บทที่ 1 (2)
“น้าดาว!! น้าดาวกลับมาแล้ว” เด็กชายร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยวัยสามขวบเศษ ก็วิ่งมาต้อนรับปรายดาวน้าสาวถึงหน้าบ้าน ทันทีที่น้าสาวโดดลงรถอีแต๋นลงมา
“ค่อยๆเดินอย่าวิ่งครับน้องภาเดี๋ยวล้ม” หญิงสาวร่างบางในชุดทำงานสีตุ่นๆรีบร้องบอกกลัวหลานชายตัวน้อยหกล้มลงไป แต่เด็กน้อยหาได้เชื่อฟังไม่ กลับวิ่งรี่อ้าแขนมาแต่ไกลอย่างไม่กลัวล้ม พอถึงร่างบางของน้าสาวก็กระโดดเข้าหาโดยไม่สนใจว่าคนเป็นน้าจะรับร่างตนได้ทันหรือไม่
“อุ๊บ!!.. อึ๊บ!!” ร่างอ้วนกลมที่ปะทะเข้ามาทำเอาหญิงสาวถึงกับเซ
“น้องภา!! น้าบอกแล้วไงครับว่าอย่าวิ่ง เห็นไหมน้องภาทำน้าเกือบล้ม” ดุหลานชายเสียงเข้ม แต่มือกลับกอดรัดร่างอ้วนไว้แนบแน่นด้วยความรักใคร่
“น้องภาขอโทษครับน้าดาว น้องภาทำไป เพราะน้องภาคิดถึงน้าดาวนี่ครับ” ปากเล็กๆสีแดงสดอย่างเด็กที่มีสุขภาพดียื่นออกมานิดๆขณะที่ตอบคำน้าสาว
“ครับๆ น้ารู้น้องภาคิดถึงน้า เพราะน้าก็คิดถึงน้องภาเหมือนกัน แต่ทีหลังไม่ต้องวิ่งนะครับ น้องภาหกล้มไปจะเจ็บตัว ไม่สบายต้องหาหมอฉีดยาอีก น้องภาไม่อยากที่จะฉีดยาไม่ใช่หรือครับ” หญิงสาวขู่หลานชายด้วยเข็มฉีดยาที่หลานชายกลัวนักกลัวหนา
“ครับ น้องภาสัญญา ต่อไปน้องภาจะไม่วิ่งอีก น้องภาไม่อยากโดนฉีดยา แต่ตอนนี้” เด็กชายภาติยะทำตาละห้อย
“น้าดาวช่วยอุ้มน้องภาหน่อยสิครับ น้องภาเมื่อย” อ้อนน้าสาววัย 20 ให้อุ้มพร้อมกับชูสองแขนเหนือศีรษะ หญิงสาวมองหลานชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มแห่งความรัก ก่อนจะใช้สองมือที่เล็กเรียวแต่ค่อนข้างหยาบกร้านเพราะทำงานหนักรวบร่างอ้วนกลมขึ้นมาอุ้มอย่างที่เจ้าคนตัวเล็กขอ
“อ้าวๆ ไอ้ตัวเล็ก ตาก็ว่าหายไปไหนที่แท้แอบมาอ้อนน้าดาวอยู่นี่เอง มากับตามาลูก น้าดาวเขาทำงานมาเหนื่อยๆ ไปให้น้าเขาอุ้มอย่างนั้นทำไม ลงมาลูก” ประชาชายวัยห้าสิบเศษเรียกหลานชายให้ลงมาจากอ้อมแขนของลูกสาว
“ไม่เป็นไรจ้ะพ่อ ดาวไม่เหนื่อยอะไร เดี๋ยวดาวพาเจ้าตัวดีไปอาบน้ำด้วยกันเสียเลยเย็นแล้ว”
“เออๆ อย่างนั้นก็ได้ แล้วอย่านานนะลูก อย่าตามใจเจ้าตัวร้ายมากนัก แม่เขารอกินข้าวอยู่”
“จ้ะพ่อ รับรองไม่นาน” รับคำบิดาก่อนจะหันมาบีบจมูกเล็กๆของหลานชายเบา
“ใช่ไหมเจ้าตัวดี เราไม่คิดจะทำให้ตากับยายรอเรานานใช่ปะ”
ยังไม่ทันที่หลานชายตัวป่วนในบ้านจะรับคำ เสียงรถยนต์ที่วิ่งมาจอดหน้าบ้านทำให้ทุกคนต้องหันไปมองเป็นตาเดียวกัน เพราะบ้านหลังเล็กแห่งนี้ไม่เคยมีรถคันไหนวิ่งเข้ามาสักทีนอกจากรถอีแต๋นที่วิ่งรับส่งปรายดาวไปทำงานนั่นเอง
เสียงประตูรถด้านหน้าเปิดออกชายคนขับวัยกลางคนรีบลงไปเปิดประตูให้บุคลที่อยู่ด้านในให้ก้าวลงมาอย่างมีพิธีรีตอง ปลายรองเท้าสีดำมันวาวที่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าราคาแพงลิ่วขนาดไหน
ปรายดาวอ้าปากค้างแหงนมองร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเดินมายืนตรงหน้า
“เธอใช่ไหมที่ชื่อนางสาวปรายดาว มีบุญ” น้ำเสียงดูแคลนและสีหน้าที่มองมาทำเอาหญิงสาวหน้าแดง
“ค่ะ!! ฉัน นางสาวปรายดาว มีบุญ ไม่ทราบว่าคุณมาหาฉันมีธุระอะไรไม่ทราบคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยเสียงและสีหน้าที่ไม่แพ้ชายหนุ่มเลยสักนิด
“ฉันไม่ได้มาหาเธอ และก็ไม่มีธุระที่จะคุยอะไรกับเธอ” เสียงหยิ่งๆที่ออกจะขึ้นจมูกของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวเกิดความหมั่นไส้จนเกินระงับ
“ไม่มีธุระกับฉันแล้วมาบ้านฉันทำไมไม่ทราบ” เน้นคำหลังตาวาว
“ฉันแค่จะมาบอกอะไรกับครอบครัวของเธอเล็กน้อยเท่านั้น” ดวงตาคมกวาดมองบ้านหลังน้อยด้วยสายตาหมิ่นแคลน
หญิงสาวรู้สึกเลือดขึ้นหน้ากับวาจาโอหังและดูถูกคนชองชายหนุ่ม
“อย่างนั้นคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมา พูดเสร็จจะได้รีบกลับ แล้วจะให้ดีอย่าได้กลับมาอีก เดี๋ยวความเป็นผู้ดีของคุณจะมาร่วงอยู่แถวนี้ ทำให้ฉันลำบากต้องเก็บกวาด”
ภูวิชสะอึกกับคำพูดของสาวน้อยตรงหน้า ถึงกับหน้าตึง
“ฉันก็ไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่นักหรอก ไอ้บ้านโกโรโกโสของเธอ ฮึ่ย! กระจอก” ภูวิชสวนกลับคำพูดหญิงสาวเต็มแรง