9 อาหารมื้อเกือบดึกกับคนน้อง
ขณะที่หญิงสาวกำลังหากุญแจในกระเป๋า ประตูห้องของคนที่กำลังนึกถึงก็เปิดออก
“ไปไหนมาผมเคาะห้องตั้งนานโทร. หาก็ไม่รับ” สิปกกรทำสีหน้าตำหนิ
“ไปกินข้าวมา”
“แล้วทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์ล่ะ”
“อ๋อสงสัยลืมเปิดเสียง ขอโทษทีนะ” พราววรินทร์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกผิด และขอโทษผู้ชายคนนี้
“นึกว่าลืมไว้ที่ห้องอีก”
“นายมีอะไรหรือเปล่าล่ะ”
“เปล่าหรอก แค่จะชวนไปกินข้าว”
“ก็บอกเมื่อกี้ไงว่ากินข้าวมาแล้ว”
“เอาน่าไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อยยังไม่ได้ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“แล้วทำไมไม่กินล่ะ”
“ก็รอเอรินนั่นแหละ” เขามองด้วยสายตาละห้อยทำให้เธอต้องยอมเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในห้อง
“แต่งตัวสวยดีนะ”
“จริงเหรอ ขอบใจ” เธอดีใจที่เขาชม
“แต่ผมว่าไม่เหมาะกับเอรินหรอก”
“แล้วยังไงถึงเหมาะกับพี่ล่ะ” เธออยากรู้เพราะเขาเป็นน้องชายของคนที่เธอชอบ บางทีทั้งสองคนอาจจะรสนิยมคล้ายๆ กัน
“ก็แบบเดิมที่เคยใส่นั้นแหละ แบบนี้มันดูเป็นผู้ใหญ่ไปหน่อย”
“นายว่าพี่แกเหรอ” เธอหน้าง้ำนั่นก็ทำให้อีกคนยิ้มที่ได้กวนโมโห
“ไม่ได้ว่าแก่ แค่บอกว่าดูเป็นผู้ใหญ่”
“ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ”
“ไปกินข้าวกับพี่โอห์มมาใช่ไหม” อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“อือ ทำไมนายรู้ล่ะ”
“ก็พี่โอห์มโทร. มาชวนเหมือนกันแต่ผมไม่อยากไปแค่ 2 คนถ้ารู้ว่าเอรินไปด้วยผมคงตกลงไปตั้งแต่แรก”
พราววรินทร์ได้ยินแล้วหัวใจหล่นวูบนี่เขาไม่ได้คิดชวนเธอไปคนเดียวอย่างนั้นหรอกเหรอ โลกที่สดใสเมื่อครู่พังทลายไปในพริบตา
“แล้วเป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม”
“ก็ดีวันหลังไปด้วยกันนะ แล้วนายทำอะไรกินเหรอ”
“ก็มีผัดเปรี้ยวหวาน ไข่เจียวปูแล้วก็ต้มจืดสาหร่ายใส่วุ้นเส้น”
“น่ากินเหมือนกันนะ” เธอมองจานอาหารธรรมดาที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็แอบกลืนน้ำลาย
“กินด้วยกันนะ กินคนเดียวมันเหงา”
“ก็บอกแล้วไงว่ากินมาแล้ว”
“เอาน่าลองชิมนิดเดียวไม่เป็นไรหรอก” เหมือนเขาจะรู้ใจเธอ สิปปกรส่งจานกับช้อนและส้อมให้หญิงสาว
“อือ ลองก็ได้ไหนๆ นายก็ทำตั้งเยอะแล้ว”
จากที่คิดว่าจะลองชิมนิดเดียวแต่พราววรินทร์ก็นั่งทานเป็นเพื่อนเขาไปเรื่อยๆ ดูเหมือนบรรยากาศจะผ่อนคลายกว่าตอนที่ทานกับพี่ชายของเขามาก
“อร่อยใช่ไหมล่ะ” เขาหันมายิ้มให้เธอเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มตักอาหารทานมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่คิดจะแค่ชิมก็กลายเป็นว่านั่งทานจนอาหารทั้ง 3 อย่างหมดลง
“เอริน พรุ่งนี้ทำงานไหม”
“ทำสิ ถามทำไม”
“นึกว่าหยุดเสียอีก ทำไมพุธที่แล้วหยุดล่ะ”
“ก็หยุดตามตารางเวรนั่นแหละ ไม่ได้หยุดประจำวันใดวันหนึ่ง”
“ขอดูตารางเวรหน่อยได้ไหม”
“จะดูทำไม”
“ก็เผื่อว่าวันไหนอยู่ห้องจะได้ทำของอร่อยให้กินอีกไง”
“อ๋อ เหตุผลดีใช่ได้ เดี๋ยวส่งไลน์ให้นะ”
พราววรินทร์กลับมาห้องของตัวเองด้วยความรู้สึกอธิบายยากวันนี้เธอมีโอกาสได้ทานอาหารกับผู้ชายถึง 2 คน ในเวลาต่างกันไม่ถึงชั่วโมง คนแรกคือคนที่เธอแอบชอบมานาน เธอคิดว่าจะมีความสุขแต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น คงเพราะเธอมารู้ว่าเขาไม่ได้ชวนแค่เธอเพียงคนเดียว บางทีเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยก็ได้
ส่วนผู้ชายอีกคนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจไปทานด้วยแต่แรกส่วนเขาตั้งใจที่จะทำอาหารให้เธอและรอเธอกลับมาทานด้วย คงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยมีเพื่อนเลยทำให้สนิทกับเธอเร็วกว่าอีกคน แต่ทำไมเธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขกว่าการไปทานข้าวกับพี่ชายของเขา
ตั้งแต่ไปทานอาหารกับหมออนุตรวันนั้นเธอกับเขาก็ไม่ค่อยจะได้เจอกันอีกคงเพราะเขาต้องรีบเคลียร์งานและรับขี้นเวรแทนหมอคนอื่นก่อนที่จะลางานไปประชุมวิชาการตามที่ได้บอกกับเธอไว้ ส่วนเธอเองก็งานยุ่งเกินกว่าที่จะมีเวลาคิดเรื่องนี้
“แปลกจัง พี่ไม่ค่อยเจอหมออนุตรที่ห้องอาหารเลย หมอไม่สบายหรือเปล่านะ เอรินรู้ไหม” วิรัลพรถามเธอหลังจากที่กลับมาจากทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหาร
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รินก็ไม่ค่อยได้เจอเหมือนกัน สงสัยคงจะงานยุ่งมั้งคะ” เธอตอบไปตามจริงเพราะเธอเองก็ไม่เคยเจอเขาแม้ว่าจะพักอยู่ที่ห้องติดกันก็ตาม
“แต่อรรู้ค่ะ”
“รู้อะไรยายอร ทำไมต้องทำหน้าตาแบบนั้นด้วย เหมือนนางร้ายในละครเลยนะ” วิรัลพรอดแซวไม่ได้
“ก็ที่วอร์ดเค้าลือกันว่าที่หมอเอย ให้ร้านอาหารเอาอาหารกลางวันมาส่งที่ห้องเบรก บรรดาหมอๆ ก็เลยทานอาหารกลางวันกันที่นั่น”
“ก็แค่เรื่องนี้ทำไมต้องกระซิบด้วยล่ะอร” พราววรินทร์แปลกใจ
“ก็มันมีมากกว่านั้นสิพี่เอริน พี่วิ”
“รีบเล่ามาเลยก่อนที่พี่จะลงเวร” วันนี้วิรัลพรเวรเช้า และนี้ก็ใกล้เวลาเลิกงาของเธอแล้ว
“ก็เค้าลือกันว่า หมอเอยน่ะ อยากเอามาให้แค่หมออนุตรแต่จะเอามาให้แค่คนเดียวก็กลัวคนอื่นเอาไปนินทา เธอเลยเอามาเผื่อทุกคน”
“บางทีเธออาจจะแค่อยากให้ที่ร้านมีคนรู้จักเยอะก็ได้นะ” พราววรินทร์ไม่อยากคิดแบบนั้น
“อันนี้อรก็ไม่รู้นะ เหมือนกัน แต่ตอนนี้หมอส่วนใหญ่ก็เลยผลัดกันจ่ายเงินค่าอาหารกลางวัน แต่มันแปลกตรงที่อาหารของทุกคนจะคล้ายๆ กัน แต่ของหมออนุตรจะไม่ค่อยเหมือนของคนอื่น”
“อือ พี่ว่ามันคงต้องมีอะไรแน่ๆ รินกับอรต้องช่วยพี่สืบเรื่องนี้ด้วยนะ” วิรัลพรพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะลงเวร