บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 โดนแกล้ง

“แล้วทำไมกูจะต้องทำตามคำขู่ของมึง”

“ก็แล้วแต่ จะเอาอย่างนั้นก็ได้ เชิญออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้ ไม่กลัวใครจะมาเห็นหรือไง” คนพูดผายมือเชิญให้เขาออกไป แทนไทจ้องเขม็งมองอย่างเดือดดาล กำมือแน่นจนสั่น ก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ

“มึงกล้ามากที่มาขู่กู ก็ได้! กูจะไม่มายุ่งกับพี่สาวมึงอีก แต่ถ้าเรื่องนี้มีคนรู้แม้แต่คนเดียวรับรองว่าชีวิตมึงได้พังไม่เป็นท่าแน่”

แทนไทชี้หน้าขู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วลูกพลับก็ทรุดตัวลงนั่งพร้อมทั้งหลั่งน้ำตาแห่งความเสียใจออกมา มันช่างเป็นฝันร้ายที่เจ็บปวดเหลือเกิน ไม่นึกฝันว่าเขาจะต้องมาเสียพรหมจรรย์ให้กับคนที่ไม่ได้รักอย่างนี้

“ฮือ ๆ แม่ครับ ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน”

แทนไทเดินออกมาจากเรือนคนใช้อย่างระแวดระวัง เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพี่ชายตนเองกำลังจะออกไปทำงาน

“อ้าว! มึงกลับเช้าเลยเหรอวะ”

“อือ”

ตอบสั้น ๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินเบียดไหล่กลับเข้าไปในบ้าน ไททันได้แต่มองตามหลังแล้วถอนหายใจเสียงดัง ไม่รู้ทำไมน้องชายถึงได้ตั้งแง่กับเขาอย่างนี้ เป็นมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาแกล้งให้น้องชายจมน้ำจนเกือบจะตาย มันเป็นความผิดพลาดครั้งเดียวที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเปลี่ยนไป

เมื่อเข้ามาในห้องแล้วแทนไทก็ทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ วางสายตาไว้ที่โคมไฟหรูซึ่งห้อยระย้าลงมาจากเพดานห้อง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ จนกระทั่งก่อนหน้าที่มีปากมีเสียงกับไอ้เด็กนั่น พอรู้ว่าตัวเองมีอะไรกับผู้ชายก็รู้สึกขยะแขยงตัวเอง รู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียนจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สำรอกเอาของเหลวในท้องออกมาจนหมด

“อ้วก!! มึงมันน่ารังเกียจ อีตุ๊ด! กูไม่น่าพลาดไปเอามึงเลย”

กล่าวจบแล้วก็รีบบ้วนปากและล้างหน้าจนรู้สึกดีขึ้น จากนั้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปในห้องอาบน้ำ เพื่อชำระล้างคราบดีเอ็นเอของไอ้เด็กนั้นออกไปให้หมด

*-*-*-*-*-*-*

เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง วันนี้ลูกพลับออกมาช่วยป้าปิ่นซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่เขา ส่วนนับดาวไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ แต่เป็นลูกสาวของป้าปิ่นนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากพี่สาวที่คลานตามกันมาเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก

นับดาวเพิ่งจะเรียนจบพยาบาลมาหมาด ๆ และโชคดีได้ทำงานทันทีนั่นเพราะฝีมือของไททันที่ช่วยฝากงานให้ เธอพักอยู่หอพักของทางโรงพยาบาลนานทีจะกลับมาที่บ้านหลังนี้ และอีกไม่นานก็จะซื้อบ้านเพื่อจะได้พาแม่และน้องชายออกไปอยู่ด้วยกัน ทว่าปิ่นวดีผู้เป็นแม่ไม่ยอมย้ายออกไป เพราะให้เหตุผลว่าคุณท่านและคุณนายเป็นผู้มีพระคุณกับครอบครัว จึงอยากจะรับใช้จนกว่าจะทำงานไม่ไหว อีกอย่างถึงไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่แต่ก็คงเหงาเพราะไม่รู้จะทำอะไรนั่นเอง อยู่ที่นี่ยังมีงานบ้านให้ทำและมีเพื่อนคุยอยู่บ้าง

“ป้าปิ่นผมไปเรียนแล้วนะครับ”

“ตั้งใจเรียนนะพลับ อย่าเถลไถลเด็ดขาดรู้ไหม” คนเป็นป้าชี้หน้าขู่เล่น ๆ เธอไม่เคยเป็นห่วงเรื่องนี้เลย เพราะลูกพลับเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด

“ก็อยากจะลองดูสักครั้งเหมือนกัน อยากรู้ว่าป้าจะทำยังไงกับผม” เขาตอบกลับขำ ๆ

“อยากเจ็บตัวก็ลองดูสิไอ้หลานคนนี้”

“เอ้อป้าครับ ทำไมเมื่อคืนพี่ดาวไม่กลับมาล่ะครับ ปกติเห็นมาทุกวันอาทิตย์นี่นา”

“อ้อ เมื่อคืนมีเคสด่วนน่ะเลยมาไม่ได้ มันโทรฯบอกป้าอยู่ แต่เห็นว่าเอ็งหลับไปแล้วเลยไม่ไปกวน”

“อ๋อครับ งั้นผมไปแล้วนะ”

“เดี๋ยว ๆ ทำไมวันนี้ตาเอ็งมันแดง ๆ วะ”

เมื่อโดนทักท้วงเจ้าตัวก็รีบหลบตาทันที มันคือร่องรอยของการร้องไห้มาอย่างหนักตลอดทั้งคืน

“เอ่อ...เมื่อคืนผมอ่านหนังสือดึกไปหน่อยครับป้า”

“อย่าหักโหมล่ะ ตอนนี้ก็สอบติดจนได้เรียนสิ่งที่ชอบแล้ว อย่ากดดันตัวเองให้มากเข้าใจไหม ป้าเป็นห่วง”

“ครับผม”

ลูกพลับเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นป้าก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่ แล้วสะพายกระเป๋าสีดำใบขนาดกลาง ๆ เดินตรงไปยังประตูทางออก บ้านหลังนี้มีพื้นที่ใหญ่โตสมกับเป็นบ้านของมหาเศรษฐี ทว่ากลับไม่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขเลยสักนิด ยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดหากได้เผชิญหน้ากับเขาคนนั้น

ปี๊บ ๆ

เสียงบีบแตรรถดังมาจากด้านหลัง กำลังจะหันไปมองทว่าต้องรีบเบี่ยงตัวหนี ทำเอาหัวใจแทบจะวาย นั่นเพราะรถคันหรูขับมาใกล้จนเกือบจะเฉี่ยวตัวเขาเต็มที ทำเอาลูกพลับเสียหลักล้มลงบนพื้นคอนกรีตอย่างจัง

“โอ๊ย! ขับรถบ้าอะไรเนี่ย ไม่มีตาหรือไง” ที่กล้าพูดอย่างนี้เพราะรู้ว่าเป็นรถของใคร

“มี! แต่อยากขับอย่างนี้มีปัญหาอะไรวะอีตุ๊ด! เดินเอ้อระเหอลอยชาย นึกว่าถนนบ้านกูเป็นรันเวย์หรือไงวะ”

“เอาอะไรทำตา ก็ผมเดินมาดี ๆ คุณนั่นล่ะตั้งใจขับมาแกล้งผม”

“เออ กูตั้งใจแกล้งแล้วจะทำไมวะ”

“ไม่ทำไม่ เพราะไม่อยากจะเสวนาด้วยให้เสียเวลา”

ลูกพลับตอบกลับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะหันมาสนใจมองที่ข้อเท้าตัวเอง เพราะตอนนี้รู้สึกเจ็บเข้าให้แล้ว พยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่กลับล้มลงไม่เป็นท่า

“ถ้าไม่ไหวก็นอนตายอยู่ที่บ้านนี้ล่ะ กูไปล่ะ”

คนที่อยู่ในรถชะโงกหน้าออกมาเยาะเย้ยพร้อมกับรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ จากนั้นก็บึ่งรถออกไปจากรั้วบ้าน ทิ้งให้ลูกพลับนั่งชันเข่าข้างหนึ่งมองตามหลังไปอย่างอาฆาตแค้น

“ขอให้รถคว่ำตายเถอะสาธุ! โอ๊ะ โอ๊ย! ทำไมมันปวดอย่างนี้เนี่ย”

เจ้าตัวพยายามนวดที่ข้อเท้าสักพักจนรู้สึกดีขึ้น จากนั้นจึงเดินเขย่งเท้าออกไปจากรั้วบ้านแล้วเรียกวินมอเตอร์ไซต์ตามหลังไป ในระหว่างนั่งวินอยู่นั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง เพราะไม่อยากจะเอาเรื่องเครียดไปมหาวิทยาลัยด้วย กลัวว่าจะเรียนไม่เข้าใจนั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel