื่อหนีไปจากสถานที่อันตรายแห่งนี้
ตุ้บ…
เธอกลั้นใจกระโดดลงจากกำแพงสูง ทำให้พลาดท่าเสียหลักจนข้อเท้าพลิก กัดฟันข่มความเจ็บปวดวิ่งกะเผลกหนีอย่างรวดเร็ว ครั้นจะใช้โทรศัพท์ติดต่อขอให้คนมาช่วยก็โดนยึดไปก่อนหน้านี้
“ชะ…ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” แสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งที่สาดส่องทำให้เธอตะโกนขอความช่วยเหลือตามสัญชาตญาณ
รอยยิ้มแห่งความดีใจประดับไว้บนใบหน้า หากแต่พอลองนึกดูดีๆ ยามวิกาลแบบนี้ แถมตรงนี้ยังเป็นถิ่นของผู้ชายคนนั้น ไม่มีทางที่จะมีรถผ่านมาได้ง่ายๆ เว้นแต่ว่า…
จะเป็นพวกเดียวกับเขาคนนั้น!
ดีใจได้ไม่นานก็ต้องหุบยิ้ม พลาดเสียแล้วยัยมีนา เธอโดนคนพวกนั้นเจอตัวเข้าแล้ว ไม่รอให้โดนจับตัวไปอีกครั้ง ฝืนความเจ็บปวดเพื่อวิ่งหนี
“โอ้ย!” เธอขาอ่อนเปลี้ยล้มลงบนพื้นถนนที่ไร้รถวิ่งผ่าน มีเพียงรถคนนั้นที่ขับตามมาจอดสาดไฟใส่ตรงหน้า
พยายามฝืนความเจ็บปวดเพื่อลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี แต่ความเจ็บปวดที่กำลังเล่นงานตรงข้อเท้ามันทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นได้
เพ่งมองคนในรถดีๆ ว่าเป็นใคร แม้มองเห็นได้เพียงเงาเลือนราง แต่เธอก็จำโครงหน้านั้นได้ดี ริมฝีปากหยักที่เคยบอกว่า ‘เดี๋ยวกลับมาคิดบัญชี’ กำลังเหยียดยิ้มเย้ยเธอ
“จะมาตายตอนนี้ไม่ได้นะยัยมีน เธอต้องรอดสิ” เธอพยายามลุกขึ้นจนสำเร็จ
เริ่มวิ่งหนีไปจากรถคันนั้นที่เคลื่อนเข้ามาหาเรื่อยๆ สักพักได้ยินเสียงเร่งคันเร่ง ก่อนที่รถหรูจะพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง ด้วยความที่เจ็บข้อเท้าอยู่เลยทำให้เธอเสียหลักล้มอีกครั้ง
“กรี๊ดดด!!!” เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อรถคันนั้นพุ่งเข้ามาหาเหมือนตั้งใจจะชนให้ตาย…