บท
ตั้งค่า

7 เริ่มคุ้นเคย

ตั้งแต่สิปปกรย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ชายพราววรินทร์ก็ได้มีโอกาสเข้าไปทานอาหารเช้าในห้องนั้นอยู่บ่อยๆ จนทำให้เธอกับนายแพทย์หนุ่มที่อยู่ข้างห้องกันมาเกือบปีนั้นสนิทสนมกันเร็วขึ้นภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน

หญิงสาวต้องขอบคุณสิปปกรที่ทำให้เธอได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคนที่เธอชอบ แม้ว่าจะได้พูดคุยกับหมออนุตรมากขึ้นแต่ก็ไม่เคยได้อยู่กันตามลำพังในห้องสองคนเลยเพราะทุกครั้งจะมีสิปปกรอยู่ด้วยตลอด แต่นั่นก็ดีแล้วเพราะเธอเองก็ไม่กล้าอยู่กับเขาตามลำพังเหมือนกัน

เวลาเจอกันที่โรงอาหารของโรงพยาบาลนายแพทย์หนุ่มก็คุยกับเธอมากขึ้นแต่เธอก็ยังไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองมากนักเพราะทุกครั้งก็จะมีสายตาของสาวๆ จับจ้องจนเธออยากให้มื้ออาหารนั้นผ่านไปเร็วๆ

“เอรินรู้สึกว่าช่วงนี้จะสนิทกับหมออนุตรมากเป็นพิเศษเลยนะ มีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่าเห็นนั่งทานข้าวด้วยกันเกือบทุกวันเลย” วิรัลพรรุ่นพี่เภสัชกรถามเธอในบ่ายวันหนึ่ง

“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ที่นั่งมันไม่ค่อยพอ หมอก็เลยมาขอนั่งด้วยเท่านั้นเองค่ะ”

“อ๋อ ได้ฟังอย่างนี้พี่ก็สบายใจหน่อย กลัวว่าเราจะเป็นหนึ่งในสาวๆ ที่แอบชอบหมอนุตร ที่พี่พูดไม่ใช่ว่าหมอเป็นคนไม่ดีนะ แต่พี่กลัวว่าเราจะรับมือกับสาวๆ คนอื่นไม่ไหวมากกว่า”

“ค่ะพี่วิ รินก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงสาวเห็นด้วยกับรุ่นพี่ เธอมักจะแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นพยางค์เดียวแบบนี้กับเพื่อนร่วมงาน

“พี่ว่าถ้าหมอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเมื่อไหร่ สาวๆ ก็คงเลิกชอบกันไปเอง”

“นั่นสิพี่ แต่อรไม่เห็นหมอจะสนใจใครเป็นพิเศษเลยนะ ที่สนิทสุดก็พี่เอรินนั่นแหละ” อรนิชาผู้ช่วยเภสัชกรเข้ามาร่วมสนทนาด้วย

“ก็พี่กับหมอพักอยู่ห้องใกล้กันนี่” เธอรีบบอกเพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่

“แล้วพี่เอรินไม่ชอบหมอบ้างเหรอคะ” ผู้ช่วยสาวถามต่อ

“ไม่หรอก” พราววรินทร์ไม่กล้าบอกเพราะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นอยากได้ยิน

“พี่ อรถามอะไรหน่อยสิ”

“อือ ถามมาเลยตอบได้ก็จะตอบ”

“พี่เอรินเคยไปห้องหมอไหมคะ”

“อือ พึ่งเคยไปเมื่อไม่นานมานี้เอง”

“อยู่มาตั้งเป็นปีทำไมพึ่งเคยไปล่ะ” วิรัลพรที่กำลังตรวจยาผู้ป่วยหันถามอย่างสงสัย

“พอดีน้องชายหมอย้ายมาอยู่ ก็เลยชวนไปกินข้าว”

“ห้องหมอเป็นไงบ้าง” ยิ่งเล่าอรนิชาก็ยิ่งอยากรู้

“ห้องหมอก็เรียบร้อยดี”

“ว่าแต่หมอมีน้องด้วยเหรอ หล่อไหมพี่เอริน”

หญิงสาวเงียบไม่ตอบอะไรเพราะมีคนไข้เดินมารอรับยา ถ้าจะให้เธอตอบเธอก็ต้องบอกว่าคนพี่หล่ออกว่าอยู่แล้วเพราะเธอชอบเขา แต่ถ้าให้ตอบแบบเป็นกลางเธอว่าบางทีน้องชายก็ดูดีกว่า แต่เขาต้องลดความกวนลงมานิดก็คงจะดี

เธอมักจะเจอน้องชายจอมกวนของหมออนุตรอยู่บ่อยๆ เขามักจะแวะมาทักทายเธอที่ห้องและบางครั้งก็ชวนไปทานอาหารเช้าซึ่งก็มีบางวันที่พี่ชายของเขาอยู่ด้วย ส่วนในตอนเย็นเขาก็มักจะมาเคาะห้องหลังจากที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยและพากันไปทานข้าวที่ร้านหน้าคอนโดมิเนียม

ถึงแม้ว่าพราววรินทร์จะได้ทานอาหารกับหมออนุตรทั้งตอนเช้าและตอนกลางวัน แต่ความสนิทสนมที่มีก็ไม่ได้เพิ่มจากเดิมไปมากนัก นายแพทย์หนุ่มยังคงพูดน้อยอย่างเดิม ทุกครั้งที่ทานอาหารด้วยกันแม้ว่าเขาจะเป็นคนชวนเธอคุย แต่หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนว่านั่นเป็นการคุยเป็นมารยาทเท่านั้น

เวลาที่อยู่กับชายหนุ่มหญิงสาวยังรู้สึกประหม่าทุกครั้ง คงเพราะมีสายตาอีกหลายคู่ในห้องอาหารคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา

“ทานน้อยจัง ไม่อร่อยเหรอครับ”

“ฉันไม่ค่อยหิวค่ะ” อันที่จริงเธอหิวมาก แต่เวลาอยู่ต่อหน้าเขาเธอทานอะไรไม่ค่อยลงและรู้สึกไม่เคยเป็นตัวของตัวเองเลยสักครั้ง

“คงต้องบอกให้ทานเยอะๆ อย่างนายปาล์มว่าแล้วล่ะมั้ง” เขาหัวเราะในลำคอทำให้เธอยิ้มตามเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของคนช่างพูด

“วันนี้งานไม่ยุ่งเหรอคะ” เธอเห็นว่าวันนี้เขานั่งทานอาหารนานกว่าทุกวัน ปกติเขาจะมาทานทีหลังเธอและก็จะทานอิ่มก่อนเธอเกือบทุกครั้ง

“ไม่ค่อยยุ่งครับ เอรินล่ะ ยุ่งไหม”

“วันนี้ไม่ค่อยยุ่งค่ะ เพราะมีเภสัชฯ มาเพิ่มอีกหนึ่งคน”

“แสดงว่าวันนี้ไม่เหนื่อยมากใช่ไหม”

“ก็ประมาณนั้นค่ะ พอดีว่านลาคลอดแล้วคนที่จะมาแทนก็มาช้าไป 1 เดือนเลยเหนื่อยกันหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ก็ลงตัวแล้วค่ะ”

“แล้ววันนี้เวรเช้าอย่างเดียวหรือเปล่าครับ เลิกงานกี่โมง”

“ค่ะเวรเช้า เลิกก็ 4 โมงเย็นค่ะ หมอมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ดีเลย วันนี้ว่าจะชวนไปทานข้าวร้านหมอเอยสักหน่อย”

หมอเอยหรือแพทย์กุลจิราเป็นหมอแผนกกุมารเวชที่เธอเองก็รู้จักดี พราววรินทร์ได้ยินมาว่าเธอพึ่งเปิดร้านอาหารได้ไม่นาน หญิงสาวเองก็ยังไม่เคยไปทานที่ร้านนี้สักครั้ง

“ได้ค่ะ” เธอรีบตอบรับโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยสักนิด

“ผมตรวจ IPD เสร็จก็คงจะ 6 โมง คงยังไม่หิวนะครับ” ( IPD หรือชื่อเต็มคือ In Patient department หมายถึงแผนกผู้ป่วยใน)

“ค่ะ” พราววรินทร์ทั้งดีใจและตื่นเต้นที่วันนี้เขาชวนเธอไปทานอาหารที่อื่น นอกจากเจอกันที่ร้านอาหารหน้าคอนโดมิเนียม

“อร พี่ถามอะไรหน่อยสิ” หญิงสาวกระซิบกับอรนิชาผู้ช่วยเภสัชกรคนที่เธอสนิทที่สุดรองลงมาจากวิรัลพรที่ตอนนี้เธอขึ้นไประชุมแทนหัวหน้าแผนกที่ชั้น 3

“ความลับเหรอพี่” อรนิชาเดินมาใกล้ๆ

“นิดหน่อย” ก็ตอนนี้ในแผนกยังมีคนอื่นอีกตั้งหลายคนเธอเลยต้องระมัดระวังสักหน่อย

“ว่ามาเลยค่ะพี่”

“สัญญาก่อนนะว่าจะไม่บอกใครถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้พี่รับรองได้เลยว่าเรื่องที่อรแอบเล่นหวยใต้ดินพี่จะบอกแฟนของอรอย่างแน่นอน”

“แหม พี่เอรินก็ไม่ต้องมาขู่เลย รีบๆ ถามมาเถอะค่ะ”

“คือเพื่อนพี่ฝากถามว่าถ้ามีคนชวนเราไปทานข้าวกันสองต่อสองครั้งแรกแสดงว่าเค้าคิดอะไรกับเราไหม”

“ก็อาจเป็นไปได้นะพี่ แล้วเพื่อนพี่กับคนที่ชวนรู้จักกันนานหรือยังล่ะคะ”

“พี่ก็ไม่แน่ใจแล้วมันต่างกันยังไงล่ะ”

“ถ้าพึ่งรู้จักกันแล้วเค้าชวนก็แสดงว่าเค้าอาจชอบเราตั้งแต่แรกเจอ แต่ถ้ารู้จักกันมานานแล้วพึ่งชวนก็แสดงว่าเค้าพึ่งรู้สึกดีๆ กับเรา”

“ไม่เห็นต่างกันเลย สรุปเค้าชอบเราหรือเปล่าล่ะ”

“อันนี้ก็ต้องดูอีกทีว่าเค้าชวนเราอีกไหม เพราะคนเราถ้าชวนไปกินข้าวด้วยกันก็คงไม่ชวนไปเพราะไม่ชอบหน้ากันหรอก จริงไหมล่ะ พี่เอรินต้องดูด้วยว่าที่ร้านที่เค้าพาเราไปทานนั้นบรรยากาศร้านเป็นยังไง ส่วนตัวแค่ไหน”

“แล้วถ้าเค้าชวนไปร้านเพื่อนเค้าล่ะ”

“อันนี้คิดหนัก”

“ทำไมต้องคิดหนักล่ะ”

“ก็แสดงว่าเค้าอยากพาเราไปแนะนำให้เพื่อนเค้ารู้จักหรือเปล่า หรือเค้าอาจจะแค่อยากไปอุดหนุนร้านเพื่อนแต่ไม่รู้จะพาใครไป”

“สรุปพี่ไม่ได้คำตอบอะไรเลยใช่ไหม” พราววรินทร์หัวเราะเบาๆ

“โธ่! พี่เอรินของอย่างนี้ต้องใช้ความรู้สึกของเราเองด้วยค่ะ ไม่มีใครบอกได้หรอก”

“เฮ้อ เป็นงั้นไปพี่คงเลือกถามผิดคน” ตอนนี้หญิงสาวเริ่มคิดถึงเพื่อนสนิทอย่างพิชชาภาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงลาคลอด พราววรินทร์ไม่อยากโทร. ไปรบกวนเพื่อนจึงได้มาปรึกษากับอรนิชาแทน

“ถ้าจะให้อรตอบชัดๆ พี่ต้องบอกก่อนว่าใครชวนพี่ไปทานข้าว”

“เปล่าๆ อย่าเข้าใจผิด ก็พี่บอกแล้วไงว่าเพื่อนพี่ให้ถาม พี่น่ะเหรอไม่มีใครชวนไปไหนทั้งนั้นแหละ นู่นพี่วิมาแล้วรีบทำงานกันเถอะ” พราววรินทร์รีบปฏิเสธกลบเกลื่อนเพราะกลัวอรนิชาจะไปสืบว่าที่เธอถามนั้นถามให้เพื่อนคนไหน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel