ตอนที่19 การต่อสู้ของผู้ใช้อักขระ
แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังมาจากท้องฟ้า"ช่างน่าชื่นชมจริงๆ ผู้ใช้อักขระออกหน้าปกป้องผู้ฝึกปรานงั้นรึ นี่ข้ากำลังดูละครตลกน้ำเน่าอยู่หรือไง" ก่อนที่คนผู้นั้นจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ลี่ถังแหงนหน้ามองชายสวมเสื้อคลุมทั้งสองด้วยสีหน้าเยือกเย็น ไม่แม้จะตอบโต้คำดูแคลนของอีกฝ่าย
"คุณหนูเอาจริงหรือขอรับ แบบนี้มัน.." ชายชราโจวสือลังเลอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่าผู้ใช้อักขระกับผู้ฝึกปรานมีความแตกต่างกันอย่างไร อย่างน้อยในด้านการต่อสู้ซึ่งๆ หน้าผู้ใช้อักขระก็ไม่อาจเทียบผู้ฝึกปรานได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาลังเลและไม่ได้คัดค้านไปในทันที นั่นก็เป็นเพราะน้ำเสียงพูดที่ดูมั่นใจของอีกฝ่าย
นี่ไม่ใช่น้ำเสียงของคนที่ต้องการสละชีวิต หากแต่เป็นน้ำเสียงที่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง
ลี่ถังไม่ได้เอ่ยตอบ นางยื่นมือไปเบื้องหน้าก่อนจะทำท่าเหมือนจะจับกุมอะไรสักอย่าง
"เถาวัลย์พันธนาการ" สิ้นเสียงกล่าว
ท่ามกลางความว่างเปล่าใต้ฝ่าเท้าของชายชุดคลุม ปรากฏเถาวัลย์นับไม่ถ้วนโอบล้อมพวกเขาเอาไว้
สีหน้าของชายชุดคลุมเปลี่ยนไปทันที แม้ไม่รู้ว่าเถาวัลย์ประหลาดนี้มีความสามารถอย่างไร แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความตรายของมัน
ทั้งสองรีบพุ่งตัวออกไปเพื่อหมายจะหลุดพ้นจาการโอบล้อมของเถาวัลย์ ทว่านั่นก็สายไปแล้ว เถาวัลย์นับไม่ถ้วนพันร่างพวกเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา เสียงระเบิดดังสนั่นจากการพยายามทำลายเถาวัลย์ที่พันร่างของตัวเองเอาไว้
ทว่าแม้จะทำลายไปหลายสิบเส้นหรือเป็นร้อยเป็นพันเส้น เถาวัลย์ก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นมาได้ไม่จบไม่สิ้น
"บัดซบ!" ชายหนึ่งในนั้นสบถออกมาเสียงดัง ท่าทีหยิ่งยโสหายไปจนสิ้น บัดนี้มีแต่ความเกรี้ยวโกรธและไม่ยินยอมปรากฏบนใบหน้า
"นังสารเลว เจ้ารนหาที่เองนะ" ในสายตาของชายชุดคลุมเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เดิมคิดว่าจะจับนางหญิงผู้นี้ไปแบบมีชีวิต แต่เวลานี้ดูเหมือนว่าตนจะคิดง่ายเกินไป
"หายไปซ่ะ" ทั้งสองระเบิดพลังออกมาพร้อมกัน แรงอัดกระแทกทำให้เถาวัลย์สลายหายไปราวกับแก้วที่แตกละเอียด
เสื้อคลุมถูกฉีกกระชากจากพลังอันบ้าคลั่งนี้ จนเผยให้เห็นใบหน้าร่างกายของทั้งสองได้อย่างชัดเจน
บัดนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะใช้เคล็ดวิชาบางอย่าง จนทำให้ร่างกายทั้งแขนและขาใหญ่โตผิดปกติ เส้นเลือดสีดำปูดบวมปรากฏขึ้นตามร่างกายและใบหน้า เป็นสภาพที่น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง ราวกับทั้งสองไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป จากนั้นก็พุ่งตัวลงมาอย่างรวดเร็วเป้าหมายคือลี่ถังที่อยู่พื้นดิน
ลี่ถังสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย นางวาดมือออกไป พร้อมกันนั้น วิหคที่อยู่ด้านหลังของนางก็กระพือปีกบินออกเป็นเช่นเดียวกัน
ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันทันที จนเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง
ตูม!
ชายทั้งสองปลิวกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ในขณะที่วิหคยักษ์สีเขียวแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
ครานี้ลี่ถังไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้พลิกสถานการณ์กลับมา ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวนี้ นางกระตุ้นใช้งานเคล็ดวิชาเถาวัลย์พันธนาการอีกครั้ง ครั้งนี้เถาวัลย์อักขระเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลายเท่าตัว และรู้สึกได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของมันที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
เถาวัลย์อักขระนับไม่ถ้วนพุ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเสียง ฟิ้ว! เสียดแก้วหู พริบตาเดียวร่างกำยำของชายทั้งสองก็ตกอยู่ภายใต้พันธนาการอีกครั้ง จนยากจะขยับเขยื้อนตัวได้
ลี่ถังไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า นางผสานมือเรียกใช้อีกการโจมตีหนึ่งทันที
"บุบผากลืนกิน!"
ทันใดนั้น..ก็ปรากฏดอกไม้ขนาดยักษ์รูปร่างโปร่งใสบนท้องฟ้าด้านหลังของชายทั้งสอง แต่แม้จะโปร่งใสราวกับภาพลวงตา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความน่าพรั่นพรึงของมันลดน้อยลงเลย
ดอกไม้ที่มีปากราวกับอสูรร้าย เขี้ยวอันแหลมคมที่เรียงกันเป็นแถวยาว แค่มองดูก็รู้สึกขนลุกขนชัน
"นี่มันบ้าอะไรกัน!" ชายทั้งสองสีหน้าซีดเผือด พลางมองดูปากขนาดยักษ์ราวกับอสูรของดอกไม้ที่ค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาไกล้ รู้ได้ทันทีว่าเมื่อไหร่ที่สิ่งนั้นกลืนกลินตัวเอง นั่นจะเป็นจุดจบสุดท้ายของชีวิตทันที
เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มจนจบ ชายทั้งสองทำอะไรหญิงสาวไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงการจะเอาชนะอีกฝ่าย แค่จะเอาตัวรอดจากเถาวัลย์บ้าๆ นี่ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
ในขณะเดียวกัน ชินเทียนเผิงใช้โอกาสที่หญิงสาวเผลอตัว เขาหยิบกระบี่ขึ้นมาจากพื้นแล้วพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง เพื่อหมายจะสังหารอีกฝ่าย"
"หมารับใช้นิกายมืดอย่างเจ้าไม่สมควรมีชีวิต" ชายชราโจวสือเห็นการเคลื่อนไหวของชินเทียนเผิงอยู่ก่อนแล้ว พริบตาเดียวร่างของชายชราก็มาปรากฏตัวต่อหน้าชินเทียนเผิงพร้อมกับปล่อยฝ่ามือออกไป ร่างกำยำของชายวัยกลางปลิวละล่องราวกับสายป่านขาด เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกฉีกขาดจนเผยให้เห็นรอยฝ่ามือของชายชราอย่างชัดเจน พร้อมๆกับที่โลหิตพุ่งออกมาจากปาก
บนท้องฟ้า
บัดนี้เรียกได้ว่าสถานการณ์จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ทว่าในขณะที่ดอกไม้กำลังกลืนกินชายทั้งสองด้วยความกระหายนั้น พลันเกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง บุบผากลืนกินที่เกิดจากพลังอักขระของลี่ถังพลันสลายหายไป
ลี่ถังขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปยังทิศทางที่การโจมตีอันรุนแรงปรากฏ ไม่นานร่างของชายชราผู้หนึ่งก็พุ่งตัวลอยมา ถึงจุดต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ชายชราชุดคลุมดำ ด้านหลังมีสัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยว นี่แสดงให้เห็นว่าผู้เฒ่าคนนี้เป็นพวกเดียวกันกับชายทั้งสองคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชราชุดคลุมดำ นัยน์ตาคมกริบ มองร่างของหญิงสาวที่เป็นผู้ใช้อักขระอย่างสนใจ "ไม่เลว เป็นถึงผู้ใช้อักขระขั้นสีเขียว แถมยังมีความสามารถด้านการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง หากนำตัวเจ้าไปมอบให้กับเจ้านิกายคงจะดีไม่น้อย"
ชายชราหยุดไปครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ "แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีเวลามากพอจะทำเช่นนั้น อีกทั้งดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมา ข้าพูดถูกใช่ไหมหละ?" เขาเอ่ยยิ้มๆ
ลี่ถังสีหน้าขรึมแต่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
ชายชราชุดคลุมดำเอ่ยต่อ "เอาเถอะ ถึงจะเป็นข้า ข้าก็ไม่มั่นใจที่จะเอาชนะเจ้าได้ วันนี้คงพอเพียงเท่านี้ก่อน วันหน้าหากเจอกันอีก ไม่แน่ว่าเจ้าจะไม่โชคดีเหมือนอย่างครั้งนี้ก็ได้"
จากนั้นชายชราหันไปหาชายทั้งสอง ที่บัดนี้ร่างกลับมาเป็นปกติ หากแต่สีหน้าดูอ่อนล้าเป็นอย่างมาก
"กลับกันได้แล้ว พวกเจ้าทำงานพลาด อย่าลืมไปรายงานต่อท่านเจ้านิกายด้วยหละ"
สีหน้าของทั้งสองซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะผสานมือ "ขอรับผู้อาวุโสซุน"
คนจากนิกายราตรีนิรันดร์จากไปแล้ว
แต่ลี่ถังยังยืนนิ่งอยู่กับที่
ชายชราโจวสือมองดูหญิงสาวด้วยแววตาเลื่อมใส ไม่น่าเชื่อว่าศัตรูจะทำอะไรนางไม่แม้แต่ปลายเล็บ อีกทั้งตั้งแต่เริ่มจนจบ ชายชราก็สังเกตว่าเท้าของนางไม่ได้ขยับไปจากจุดเดิมแม้แต่น้อย เพียงนางวาดมือไปมาไม่กี่ครั้ง ศัตรูที่เป็นผู้ฝึกปรานระดับปรานล่องลอยถึงสองคนก็ไร้สภาพต่อสู้ไปในไม่กี่อึดใจ หากคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นตัวเอง ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ชายชรากระทั่งไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีวิตรอด
ไม่นาน ก่อนที่ในที่สุดลี่ถังจะหันหลังกลับมา และเห็นสภาพบาดเจ็บของท่านเจ้าเมืองหมิงเหริน นางก็รีบใช้พลังอักขระรักษาอีกฝ่ายทันที เพียงพริบตาเดียวบาดแผลกลางหน้าอกก็หายกลับเป็นปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมถึงพิษที่อยู่ภายในร่างกาย นางก็ได้สลายไปแล้วเช่นกัน หากแต่ชายชรายังคงนอนไม่ได้สติ แต่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว
จากนั้นลี่ถังเรียกใช้เคล็ดวิชา พฤษาเยียวยา ต้นไม้สีเขียวโปร่งแสงที่ดูศักดิ์สิทธิ์ต้นหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้น ใบของมาปล่อยหยดน้ำสีทองราวกับน้ำอำมฤตออกมา ตกใส่ร่างของขุนนางทุกคนที่นอนสลบอยู่บนพื้น
ความอลังการของมันยังคงทำให้ชายชราเกิดความตกตลึงและเลื่อมใส
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับลี่ถังที่เป็นถึงเทพธิดาแห่งการรักษาในช่วงชีวิตก่อน
เพียงพิษเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง
ลี่ถังหันไปถามชายชราที่ยืนตกตลึงอยู่ข้างๆ "ท่านรู้จักพวกเขาหรือเจ้าค่ะ ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่"
ชายชรานิ่งไปครู่ ก่อนจะเข้าใจว่า 'พวกเขา' ที่อีกฝ่ายหมายถึงก็คือพวกนิกายราตรีนิรันดร์
ชายชราถอนหายใจออกมา "เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร พวกมันคือนิกายราตรีนิรันดร์ เป็นนิกายนอกรีตอันชั่วร้าย อีกทั้งความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า 4 อาณาจักรใหญ่ในผืนทวีปนี้เลย"
ชายชราแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"อีกไม่นานแล้วที่สงครามนองเลือดจะบังเกิดขึ้น ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่ชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับมัน".