8 อาหารมื้อเย็นกับคนพี่
ตลอดบ่ายหญิงสาวคิดวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาว่าเธอจะใส่ชุดไหนไปทานข้าวกับชายหนุ่มสุดฮ็อตอย่างหมออนุตรดี จนกระทั่งถึงเวลาลงเวรหญิงสาวก็แวะร้านทำผมเป็นที่แรก
“สระไดร์ค่ะพี่แวว” เธอบอกกับเจ้าของร้านอย่างคุ้นเคย
“อ้าวน้องเอรินนี่เอง ไปงานเหรอคะถึงได้มาทำผม ยังไม่ถึงวันที่นัดอบไอน้ำเลยนะคะ”
“เปล่าค่ะพี่ พอดีขี้เกียจสระเอง”
“จ้ะ ผมน้องเอรินนี่ทั้งยาวทั้งสวย อย่าขี้เกียจสระเองจนตัดทิ้งนะคะ พี่เสียดายแย่”
“ค่ะ คงไม่กล้าตัดเหมือนกัน กว่าจะยาวได้ขนาดนี้ก็หลายปี” เธอเป็นคนที่รักเส้นผมของตัวเองมากแม้จะดูแลรักษายากและกินเวลาเยอะแต่เธอก็ไม่เคยคิดจะตัดสั้นเลยสักครั้ง ที่ทำก็แค่ตัดปลายที่เสียออกเท่านั้น
ออกจากร้านทำผมเธอก็รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัว หญิงสาวดูเวลาแล้วเหลืออีก 1 ชั่วโมงจะถึงเวลานัดแต่เธอยังเลือกชุดไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ในตู้เสื้อผ้าก็มีแต่ชุดทำงานเท่านั้น
“เฮ้อ..” เธอถอดหายใจแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเคยมีชุดเดรสที่ซื้อมานานแล้วแต่ไม่กล้าใส่ออกไปไหนเพราะกระโปรงมันสั้นเกินไป
เมื่อตัดสินใจได้เธอก็รีบเอาชุดออกมาตรวจความเรียบร้อยโชคดีที่ชุดยังไม่มีกลิ่นอับ พราววรินทร์หมุนตัวเองหน้ากระจกแล้วก็ยิ้ม เพราะดูๆ ไปชุดนี้ก็ไม่ได้สั้นจนน่าเกลียด ความยาวของชุดก็เกือบคลุมเข่า ลวดลายดอกไม้เล็กๆ ที่ชายกระโปรงทำให้ดูเป็นสาวหวานอย่างที่เธออยากให้เป็น
เครื่องสำอางที่ซื้อมานานแล้วถูกนำกลับมาแต่งแต้มบนใบหน้าของเธออีกครั้งหลังจากที่ทิ้งร้างมานาน หญิงสาวทารองพื้นเพียงเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้หน้าดูขาวเด่นจนดูไม่เป็นธรรมชาติ จากนั้นก็มาลงแป้งบางๆ และไม่ลืมที่จะปัดแก้มด้วยสีชมพูพีชซึ่งเป็นสีโปรดของเธอ แล้วก็เขียนคิ้ว กรีดตา ปัดมาสคาร่าซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอต้องยอมเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ไปทานข้าวกับหมออนุตร เธออยากให้เขาประทับใจมากที่สุด พราววรินทร์ทาลิปเจลสีชมพูอ่อนเป็นสิ่งสุดท้าย เธอพร้อมแล้วที่จะออกไปทานข้าวกับเขา
ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู
หมออนุตรมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็อดที่จะกล่าวชมเธอไม่ได้
“วันนี้คุณสวยมาก” เขาบอกพร้อมกับส่งยิ้มจริงใจมาให้
“ขอบคุณค่ะ” เธอเองก็ยิ้มตอบแบบเดียวกัน
“ไปกันเลยไหมครับ”
“ค่ะ”
เขาเดินคู่ไปกับหญิงสาวและแอบชำเลืองดูเธอบ่อยๆ วันนี้เธอแต่งตังสวยกว่าทุกวันที่เขาเคยเห็น เขาคิดไม่ผิดที่ชวนเธอไปทานอาหารที่ร้านอาหารของเพื่อนในวันนี้
ร้านอาหารของแพทย์หญิงกุลจิรานั้นเป็นร้านเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ ชายหนุ่มพาเธอเดินเข้ามายังโต๊ะในสุดที่มองไปด้านนอกเห็นสวยน้ำพุเล็กๆ มีไฟประดับไว้อย่างสวยงาม
“ร้านน่ารักดีนะคะ”
“ครับ ผมเองก็พึ่งเคยมาเหมือนกัน”
“เอรินอยากทานอะไร สั่งได้เลยนะครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวหยิบเมนูมาดูแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าอยากทานอะไร เพราะตอนนี้เธอรู้สึกอิ่มทิพย์ไปแล้วแค่ได้ออกมากับเขา
“อ้าวหมอโอห์ม วันนี้มาทานได้สักทีนะคะ”
“พึ่งว่างครับ ร้านน่ารักมากครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มหวานให้กับหมออนุตรแล้วก็หันมาทางหญิงสาวที่เขาพามาด้วย “อ้าว! เอริน ขอโทษด้วยนะคะ เอยนึกว่าใครที่ไหน วันนี้เอรินสวยจนเอยจำไม่ได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“นี่สั่งอะไรทานกันหรือยังค่ะ เด็กไปไหนกันหมด แย่จัง ไม่มาต้อนรับแขก VIP เลยสักคน”
“อย่าไปตำหนิลูกน้องเลยเอย ผมกับเอรินยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทานอะไรกันดี เจ้าของร้านแนะนำหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ เอรินล่ะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”
“ฉันทานอะไรก็ได้ค่ะ”
“ไม่มีใครแพ้อาหารอะไรใช่ไหมคะ แล้วทานเผ็ดกันได้ไหมคะ”
“ค่ะ”
“ผมขอเผ็ดน้อยหน่อยก็ได้นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นนั่งคุยกันไปก่อนคะคะ เดี๋ยวเอยให้เด็กทำอาหารมาให้นะคะ”
พราววรินทร์ไม่รู้จะคุยอะไรกับผู้ชายตรงหน้า ทุกอย่างมันดูขัดเขินไปหมด แม้จะรู้จักเขามาก่อน แต่ถ้าจะนั่งเงียบอย่างนี้เธอก็กลัวว่าจำทำให้เขาเบื่อ
“ร้านหมอเลยลูกค้าเยอะเหมือนกันนะคะ” เธอมองไปแล้วรอบร้านที่ตอนนี้มีลูกค้าเต็มเกือบทุกโต๊ะ
“นั่นนิครับ ไม่คิดว่าลูกค้าจะเยอะขนาดนี้ ตอนแรกผมได้ยินหมอเอยพูดว่าจะเปิดร้านอาหารผมก็นึกว่าเธอพูดเล่นซะอีกแต่พอมาเห็นวันนี้ก็รู้แล้วว่าเธอเอาจริง” อนุตรหยุดพูดเรื่องร้านของเพื่อนไว้แค่นั้นเมื่อพนักงานเสิร์ฟเอาเครื่องดื่มมาให้ เขาไม่อยากให้พนักงานเสิร์ฟได้ยินสิ่งที่เขาพูดถึงเจ้าของร้าน
“สัปดาห์หน้ามีประชุมวิชาการศัลยแพทย์ที่ภูเก็ตผมเห็นว่าตรงกับของเภสัชฯ ด้วยเหมือนกันคุณไปหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะพอดี ฉันลงทะเบียนไม่ทัน”
“น่าเสียดายนะครับถ้ายังนั้นคงได้เที่ยวด้วยกัน” อนุตรพูดด้วยใบหน้าเรียบและน้ำเสียงที่เรียบเฉยจนพราววรินทร์จับความรู้สึกไม่ได้
หญิงสาวก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ถ้าเธอรู้ว่างานนี้เขาจะไปด้วยเธอคงรีบลงทะเบียนตั้งแต่วันแรก แต่เมื่อพลาดครั้งนี้ไปแล้วครั้งหน้าเธอคิดว่าคงไม่พลาดอีกอย่างแน่นอน พราววรินทร์ยิ้มเมื่อคิดได้ว่าจะหารู้ได้ยังไงว่าเขาจะไปที่ไหนบ้าง
“ทะเลเดือนมกราคงกำลังสวยนะคะ ไม่ร้อนมาก”
“ครับผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ทั้งสองคนหยุดคุยกันเมื่อเห็นว่าเด็กเสิร์ฟถือถาดอาหารมายังโต๊ะของพวกเขาและตอนนี้ก็มีเจ้าของร้านเดินตามมาด้วย
“อาหารมาแล้วค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นอาหารแนะนำของทางร้านที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกไม่รู้ว่าจะถูกใจทั้งสองคนหรือเปล่า”
“หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะหมอเอย”
“ขอบคุณค่ะ เมนูวันนี้ก็มียำถั่วพู ต้มยำปลากะพง กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา และก้านคะน้าน้ำมันหอยกุ้งสดค่ะ เอยสั่งมาให้สี่อย่างนะคะ ถ้ามีอะไรเพิ่มก็บอกเด็กๆ ได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
“แค่นี้ก็เยอะแล้วล่ะครับ”
“ทานอาหารกันให้อร่อยนะคะ เอยขอตัวก่อน” คุณหมอเจ้าของร้านเดินไปต้อนรับลูกค้าท่านอื่นที่ทยอยมาอย่างต่อเนื่อง
“ขอบคุณค่ะ” พราววรินทร์กล่าวขอบคุณเจ้าของร้านอีกครั้ง
“ทานกันเลยนะครับ” อนุตรหันมาชวน
“ค่ะ”
ทั้งสองก็นั่งทานอาหารด้วยกันโดยไม่ได้พูดอะไรพราววรินทร์อยากชวนเขาคุยไปด้วยทานไปด้วยแต่ดูเหมือนว่านายแพทย์หนุ่มคนนี้จะรักษามารยาทบนโต๊ะอาหารจนเธอนั้นรู้สึกเกรงใจและนั่งทานอย่างเงียบๆ อย่างที่เขาทำ
เมื่อทานไปได้สักครู่เธอก็เริ่มรู้สึกอิ่มหญิงสาวรวบช้อนและส้อมเข้าด้วยกัน
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอครับ ทานน้อยตลอดเลยนะครับ”
“ค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้ม
อนุตรยิ้มตอบแล้วพูดขึ้น “ทานของหวานไหมผมเห็นในเมนูมีหลายอย่างเลยนะครับ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” แล้วเธอก็หยิบเมนูขึ้นมาดูก่อนหันไปถามเขา “หมอล่ะคะทานอะไรดี”
“ผมเอาเหมือนคุณเลยก็ได้ครับ”
“ค่ะ” พราววรินทร์รับคำแล้วจากนั้นเธอก็เรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งสาคูแคนตาลูปนมสดสำหรับเขาและเธอคนละ 1 ที่
หลังจากทานอาหารเสร็จ หมออนุตรก็พาหญิงสาวมาส่งที่คอนโดมิเนียม
“เดี๋ยวคุณเดินขึ้นไปคนเดียวนะครับ ผมต้องไปอยู่เวรต่อ”
“ฉันนึกว่าหมอไม่ต้องอยู่เวรซะอีกนะคะ” เธอแปลกใจเพราะถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่น่าจะชวนเธอออกไปทานข้าว
“อันที่จริงวันนี้ก็ไม่ใช่เวรผมหรอกครับ แต่พอดีรุ่นน้องที่ห้องฉุกเฉินไลน์มาให้ช่วยไปอยู่เวรแทนน่ะครับ” เพราะเป็นโสดและยังพักอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล เวลาใครให้อยู่เวรแทนนายแพทย์หนุ่มก็เลยไม่ค่อยปฏิเสธ
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับอาหาร”
“ไม่เป็นไรครับคราวหน้าเราไปทำด้วยกันอีกนะครับ”
“ค่ะ”พราววรินทร์เดินขึ้นห้องด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้า แม้ว่าบรรยากาศจะอึดอัดไปบ้างแต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่เขาและเธอได้ออกไปทานอาหารข้างนอกด้วยกันบ้าง