11 คนนี้เพื่อนผม
พราววรินทร์กลับออกจากห้องมาพร้อมกับยานอนหลับและไอพอดสีขาวเธอยื่นให้กับสิปปกรพร้อมกันทั้งสองอย่าง
“นี่ยาและไอพอด ในนี้มีเพลงที่พี่ชอบฟังก่อนนอนบางทีอาจช่วยนายได้นะ เพลงอาจจะเก่าหน่อยนอนฟังไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงหลับไปเอง”
สิปปกรรับยานอนหลับในมือหญิงสาวมาแล้วก็ปิดประตู เขารีบทานยาตามที่เธอบอก แม้ว่าเพื่อนของเขาจะยังนอนไม่ได้สติ แต่เขาหวังเหลือเกินว่าพรุ่งนี้จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับเพื่อนของเขา ถึงจะทานยานอนหลับไปแล้วแต่กว่าเขาจะนอนหลับก็ผ่านไปหลายชั่วโมง
เช้านี้สิปปกรตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกด้วยซ้ำ เพราะเขาอยากไปเยี่ยมเพื่อนตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัว พอออกมาจากห้องนอนก็เจอกับพี่ชายที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เรื่องที่พี่ชายรอบอกกับเขานั้นทำให้สิปปกรต้องผิดหวัง นายแพทย์อนุตรเล่าให้เขาฟังว่าเมื่อตอนตี 5 กฤตพลมีเลือดคลั่งในสมองและมีความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นศัลยแพทย์ระบบประสาทจึงพาเขาเข้าไปผ่าตัดเพื่อระบายเลือดและลดความดันในกะโหลกศีรษะอย่างรีบด่วน ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องผ่าตัด
“ถ้าจะไปเยี่ยมเพื่อนก็คงอีกสักพักนั่นแหละกว่าจะออกจากห้องผ่าตัด” อนุตรบอกน้องชาย
“พี่ว่าผลการผ่าตัดจะเป็นยังไงบ้าง” เขามองหน้าพี่ชายเพื่อหวังจะได้คำตอบที่ทำแน่ชัด
“พี่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันแต่อาจารย์หมอที่ผ่าตัดก็เก่งที่สุดแล้ว พี่เองก็คงช่วยได้แค่ประสานงาน” โรงพยาบาลที่เพื่อนของน้องชายไปเข้ารับการรักษานั้นเป็นโรงพยาบาลที่มีบุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ครบครันและทันสมัยไม่ต่างจากโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่
“แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วครับ”
“ปาล์ม พี่อยากให้เราเลิกใช้มอเตอร์ไซด์” เขาบอกน้องชาย เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดกับสิปปกร เขาเคยเตือนมาหลายครั้งแล้วแต่น้องชายของเขาไม่เคยฟังคำเตือนเลยสักครั้ง
“ครับ”
“ครับนี่คือจะทำตามใช่ไหม ปาล์มก็รู้ว่าพี่กับพ่อแม่เป็นห่วง”
“ครับ ผมคงไม่มีทางเลือกอื่น”
“แล้ววันนี้จะเข้าไปเอารถที่บ้านมาใช่เลยไหม พี่ว่ามันคงคิดถึงเจ้าของมันแล้วล่ะ” อนุตรหมายถึงฮอนด้าซีวิคสีขาวคันโปรดน้องชายที่จอดทิ้งไว้ที่บ้านเพราะเจ้าของเอาแต่เห่อรถจักรยานยนต์คันใหม่จนไม่ได้ใช้งานมานานเป็นปี
“ผมว่าจะเข้าไปเอาตอนที่ออกไปเยี่ยมไอ้เต้ครับ”
“ให้พี่ไปส่งไหม” บ้านของเขากับที่นี่ค่อนข้างจะอยู่ห่างกันมาก
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปเอง”
“พี่ฝากเยี่ยมเจ้าเต้ด้วยนะ มีอะไรก็โทร. หาพี่ได้ตลอด” เขาตบบ่าน้องชายอย่างให้กำลังใจ
นายแพทย์อนุตรออกจากห้องไปแล้วสิปปกรยังนั่งอยู่ที่เดิม ทั้งพ่อแม่และพี่ชายเคยเตือนเขาหลายครั้งแล้วว่าการใช้รถจักรยานยนต์นั้นอันตราย เพราะเพียงแค่เสียหลักนิดเดียวก็อาจล้มหรือพลิกคว่ำได้ง่ายๆ เขาไม่เคยเชื่อเพราะมั่นใจว่าตัวเองมีสติพอที่จะควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยแต่เมื่อวานพี่สาวของกฤตพลเล่าว่าเพื่อนของเขาขี่รถกลับจากฝึกงานตามปกติจากนั้นมีรถเก๋งปาดหน้า เพื่อนของเขาเลยหักหลบจนรถเสียหลักไถลไปกับพื้นจนศีรษะไปกระแทกกับของฟุตปาธ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทนั้นทำให้เขาคิดได้
ก๊อก...ก๊อก...
สิปปกรลุกไปเปิดโดยไม่ต้องมองไปที่ช่องเล็กๆ เขารู้ว่าคนที่เขารออยู่นั้นกำลังมา
“เป็นไงบ้าง นอนหลับไหม” คำทักทายที่ออกมาจากริมฝีปากบางๆ สีชมพูระเรื่อนั้นทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในเวลาที่อ่อนแอเช่นนี้
“ก็หลับนะ แต่กว่าจะหลับก็นานเลย เอรินกินอะไรก่อนไหม” เขามองเวลาแล้วยังเช้าอยู่มากและคิดว่าเธอคงยังไม่ได้ทานอะไรมา
“ไม่ล่ะ พี่กินกาแฟมาแล้วเราไปกันเลยไหม” พราววรินทร์รู้ว่าเขาร้อนใจอยากไปเยี่ยมเพื่อน
“เราคงต้องเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อยนะ”
“อ้าว มีอะไรหรือเปล่า” พราววรินทร์มีสีหน้าตกใจ
“พอดีพี่โอห์มบอกเมื่อเช้าว่าไอ้เต้เข้าผ่าตัดอีกรอบ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องผ่าตัด ผมเลยคิดว่าจะกลับไปที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปที่โรงพยาบาล”
“ได้สิ วันนี้พี่ว่างมีเวลาให้นายทั้งวัน” เธอตอบอย่างจริงใจ
สิปปกรฟังแล้วยิ้มกว้าง เธอเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของเขาในยามนี้ “เราจะนั่งแท็กซี่ไปกันนะ”
“ทำไมล่ะ เอารถพี่ไปก็ได้นี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” หญิงสาวส่งกุญแจรถให้กับชายหนุ่ม
“ผมว่าจะกลับไปเอารถยนต์มาใช้น่ะ ไม่อยากใช้มอเตอร์ไซด์แล้ว” เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องเป็นห่วงถ้าตัวเองยังใช้รถจักรยานยนต์
“พี่ว่าดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยก็คงปลอดภัยกว่า”
แท็กซี่จอดที่หน้ารั้วของบ้านหลังใหญ่ สิปปกรชำระเงินค่าแท็กซี่แล้วก็พาเธอเดินเข้าไป ดูเหมือนคนที่บ้านของเขาจะรออยู่แล้ว
“มาแล้วเหรอลูก แม่ดีใจมากตอนที่ลูกโทร. มาบอกว่าจะเข้ามาเอารถ แม่ให้ลุงผลล้างให้แล้ว” มารดาของชายหนุ่มโผเข้ากอดลูกชายทันทีที่เห็นเขาเดินข้ามา
“ขอบคุณครับแม่”
“แล้วพาใครมาด้วย เพื่อนเหรอ” มารดาของชายหนุ่มถามขึ้น
“ครับแม่ นี่เอรินเพื่อนผมครับ”
พราววรินทร์ยกมือไหว้มารดาของสิปปกรที่ตอนนี้เธอเข้าใจผิดคิดว่าหญิงสาวเป็นเพื่อนกับลูกชายของเธอ มารดาของเขาท่าทางใจดีและยังสวยอยู่มากจนเธอเองเดาอายุไม่ถูก
“พาเพื่อนเข้าไปในบ้านก่อนสิปาล์ม”
“ครับแม่”
“หนูเอรินทานอะไรมาหรือยังจ้ะ”
“ทานมาแล้วค่ะคุณน้า” มารดาของเขาท่าทางใจดีและยังสวยอยู่มากจนเธอเองเดาอายุไม่ถูก
“อย่าเรียกน้าเลย เรียกแม่อย่างตาปาล์มเถอะ แล้วนี่เรียนด้วยกันเหรอจ้ะ”
“เปล่าค่ะ เอรินเรียนเภสัช”
“อ้าว แล้วไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะ”
“แม่ครับ อย่าพึ่งถามอะไรเลย ผมว่าพาเอรินไปไหว้พ่อก่อนดีไหม”
“นั่นสิ แม่ลืมไปเลย มาลูกตามแม่เข้ามาข้างในเลย” แล้วหญิงสาวก็เดินตามมารดาของเขาเข้าไปในบ้าน บิดาของเขานั่งอยู่ที่โซฟารับแขกก็ยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ เพื่อนตาปาล์มหน้าตาสวยเชียว กิริยาก็เรียบร้อย ปกติพ่อเคยเห็นแต่เพื่อนผู้ชาย” บิดาของชายหนุ่มกล่าวทักทาย
“พ่อก็พูดเกินไปครับ เพื่อนผู้หญิงผมก็มีครั้งก่อนยังพามากินเหล้าที่บ้านเลย”
“โอย..อย่าให้พ่อนึกถึงเพื่อนเรากลุ่มนั้นเลย เป็นผู้หญิงแต่ละคนกินเหล้าเก่งกว่าพ่อสมัยหนุ่มๆ อีกนะ” คุณธีระนึกถึงบรรดาเพื่อนของลูกชายแล้วก็ต้องส่ายหน้า
สิปปกรคุยกับบิดามารดาอยู่อีกเพียงครู่ก็ต้องรีบขอตัว ชายหนุ่มพาพราววรินทร์แวะทานอาหารระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล
ร้านอาหารเล็กๆ ข้างทางที่มีอาหารตามสั่งเพียงไม่กี่ชนิดที่หญิงสาวเป็นคนเลือกเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มคงยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า
“พี่ว่าเรากินร้านนี้แหละปาล์ม”
“เอรินกินได้แน่ะนะ” เขามองร้านที่เล็กๆ ริมถนนแล้วถามเธอ
ร้านแบบนี้เขาเคยพาสาวๆ แวะทานแต่ทุกคนต่างพากับปฏิเสธ บางคนก็ว่าร้อนไม่มีเครื่องปรับอากาศ บางคนก็กลัวว่าไม่สะอาด
“ได้สิ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็มันไม่มีแอร์กลัวเอรินร้อน อีกอย่างก็กลัวไม่สะอาดด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่กินได้สบายมาก” เธอไม่ใช่คนเรื่องมากและร้านแบบนี้บางทีก็ยังอร่อยกว่าร้านอาหารหรูๆ ด้วยซ้ำ
อันที่จริงบิดามารดาของเขาก็ชวนทานอาหารที่บ้าน แต่สิปปกรกลัวว่าบุพการีทั้งสองจะถามเรื่องราวความเป็นมาของพราววรินทร์ว่ามารู้จักกับเขาได้อย่างไรสิปปกรขี้เกียจตอบคำถามก็เลยรีบพาหญิงสาวออกมาก่อน