18 สนิทสนม
สิปปกรรู้สึกดีที่พราววรินทร์ห่วงใยเขา ชายหนุ่มไม่สนใจว่าที่เธอทำดีกับเขาแบบนี้เพราะเห็นว่าเขาเป็นน้องชายของคนที่เธอชอบ หรือทำเพราะเธอรู้สึกห่วงใยเขาจริงๆ ชายหนุ่มไม่ต้องการคำตอบเพราะกลัวว่าถ้าได้รู้แล้วหัวใจที่กำลังพองโตมันจะเหี่ยวเฉาลงไป เขาทานวิตามินที่เธอซื้อให้แล้วรีบเข้านอน
เช้านี้เขาตื่นนอนด้วยความสดชื่น แต่ไม่ใช่เพราะยาที่ทานเข้าไป แต่คงเพราะเขาสบายใจขึ้น ในเวลาที่ต้องการกำลังใจเขามีพราววรินทร์เคียงข้าง
เขาตั้งใจจะตื่นมาทำอาหารเช้าให้เธอทานตอบแทนที่เมื่อวานเธออยู่กับเขาจนดึก แต่พอเปิดตู้เย็นก็ต้องผิดหวังเพราะเขาไม่ได้ซื้อของเตรียมไว้เลยสักอย่างแล้ว เขาก็ยิ้มเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
พนักงานส่งอาหารใส่ชุดสีเขียวมายืนอยู่หน้าห้องจ่ายยานานแล้ว อรนิชาจึงเดินเข้าไปถามเพราะเห็นว่าเขากำลังมองเข้ามาภายในแผนก
“มาส่งอาหารหรือรอรับยาคะ”
“มาส่งอาหารครับ” พนักงานส่งอาหารตอบอย่างสุภาพ
“ส่งให้ใครคะ” หญิงสาวถามพนักงานเพราะปกติแล้วถ้าใครคนใดคนหนึ่งสั่งอาหารก็มากจะฝากกันสั่งรวมกันทีเดียวหลายกล่อง แต่วันนี้เธอไม่ได้ยินว่ามีใครพูดว่าสั่งอาหารสักคน
“คุณเอรินครับ” พนักงานหนุ่มบอก
“สักครู่นะคะ” อรนิชาเดินไปตามพราววรินทร์ที่กำลังตรวจเช็กยาอยู่ด้านใน
พราววรินทร์ก็เดินออกมายังหน้าแผนก “ฉันไม่ได้สั่งนะคะ” เธอปฏิเสธ
“ผมมาส่งตามออเดอร์ครับ ดูเหมือนว่าอาหารที่สั่งจะมีคนชำระเงินแล้วชื่อคุณสิปปกรครับ” พนักงานส่งบิลรายการอาหารให้กับหญิงสาว
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวรีบถุงอาหารแล้วกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจเพราะไม่อยากให้พนักงานเสียเวลา
พราววรินทร์ถือถุงใบใหญ่เข้าไปห้องพักเบรกที่อยู่ด้านในสุดของแผนกโดยมีอรนิชาเดินตามไปติดๆ
“พี่เอรินสั่งมาเหรอ ไม่เห็นบอกอรบ้างเลยอรจะได้สั่งด้วย เบื่ออาหารที่ห้องอาหารของโรงพยาบาลแล้วเหมือนกัน”
“เปล่าจ้ะ พอดีว่าเพื่อนพี่สั่งมาให้น่ะ อรก็มากินด้วยกันสิ มีตั้งหลายอย่าง”
พราววรินทร์มองกล่องจากร้านอาหารญี่ปุ่นที่เธอกับเขาชอบไปทานด้วยกันแล้วเธอก็ยิ้มที่เขารู้ใจและส่งอาหารมาให้เธอในวันที่เธอกำลังยุ่งอย่างที่สุด
หลังมื้อกลางวันพราววรินทร์ก็ไลน์ไปของคุณเจ้าของอาหาร เขาส่งเพียงสติกร์เกอร์คำว่าโอเคกลับมาเท่านั้น เธอเดาว่าเขาเองก็คงกำลังยุ่งอยู่เหมือนกัน วันนี้เธอคงไม่ได้ขอบคุณเขาด้วยตัวเองเพราะเย็นนี้เธอรับงานพิเศษที่ห้างสรรพสินค้า
สิปปกรรีบทำงานให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงาน พอนาฬิกาบอกเวลา 17.00 น. เขาก็รีบออกจากที่ฝึกงานตรงไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนของเขานอนพักรักษาตัวอยู่ทันที
“วันนี้หมอว่ายังไงบ้างครับพี่ตาล”
“หมอว่าอาการดีขึ้นนะ เมื่อตอนบ่ายพยาบาลเข้ามาเช็ดตัวแล้วเห็นว่านายเต้ลืมตาขึ้นมาได้พักหนึ่ง จากนั้นก็หลับไปอีก ไม่รู้ว่าที่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาหรือเปล่า หมอบอกว่าจะค่อยๆ ลดยาลงและจะถอดเครื่องช่วยหายใจออกพรุ่งนี้”
“เต้จะตื่นจริงๆ ใช่ไหมพี่” สิปกกรดีใจและตื่นเต้นกับข่าวดีที่ได้รับ
“พี่ก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน”
“ผมตื่นเต้นจัง เดี๋ยวผมขอไปคุยกับมันก่อนนะครับ” สิปปกรเดินเข้าไปหาเพื่อนตอนนี้แผลตามร่างกายจุดอื่นเริ่มหายแล้ว เหลือแค่แผลที่ศีรษะกับแผลที่นิ้วชี้เพียงสองจุดเท่านั้น
พอออกจากโรงพยาบาลเขาก็รีบขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนียมพอไปถึงก็เห็นว่าวันนี้พี่ชายกลับมาเร็วกว่าทุกวัน
“แปลกจังวันนี้พี่กลับห้องเร็วนะครับ”
“พูดอย่างกับว่านายกลับห้องเร็วทุกวันอย่างนั้นแหละ เมื่อวานไปเที่ยวไหนมาล่ะ กลับดึกว่าพี่อีกนะ”
“ไปกินข้าวกับเพื่อน” ไม่รู้เพราะอะไรถึงตอบพี่ชายไปแบบนั้น แทนที่จะตอบว่าไปทานข้าวกับพราววรินทร์
“อือ แล้วตอนนี้นายเต้เพื่อนเราอาการดีขึ้นไหม”
“พี่ตาลบอกว่าดีขึ้นครับ วันนี้ลืมตาได้แล้วพรุ่งนี้หมอคงถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้วครับ”
“อย่างนี้นายคงสบายใจขึ้นแล้วนะ” แม้ไม่ได้คุยกันทุกวันแต่เขาก็รู้ว่าน้องชายนั้นเป็นกังวลกับอาการของเพื่อนมากแค่ไหน
“ครับ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” สิปปกรรีบเดินเข้าห้องรีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า พอออกมาจากห้องพี่ชายก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม
หมออนุตรนึกว่าน้องชายจะรีบเข้านอน แต่เขาก็ออกมาจากห้องอีกครั้งในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีน พร้อมทั้งสวมเสื้อคลุมแขนยาวทับไปอีกชั้น
“ทำไมมองผมอย่างนั้นล่ะครับ”
“ก็พี่นึกว่านายจะนอนเร็ว ที่ไหนได้จะออกไปข้างนอกนี่เอง”
“ผมนัดเพื่อนไว้น่ะ แล้วพี่ล่ะจะไปไหนหรือเปล่า” เขามองพี่ชายที่แม้จะกลับมาถึงบ้านก่อนเขาแต่ก็ยังอยู่ในชุดทำงาน ที่ต่างออกไปจากตอนเช้าก็แค่เนคไทที่ปลดออกไปแล้วกับแขนเสื้อที่พับขึ้นมาถึงข้อศอกเท่านั้น
“พี่นัดเพื่อนๆ หมอไว้ที่ร้านอาหารนายไปทานด้วยกันไหม”
“ไม่ล่ะ แค่จะถามว่าร้านที่ไปผ่านห้างไหม” สิปกกรบอกชื่อห้างสรรพสินค้าที่ตัวเองจะไป
“ผ่านสิถามทำไม”
“ว่าจะขอติดรถไปด้วย”
“ได้สิ แล้วจะกลับยังไงให้พี่ไปรับไหม” เขามักจะใจดีกับน้องชายเสมอ
“ไม่เป็นไรครับแค่ติดรถไปลงที่นั่นก็พอ ขากลับเดี๋ยวให้เพื่อนมาส่งครับ”
“ได้สิ ไปเลยไหม ถ้าเพื่อนมาส่งไม่ได้ก็โทร. มาบอกละกันนะ”
สิปปกรนั่งรถไปกับพี่ชาย เขาไม่ได้บอกว่าเพื่อนที่เขากำลังจะไปหานั้นคือใคร แต่มันก็ไม่ผิดอะไรเพราะพี่ชายเขาก็ไม่ได้ถาม
ชายหนุ่มลงจากรถแล้วตรงไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านขายยาอยู่ เขาเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงยาวคลุมเขา ใส่เสื้อคลุมสีขาวแขนสั้นทับเสื้อตัวในอีกที ผมที่ยาวของเธอถูกรวบเป็นหางม้าอย่างเรียบร้อย ตอนนี้เธอกำลังคุยอยู่กับแม่ลูกคู่หนึ่งที่มาซื้อยา ชายหนุ่มรอให้ลูกค้าทั้งสองคนเดินออกไปก่อนเขาจึงเดินไปหาเธอ
“เอริน” เขาเรียนเบาๆ เพราะเธอยังมีเพื่อนร่วมงานอยู่อีกคน
“อ้าว มาได้ยังไง” สีหน้าเธอทั้งดีใจและแปลกใจที่เจอเขาที่นี่
“นั่งรถมาสิ” เขาตอบกวนๆ อารมณ์เขาดีขึ้นมากหลังจากที่ได้ฟังข่าวดีเรื่องกฤตพลเพื่อนรัก
“กะแล้วว่านายต้องตอบอย่างนี้ อันที่จริงพี่ไม่น่าถามเลยนะ”
“ผมก็ตอบจริงนี่ ผมมาซื้อของครับ เอรินเลิกงานกี่โมง” เขาก็แค่ถามไปอย่างนั้นเพราะว่าเขาดูตารางเวรของเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว
“2 ทุ่ม ทำไมเหรอ”
“ผมจะขอกลับด้วยคนนะ”
“แล้วมายังไง คำตอบแบบมีสาระนะ ถ้าตอบไม่ดีพี่จะไม่ให้กลับด้วย”
“สาระก็สาระ ทำไมต้องทำหน้าเครียดเลย ผมติดรถพี่โอห์มมาลงข้างหน้า ขากลับเลยต้องรอกลับพร้อมคุณนั่นแหละ”
“เหลืออีกเป็นชั่วโมง ไปซื้อของรอก่อนเลย เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะโทร. หานะ”
“ฝากซื้ออะไรไหม”
“ไม่ล่ะ พี่ซื้อมาก่อนเข้างานแล้ว” พราววรินทร์มาถึงก่อนเวลาเริ่มงานเกือบครึ่งชั่วโมง เธอเลยไปเดินซื้อของใช้ที่จำเป็นไว้ก่อน เพราะถ้ารอเลิกงานก็กลัวว่าจะลืม
“ไปล่ะ” เขาโบกมือให้แล้วเดินออกไปจากบริเวณร้านขายยาที่เธอทำงานอยู่
“เพื่อนเหรอเอริน หล่อดีนะ” ผู้ช่วยเภสัชกรถาม
“รุ่นน้องที่อยู่ข้างห้องน่ะ”
“รุ่นน้องแน่นะ”
“แน่สิ”
“ดูแล้วเหมือนผู้ชายคนนั้นไม่ได้คิดว่าเอรินเป็นพี่เลยนะ เหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันมากกว่า หรือว่าเขามาจีบเอริน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ” แม้จะตอบเพื่อนร่วมงานไปอย่างนั้นแต่พราววรินทร์ก็แอบเก็บคำพูดนั้นมาคิดว่าถ้าสิปปกรเข้ามาจีบเธอจริงๆ จะเป็นอย่างไร หญิงสาวยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็มีคนไข้มาปรึกษาเรื่องซื้อยาลดน้ำมูกทำให้เธอลืมคิดเรื่องนั้นไปเสียสนิท
สิปปกรเดินมารอเธอก่อนเวลาเลิกงานเพียงเล็กน้อยในมือของเขามีถุงใบใหญ่หลายใบ พราววรินทร์เรียกให้เขามาเอากุญแจรถจากเธอพร้อมบอกตำแหน่งที่จอดรถ
“รอที่รถเลยก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ก็เลิกงานแล้ว ฝากเอาของพี่ไปเก็บด้วยนะ” เธอส่งถุงใบใหญ่ให้เขา
ชายหนุ่มรับกุญแจและถุงใส่ของไปจากมือของเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร พอเก็บของที่รถแล้วเขาก็เดินไปรอพราววรินทร์ใกล้ๆ กับร้านที่เธอทำงานอยู่ พอเห็นเธอเดินออกมาเขาก็เดินเข้าไปหา
“เหนื่อยไหม” เขาส่งขวดน้ำให้เธอ
“ไม่หรอก ขอบใจนะ” เธอรับน้ำมาดื่มแล้วหันไปมองหน้าคนตัวโตที่ตอนนี้ก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน
พราววรินทร์รีบหลบสายตาเขาทันที เพราะดูเหมือนสายตาของเขาที่มองเธอนั้นจะมีอะไรมากกว่าเพื่อนอย่างที่ผู้ช่วยบอกกับเธอเมื่อ
“หิวไหมครับ”
“ไม่หิว ตอนเย็นกินขนมรองท้องไปแล้ว ขอบใจอีกครั้งนะสำหรับอาหารกลางวัน อันที่จริงนายไม่ต้องลำบากเลย ที่โรงพยาบาลก็มีอาหารขาย”
“ไม่ลำบากหรอกครับ เอรินทำงานหนักก็ควรได้กินอาหารที่ชอบ”
“ขอบใจนะ แล้วเย็นนี้นายกินข้าวมาหรือยังล่ะ”
“ยังไม่ได้กินเลยครับ ก็กะว่าจะชวนเอรินกินด้วยกันนี่แหละ”
“อยากกินอะไรล่ะ มื้อนี้ขอเป็นเจ้ามือนะ ถ้าตอบว่าไม่ก็ต่างคนต่างกลับ”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มชูพวงกุญแจในมือให้หญิงสาวดู
“ร้ายนักนะ” เธอค้อนขวับทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพูดต่อ
“ผมยอมให้เอรินจ่ายมื้อนี้ก็ได้ครับ แล้วอย่ามาบ่นนะว่าผมกินจุ” คนพูดหัวเราะอย่างสดใส ทำให้หญิงสาวก็หัวเราะตามไปด้วย