ตอนที่5 ตกลงทำการค้า
ลี่ถังไม่ได้สนใจท่าทีของชายชรา ก่อนจะโคจรพลังอักขระในร่าง พร้อมกับตะวัดปลายนิ้วอย่างรวดเร็ว พลันปรากฏเข็มนับร้อยเล่มเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนล่องลอยรอบๆ ตัวของนาง จากนั้นนางตวัดปลายนิ้วอีกครั้ง สั่งการให้เข็มขนาดเท่าเส้นไหมนับร้อยพุ่งตรงเข้าไปฝังยังจุดเส้นชีพจรลมปรานทั่วร่างกายของชายชราอย่างแม่นยำ โดยไม่พลาดแม้แต่เข็มเดียว
สภาพของชายชราตอนนี้ มิต่างกับหอยเม่นที่มีหนามแหลมคมคล้ายเข็มเปล่งแสงสีฟ้าทั่วร่างกาย
ทว่าแม้เข็มนับร้อยจะทิ่มแทงตามร่างกายตนเต็มไปหมด แทนที่ชายชราจะรู้สึกเจ็บปวดทรมาน เขากลับรู้สึกอบอุ่น สบายเนื้อสบายตัว ราวกับพิษหยินในร่างกำลังจะหายไปเสียอย่างนั้น
ยิ่งเป็นเช่นนี้ชายชรายิ่งมีความหวังมากขึ้นไปอีก เขามองดูเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาเคารพเลื่อมใส แตกต่างจากตอนที่นางเข้ามาในร้านครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นชายชราไม่คิดจะเหลือบแลด้วยซ้ำ ทว่าเด็กสาวชาวบ้านที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่น แต่งตัวมิต่างจากคนขอทานคนนั้น ตอนนี้ในสายตาของชายชรา.. นางราวกับเป็นเทพเซียนผู้สูงศักดิ์อย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งมองนางในตอนนี้แล้ว ชายชราก็แทบจะก้มกราบกับพื้น ด้วยลักษณะเด่นของผู้ใช้อักขระ เมื่อสำแดงพลังออกมา นัยน์ตาก็จะเปลี่ยนเป็นสีของอักขระที่ใช้ออกเช่นกัน เหมือนตอนนี้ที่นัยตาย์ของลี่ถังเป็นสีฟ้าราวมหาสมุทร ทำให้นางแผ่กลิ่นอายที่ไม่เหมือนใครออกมา ให้ความรู้สึกสูงส่งเกินเอื้อมถึง
งครั้นเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการฝังเข็มอักขระเรียบร้อย ลี่ถังยังคงไม่หยุดมือ ก่อนจะทาบฝ่ามือซ้ายที่เต็มไปด้วยลวดลายอักขระตรงจุดกึ่งกลางของตันเถียน หรือบริเวณท้องน้อยของชายชรา จากนั้นนางหลับตาลง ขณะนั้นเอง.. ฝ่ามือซ้ายของนางก็เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนจาง
แม้จะไม่รู้ว่านางกำลังคิดทำสิ่งใด แต่ชายชราก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนเป็นเหมือนอากาศธาตุที่ว่างเปล่า ราวกับทุกซอกทุกมุมในร่างมิอาจปิดบังเด็กสาวตรงหน้านี้ได้
ราวกับถูกนางมองทลุปรุโปร่งโดยสิ้นเชิง!
ลี่ถังใช้เคล็ดวิชาอักขระที่เคยเรียนรู้มาจากสหายในโลกก่อน สำรวจทุกซอกทุกมุมในร่างกายของชายชราอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่่อค้นหาต้นตอของพิษหยิน และด้วยจุดเส้นชีพจรลมปรานของผู้ฝึกปรานตำแหน่งล้วนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความสำเร็จในการรักษา ลี่ถังจึงจำเป็นต้องสำรวจและรู้จุดเส้นชีพจรลมปรานของชายชราอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน ลี่ถังนางก็ลืมตาขึ้นช้าๆ สีหน้าของนางสุขุมราบเรียบ พร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าที่เปล่งแสงรัศมีสูงส่ง ก่อนที่มือข้างขวาจะยกขึ้น ปลายนิ้วชี้พลันปรากฏพลังอักขระสายหนึ่ง จากนั้นนางตะวัดวาดปลายนิ้วไปมาด้วยท่วงท่างดงามลื่นไหล สร้างอักขระโบราณแผ่กลิ่นอายลึกลับล่องลอยท่ามกลางอากาศ ก่่อนที่ลวดลายอักขระเหล่านั้นจะพุ่งเข้าสู่ฝ่ามือซ้ายที่ทาบระหว่างจุดตันเถียนของชายชรา และหายเข้าสู่ร่างชายชราไปในทันที
"สลาย!" ลี่ถังเปล่งเสียง ชั่วพริบตาหนึ่ง นางส่งกระแสพลังอักขระมหาศาลผ่านฝ่ามือซ้ายเข้าสู่ร่างชายชรา ทันใดนั้น..เขาก็พลันกระอักเลือดสีดำข้นออกมาคำโต จากนั้นทั่วร่างชายชราพลันมีไอเย็นแผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรงผ่านเข็มนับร้อยเล่มที่ฝังตามร่างกาย ราวกับเขื่อนที่ไม่อาจกักเก็บกระแสน้ำไว้ได้
ลี่ถังสบัดมืออีกครั้ง สร้างโล่อักขระขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากไอเย็นอันบ้าคลั่งนี้
ทว่าฝ่ามือของนางก็ยังคงทาบไว้ระหว่างจุดตันเถียนของชายชรา พรางส่งคลื่นพลังอักขระอบอุ่นเข้าไปยังภายใน เพื่อป้องกันมิให้อวัยวะต่างๆ ของชายชราแข็งตัวจากพลังไอเย็น
ผ่านไปไม่นานนัก กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติดังเดิม ทั่วทั้งห้องปรุงโอสถบัดนี้กลายเป็นว่า..ทั้งฝาผนังและเพดาน รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ มีเกล็ดน้ำแข็งสีขาวโพลนปกคลุมเต็มไปหมด ทว่าลี่ถังและชายชรากลับไม่ได้ผลกระทบอันใด
จากนั้นลี่ถังจึงค่อยถอนมือออกจากร่างชายชรา พร้อมๆ กับเข็มอักขระนับร้อยที่เลือนหายไป ก่อนที่นางจะถอนหายใจออกมาเบาๆ พรางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "อาการท่านค่อนข้างสาหัสทีเดียว หากแต่ยังพอรักษาให้หายได้"
ชายชราครั้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบตรวจสอบร่างกายตนเองทันทีอย่างร้อนรน ทว่ายิ่งสำรวจสีหน้าของเขาก็ยิ่งดูตื่นเต้นและตกตลึงมากยิ่งขึ้น "ขะ..ข้าหายแล้ว ข้าหายแล้ว!"
ชายชราแผดเสียงร้องอย่างยินดีราวกับคนขาดสติ เมื่อสัมผัสได้ว่าพิษหยินภายในร่างที่ตนต้องทนทุกทรมานมาหลาย 10 ปี ตอนนี้มันได้หายไปจนสิ้นแล้ว รวมทั้งเส้นชีพจรลมปรานก็ไม่ติดขัดอีกต่อไป กลับสามารถเดินพลังลมปรานได้สะดวกลื่นไหลอย่างยิ่ง
สวรรค์!
ชายชราร่ำร้องในใจ น้ำตาของชายชราเอ่อล้นอาบไปทั่วใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยความปิติ จากนั้นก็คุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นเบื้องหน้าของเด็กสาว พร้อมกับเอ่ยทั้งน้ำตา "เป็นวาสนาของข้ายิ่งนัก ที่ท่านผู้ใช้อักขระลดตัวลงมารักษาชายแก่ผู้ต่ำต้อยเช่นข้า บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่ลืมตราบชั่วชีวิต" ชายชราเอ่ยอย่างเคารพ
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใช้อักขระผู้สูงส่งเช่นนี้ เขาไม่อาจละเลยได้ แม้แต่ท่านอาจารย์ของเขาที่มีสถานะสูงส่งยังต้องเกรงใจผู้ใช้อักขระอยู่หลายส่วน ไหนเลยตนจะกล้าทำตัวหยาบคาย
ผู้ได้ชื่อว่า 'ผู้ใช้อักขระ' เป็นบุคคลที่พวกผู้มีอำนาจน้อยใหญ่ต่างให้การสนับสนุนและเคารพ เนื่องด้วยพลังของผู้ใช้อักขระเป็นสิ่งที่หาได้ยากและไม่ว่าใครต่างต้องการ อาทิเช่น ศาสตร์แห่งค่ายกล ศาสตร์แห่งวัตถุวิเศษ ศาสตร์แห่งอาวุธ และแม้แต่ศาสตร์แห่งโอสถ ผู้ใช้อักขระก็ล้วนมีบทบาทสำคัญทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง..แม้ว่าผู้ใช้อักขระจะไม่เก่งกาจในด้านการต่อสู้ก็จริง ทว่าเพียงผู้ใช้อักขระกระดิกนิ้ว พวกผู้มีอำนาจที่คอยหนุนหลังประจบประแจง ก็พร้อมจะออกหน้าแทนให้ ผู้ใช้อักขระจึงนับว่าเป็นบุคคลที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรไปล่วงเกินหรือยั่วยุโทสะเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่ารนหาที่!
ชายชราไม่กล้าประมาท แม้นังหนูตรงหน้าผู้นี้จะแลดูเหมือนกับเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ทว่ากลับเป็นถึงผู้ใช้อักขระ ทั้งยังเยาว์วัยยิ่งนัก ดังนั้นชัดเจนว่านางมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ และอาจจะมีผู้ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวคอยหนุนหลัง ขึ้นชื่อว่าผู้ใช้อักขระที่สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ง่ายๆ ไม่แน่ว่าแท้จริงแล้วนางแค่ปลอมตัวเป็นเด็กสาวเพื่อหลอกตาผู้คนก็ได้ ใครจะรู้..
ลี่ถังนางย่อมไม่ทราบความคิดของอีกฝ่าย หากแต่ไม่ว่าจะในชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ก็ตาม นางไม่ชอบเสียเท่าไหร่นักเวลาผู้ที่อาวุโสกว่ามีท่าทีเช่นนี้กับตน ทำราวกับตนเป็นยายเฒ่าที่อยู่มานานนับพันปีอย่างไรอย่างนั้น "เถ้าแก่อย่าทำอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ ใช่ว่าข้าจะรักษาท่านโดยไม่รับค่าตอบแทนเสียหน่อย ใช่แล้ว..ต้นอสรพิษอัคคีนั่นอย่างไรเล่า มันเป็นของข้าแล้วนะ ท่านลุกขึ้นเถอะเดี๋ยวข้าก็อายุสั้นเอาหรอก" ลี่ถังพยุงกายชราขึ้นมาจากพื้นอย่างรีบร้อน
ทว่าชายชรากลับยังคงยืนกราน "ท่านผู้ใช้อักขระช่างมีเมตตานอบน้อม หากแต่ชายแก่คนนี้มิอาจรับไว้ได้ ทั้งข้ายังเคยทำให้ท่านต้องโกรธเคือง กระทั่งทำร้ายคนของท่าน ข้าไม่สมควรได้รับเกียรติเช่นนี้ ท่านผู้ใช้อักขระอภัยให้ชายแก่ผู้ต่ำต้อยเช่นข้าก็นับว่ามากพอแล้ว ส่วนต้นอสรพิษอัคคีต้นนั้นถือเสียว่าเป็นของขวัญเล็กน้อยจากข้า ไม่สมควรเรียกว่าค่าตอบแทน แน่นอนว่าข้าย่อมจะตอบแทนให้ท่านในภายหลังตราบเท่าที่ชีวิตข้าจะหาไม่" ชายชรากล่าวอย่างหนักแน่นจริงจัง
เห็นเช่นนั้นลี่ถังก็จนปัญญาเช่นกัน นางขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด และเอ่ยกับชายชราว่า.. "เอาเถอะๆ หากท่านยืนกรานจะตอบแทนข้าให้ได้ เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือก.."
ลี่ถังหลับตาลง พรางคิดทบทวนสิ่งที่จะกล่าวออกอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็พยักหน้าตัดสินใจ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก "อืม..เอาอย่างนี้เป็นอย่างไรเจ้าค่ะ ท่านต้องทำงานให้กับข้าเป็นเวลา 3 เดือน โดยที่ท่านต้องขายโอสถที่ข้าปรุงขึ้น แน่นอนว่าท่านก็จะได้รับค่าตอบแทนเช่นกันจากการขาย อืม..ข้า 6 ส่วน ท่าน 4 ส่วนก็แล้วกัน.. หากแต่เงื่อนไขของข้ามีเพียงข้อเดียว ท่านจะต้องไม่เปิดโปงตัวตนของข้าและครอบครัวของข้าหากไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงท่านต้องเลิกเรียกข้าว่าผู้ใช้อักขระด้วยนะเจ้าค่ะ" ลี่ถังสาธยายข้อตกลงออกมา โดยไม่ลืมให้ชายชราเลิกเรียกตนว่าท่านผู้ใช้อักขระเสียที ฟังแล้วช่างระคายหูยิ่ง
ตอนนี้นับว่านางร้อนเงินอยู่พอสมควร ครอบครัวของนางก็ยากจนลำบากเสียเหลือเกิน จำเป็นต้องใช้เงินในการสร้างเนื้อสร้างตัว นางจึงใช้โอกาสนี้เสนอข้อตกลงทำการค้ากับเถ้าแก่ร้านขายสมุนไพร หาใช่บุญคุณความแค้นหรือการตอบแทนที่นางเอ่ยอ้างแต่อย่างใด
ชายชรานิ่งงัน เงยหน้ามองเด็กสาวด้วยดวงตาเบิกกว้างแทบไม่อยากเชื่อในหูของตัวเอง "ทะ..ท่าน หมายความว่า.."
ลี่ถังเห็นท่าทีของชายชรา นางก็ขมวดคิ้วสงสัย ด้วยไม่แน่ใจว่าที่ตนกล่าวไปนั้นจะมากไปหรือไม่อย่างไร "เอ่อ..แน่นอนว่าท่านย่อมปฏิเสธได้นะเจ้าค่ะ ข้าไม่ว่าอะไร.." นางกล่าวเสริม
ชายชรารีบเอ่ยด้วยสีหน้าตระหนก "นะ..แน่นอน แน่นอนสิ ข้าตกลงกับข้อเสนอของท่าน!" แน่นอนว่าชายชราไม่อาจพลาดโอกาสอันแสนพิเศษนี้ได้ มีคนสักเท่าไหร่กันเชียวที่่สามารถได้รับโอกาสทำการค้าจากผู้ใช้อักขระเช่นนี้
ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์โดยแท้
ชายชราเอ่ยถาม "ว่าแต่ว่าท่านผู้..เอ่อ..คุณหนู ท่านปรุงโอสถได้ด้วยหรือ? แน่นอนว่าข้าไม่บังอาจหมิ่นประมาทความสามารถของท่าน หากแต่ชายแก่คนนี้เพียงสงสัย" ชายชราไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้ใช้อักขระสามารถปรุงโอสถได้ อย่างน้อยก็ในความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน
ลี่ถังอมยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างมีลับลมคมใน "เดี๋ยวท่านก็รู้เอง"