10 นอนไม่หลับ
งานในเวรบ่ายวันนี้ไม่ค่อยยุ่งมาก หลังจากที่จัดยาให้กับแผนกผู้ป่วยในแล้วพราววรินทร์ก็มียาอีกบางส่วนที่รอผู้ป่วยจากแผนกฉุกเฉินมารอรับ
“พี่เอริน เดี๋ยวลงเวรเราไปหาอะไรกินกันไหม”
“ยังจะหิวอีกเหรออร เมื่อหัวค่ำกินข้าวไปแล้วไม่ใช่เหรอ” พราววรินทร์มองผู้ช่วยรุ่นน้องในแผนกที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอ้วนขึ้นมากจากที่เจอกันเมื่อครั้งแรก
“ก็นั่นตอนหัวค่ำนี่คะ ตอนนี้เริ่มหิวอีกแล้วล่ะคะ” ผู้ช่วยสาวหัวเราะพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเอง
“ไปซื้อที่เซเว่นก็พอมั้ง แล้วจะกลับยังไง แฟนมารับหรือให้พี่ไปส่งล่ะ” หอพักของอรนิชาและแฟนหนุ่มนั้นอยู่ระหว่างทางกลับคอนโดมิเนียมของพราววรินทร์ทำให้บางครั้งหญิงสาวก็ติดรถเธอกลับหออยู่บ่อยครั้ง
“ติดรถพี่เอรินไปเหมือนเดิมค่ะ”
“จ้ะ”
พราววรินทร์มองดูเวลาแล้วเหลืออีกครึ่งชั่วโมงเธอก็จะได้กลับไปพัก บริเวณห้องโถงที่เคยมีผู้ป่วยพลุกพล่านในเวลากลางวันนั้นเงียบสงบ แต่ไฟยังส่องสว่างเพราะที่แผนกฉุกเฉินยังมีคนมาใช่บริการอยู่ตลอดเวลา ทำให้ที่แผนกจ่ายยาและแผนกการเงินไม่ได้เงียบเหงาจนเกินไป
ชายรูปร่างผอมสูงเดินเข้ามายังบริเวณที่นั่งรอรับยา พราววรินทร์มองอย่างสงสัย เขาโบกมือให้เธอแล้วชูโทรศัพท์ พร้อมกับชี้มาที่เธอแล้วชี้กลับไปที่โทรศัพท์ในมือเขาอีกครั้ง
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูก็เห็นข้อความที่เขาไลน์มา
‘ผมมารับ กลับด้วยกันนะ’
‘ไม่เป็นไร กลับเองได้’ เธอตอบกลับ
‘ผมไม่มีรถกลับ’
‘แล้วมายังไง’ เธอพิมพ์ตอบไปพร้อมสติ๊กเกอร์เครื่องหมายคำถาม
‘นั่งแท็กซี่มา’
พราววรินทร์ไม่ได้พิมพ์อะไรต่อจากนั้นอีกเพราะตอนนี่เธอต้องอธิบายการใช้ยาให้กับผู้ป่วยที่มายืนรออยู่ที่หน้าแผนก
สิปปกรขยับมานั่งใกล้กว่าเดิมอีกคงเพราะใกล้ถึงเวลาที่เธอเลิกงานแล้ว
“พี่เอริน ผู้ชายคนนั้นหล่อจัง” อรนิชาเดินมากระซิบ
“คนไหนเหรอ” พราววรินทร์ถามไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่เธอเองก็รู้ว่าอรนิชาหมายถึงใคร
“ก็คนนั้นไง ที่ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีขาวไง” ตอนนี้มีผู้ชายนั่งอยู่สองคน คนหนึ่งคือน้องชายของหมออนุตร ส่วนอีกคนคือญาติผู้ป่วยที่เธอพึ่งจ่ายยาให้เมื่อครู่
“อ๋อ ก็งั้นๆ นะไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย” หญิงสาวเหลือบมองสิปปกรเล็กน้อยก่อนตอบ
“พี่เอรินต้องไปตัดแว่นแล้วมั้งคะ อย่างนั้นน่ะเขาเรียกว่าหล่อเลยแหละ ตัวก็สูงทรงผมก็เท่ห์ อรว่าหล่อกว่าหมออนุตรเยอะเลย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอหัวเราะคิก
“ค่ะพี่ ก็หมออนุตรแค่หล่อ ดูดี แต่ไม่ค่อยมีเสน่ห์”
พราววรินทร์ฟังแล้วหัวเราะอีกครั้ง
“พี่เอรินหัวเราะอะไรคะ”
“ก็ขำอรนั่นแหละ เปรียบเทียบกับใครก็ไม่เปรียบเนาะ”
“ทำไมล่ะคะพี่”
“ก็คนนั้นน้องชายหมออนุตร”
“จริงเหรอพี่” อรนิชาทำเสียงตื่นเต้น
“จริงสิ พี่จะหลอกอรทำไม”
“อิจฉาพี่เอรินจังเลย ได้อยู่ข้างห้องคนหล่อๆ” อรนิชาทำหน้าเพ้อฝัน
พอถึงเวลาเลิกงานพราววรินทร์ก็เดินไปสแกนนิ้วเพื่อลงเวลาเลิกงาน โดยมีสิปปกรเดินตามไปห่างๆ
“กลับเลยไหมครับ” เขาถามเมื่อเธอกลับออกมาจากห้องเล็กๆ ที่เธอเดินเข้าไปสแกนนิ้ว
“อือ” หญิงสาวหันมาพยักหน้า
“รอตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวผมไปเอารถเอง รถอยู่ไหนล่ะ”
“ไม่เป็นไรไปด้วยกันเลยก็ได้ วันนี้อรจะกลับพร้อมเราด้วยนะปาล์ม” พราววรินทร์บอกเขา
หญิงสาวแนะนำให้สิปปกรกับอรนิชารู้จักกัน ก่อนที่จะพาเธอแวะซื้อของและส่งหญิงสาวที่หน้าหอพัก พอได้อยู่กันสองคนในรถเธอก็ไม่รอช้าที่จะถามเขา
“นึกยังไงถึงมารับพี่ล่ะ”
“ก็เห็นว่าดึกแล้ว”
“ปกติก็เคยเลิกงานเวลานี้ พี่ก็กลับเองได้ไม่เห็นต้องลำบากมารับเลย น่าจะรีบนอนมากกว่าดึกแล้วด้วย”
“ครับ” สิปปกรรับคำสั้นๆ ทำให้พราววรินทร์รู้สึกว่าวันนี้ชายหนุ่มดูแปลกไป
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็ไม่เชิง” สิปปกรตอบเบาๆ
“บอกมาเถอะ วันนี้นายไม่ค่อยร่าเริงเลย”
“รู้ด้วยเหรอ” สิปปกรรู้สึกดีที่เธอเห็นถึงความผิดปกติของเขา
“แล้วมีเรื่องอะไร เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก”
“ไม่สำคัญแล้วทำไมหน้านายถึงได้เครียดแบบนั้นละ เล่ามาเถอะน่า ถือว่าพี่เป็นเพื่อนก็แล้วกันนะ” เธอพอจะมองออกว่าวันนี้ชายหนุ่มอยู่ในอารมณ์ที่อ่อนไหวกว่าทุกครั้ง เท่าที่รู้จักกันมาเกือบ 3 เดือนเขาไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย
แล้วสิปปกรก็เล่าเรื่องราวของกฤตพลเพื่อนสนิทของเขาให้เธอฟัง วันนี้ขณะที่เขากำลังกลับจากบริษัทที่ฝึกงานเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวของเพื่อนสนิท เธอโทรศัพท์มาแจ้งเขาว่ากฤตพลประสบอุบัติเหตุ ชายหนุ่มก้าวขาแทบไม่ออกจากนั้นพอตั้งสติได้ก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันที
“แล้วตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ก็ยังมาได้สติเลย หมอบอกว่าถ้ายังไม่พ้นขีดอันตราย” น้ำเสียงสิปปกรสั่นเครือ เขานึกไปถึงสภาพของเพื่อนที่นอนไม่ได้สติและมีผ้าพันแผลอยู่เต็มทั้งตัวรวมไปถึงบริเวณศีรษะแล้วก็หดหู่ใจ
“อย่ากังวลไปเลย ยังไงหมอก็คงช่วยเต็มที่ ปรึกษาหมออนุตรหรือยัง”
“ครับ พี่โอห์มรู้จักกับหมอที่นั่น ผมคุยกับพี่โอห์มแล้ว แต่ก็ยังกังวลอยู่”
“แล้วนี่มาจากโรงพยาบาลเลยหรือว่ามาจากคอนโดฯ ล่ะ”
“มาจากคอนโดฯ ผมกลับมาถึงตั้งแต่หัวค่ำแล้วแหละ กินข้าวแล้วเข้านอน แต่นึกได้ว่าวันนี้เอรินทำงานเลิกดึก”
“ก็เลยนั่งแท็กซี่มาใช่ไหม”
“ก็ตามนั้นแหละ”
“ขอบใจมาก นายคงนอนไม่หลับใช่ไหม”
“ทำไมเอรินรู้ล่ะ”
“ก็คนเราเวลามีอะไรไม่สบายใจหรือทุกข์ใจก็มันจะนอนไม่ค่อยหลับกันทั้งนั้นแหละ เอายานอนหลับไหม ที่ห้องพี่มี” เธอรู้ว่าการทานยานอนหลับนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี และต้องให้แพทย์เป็นคนสั่ง แต่สำหรับกรณีนี้เธอยอมทำผิด เพราะรู้ดีว่าเขาคงข่มตานอนได้ยาก
“ขอบคุณครับ” วันนี้ชายหนุ่มดูสุภาพกว่าทุกครั้งที่เจอกัน
“พรุ่งนี้พี่หยุด เราไปเยี่ยมเพื่อนนายด้วยกันไหม”
“อือ”