ตอนที่18 นิกายราตรีนิรันดร์
ก่อนหน้านั้น..
บนท้องฟ้าเหนือเมืองกุ้ยฮวา
"คะ..คุณหนู สมแล้วที่เป็นผู้ใช้อักขระ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านสามารถสร้างสิ่งที่น่าเหลือเชื่อได้เช่นนี้" ชายชราสีหน้าตกตลึง พลางลูบๆ คลำๆ วิหคสีเขียวขนาดยักษ์ใต้ฝ่าเท้าของตัวเองด้วยความสนอกสนใจ
มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่มันถูกสร้างขึ้นจากพลังอักขระที่ไหลออกมาจากปลายนิ้วของลี่ถัง ลักษณะเด่นที่สุดคือการที่มันโปร่งใสราวกับผลึกแก้ว รอบๆ ตัวมีลวดลายอักขระที่ดูแล้วให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ อีกทั้งรูปร่างแปลกตาและใหญ่โตของมันนี้... นี่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่โลกใบนี้จะมีได้ ราวกับว่ามันมาจากอีกโลกหนึ่งที่เหนือจินตนาการ
ลี่ถังเห็นท่าทีเช่นนี้ของชายชราจนชินตาแล้ว นางเพียงยิ้มแต่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
แต่แล้วลี่ถังก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดอันคละคลุ้งที่มาจากทิศทางเบื้องหน้า
ชายชราเองก็ได้กลิ่นไม่ปกตินี้เช่นกัน จนเขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ "นี่มัน.."
"มาจากจวนท่านเจ้าเมืองหรือเจ้าค่ะ" ลี่ถังทอดสายตามองออกไป นางสัมผัสได้ถึงลางร้ายจากที่นั่น
"คุณหนูเร่งความเร็วหน่อยเถอะขอรับ ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย" ชายชราโจวสือเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
วิหคสีเขียวโปร่งใส ตอบสนองคำสั่งของผู้เป็นนายของมันทันที มันกระพือปีกบินพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานทั้งสองก็มาถึงจวนของท่านเจ้าเมือง ลี่ถังมองภาพความวุ่นวายจากด้านบนท้องฟ้าเหนือจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ด้านล่างไม่สู้ดี นางยังไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา ชายชราโจวสือก็กลายเป็นเส้นแสงสีเหลืองพุ่งลงไปด้านล่าง เป้าหมายคือร่างของท่านเจ้าเมืองที่ถูกชายอีกสองคนทำท่าเหมือนต้องการจะสังหาร
ตูม! เสียงระเบิดดังกึกก้อง ทันทีที่ชายชราลงสู่พื้น ฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปรานอันแข็งแกร่งโจมตีไปที่ชายหนึ่งในนั้นจนปลิวกระเด็นไปไกลพร้อมกับกระอักเลือด
ทันทีที่ชินเทียนเผิงเห็นใบหน้าของชายชราที่ปรากฏตัวกระทันหัน แววตาก็ปรากฏความสับสนขึ้นมา
"จะ..เจ้า ตาแก่โจวสือ เป็นไปได้อย่างไร!" ชินเทียนเผิงสีหน้าตกตลึง คิดไม่ถึงว่าตาแก่ไกล้ตายที่ถูกพิษหยินกัดกิน จะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
ที่ยิ่งไม่น่าเชื่อยิ่งกว่า อีกฝ่ายนั้นกลิ่นอายพลังปรานแทบไม่ต่างจากของหมินเหรินที่เป็นเจ้าเมืองเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกปรานระดับปรานล่องลอยอย่างไม่ต้องสงสัย!
นี่ทำให้ชินเทียนเผิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
"โห่ๆ" ชายชราโจวสือหัวเราะพลางลูบเคราตัวเอง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน "คิดไม่ถึงว่าข้าโจวสือผู้นี้จะมีชื่อเสียงกับเขาด้วย" ชายชราพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ทว่าการตอบสนองของชินเทียนเผิงหลังจากนั้น ทำให้ชายชราโจวสือต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
"โจวสือพยักฆ์ร้ายแห่งกลุ่มอินทรีดำ และเป็นศิษย์ของท่านผู้นั้น ใครเล่าจะไม่รู้จักชื่อนี้" ชินเทียนเผิงผายมือออก แล้วกล่าวต่อพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน "แต่คิดไม่ถึงว่าเศษสวะที่ถูกอาจารย์ทอดทิ้งอย่างเจ้าจะกลับมาอีกครั้ง แถมยังเป็นตัวตนระดับปรานล่องลอย นี่ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ"
ชายชราโจวสือขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกันแน่ ถึงได้มีท่าทีสบายๆ ถึงเพียงนี้ เป็นเพียงผู้ฝึกปรานระดับปฐพีแท้ๆ แต่ทำตัวราวกับว่าตัวเองเหนือกว่าผู้ฝึกปรานระดับปรานล่องลอยอย่างไรอย่างนั้น นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย..
ตูม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงสิ่งของหนักๆ ตกกระพื้นจนแผ่นดินสั่นไหว ปรากฏเป็นวิหคสีเขียวโปร่งใสราวกับภาพลวงตา
ชินหรูอี้ที่กำลังเอื้อมมือไปถอดเสื้อผ้าอันขาวบริสุทธิ์ของลู่เหยียนด้วยสีหน้าหื่นกระหาย ก็พลันโดนแรงกระแทกจนร่างของชายหนุ่มกระเด็นลอยออกไปไกลทันที
ลี่ถังกระโดดลงจากหลังวิหค แล้วใช้ดวงตาอักขระมองดูร่างไร้สติของผู้คนที่อยู่รอบๆ นางเห็นสีที่แตกต่างออกไปภายในร่างกายพวกเขา ก็รู้ได้ทันทีว่านั่นเป็นยาพิษ
ยังดีที่พิษดังกล่าวมันไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตและสลบไปเท่านั้น นี่จึงทำให้ลี่ถังถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จากนั้นลี่ถังมองไปยังร่างของลู่เหยียนที่ยังนอนไม่ได้สติ นางค่อนค้างมีความรู้สึกที่ดีต่อหญิงผู้นี้ทีเดียว เนื่องจากครั้งก่อนอีกฝ่ายนั้นเคยช่วยเหลือตนเอาไว้ครั้งหนึ่งจากพวกของอู๋เหมิน
"บัดซบ! เจ้าเป็นใครกัน!" ชินเทียนเผิงระเบิดโทสะ เมื่อเห็นร่างของบุตรชายสุดที่รักลอยกระเด็นออกไปไกล
แต่ทันทีที่สังเกตเห็นหญิงสาว รวมถึงกลิ่นอายลึกลับอันเหนือโลกของนางที่แผ่ออกมารอบกาย และนกประหลาดตัวนั้น สีหน้าของชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนสีไปทันที
"จะ..เจ้า ผู้ใช้อักขระ! หรือว่าเจ้าก็คือผู้ใข้อักขระคนนั้น!"
ลี่ถังไม่สนใจคำพูดของชินเทียนเผิง นางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วหรี่สายตาแคบ
"เทียนเผิงนะเทียนเผิง เจ้าไม่ได้บอกพวกข้าเรื่องที่มีผู้ใช้อักขระในเมืองนี้เลยนะ แถมยังเป็นผู้ใช้อักขระขั้นสีเขียวเสียด้วย"
เสียงแหบแห้งของชายคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆที่ปกคลุมท้องฟ้า ร่างของชายสองคนที่แต่งตัวคล้ายๆ กันลอยออกมาจากก้อนเมฆที่เป็นที่หลบสายตา ระยะห่างจากพื้นและร่างของชายลึกลับทั้งสองคนบนท้องฟ้ามิได้ทำให้เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาเลยแม้แต่น้อย กลับก้องกังวาลจนคนที่อยู่เบื้องล่างได้ยินชัดเจน
"มิกล้าขอรับ มิกล้าขอรับ ข้าเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้เช่นกัน ไม่คิดว่าผู้ใช้อักขระจะมาปรากฏตัวที่นี่"
ทันทีที่เห็นชายทั้งสองคน ชินเทียนเผิงก็ผสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม อีกทั้งใบหน้าก็แสดงอาการหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"ช่างเถอะ" ชายสวมชุดคลุมโบกมือแล้วว่า "เอาไว้เจ้าเป็นเจ้าเมืองแล้ว ถึงตอนนั้นก็ทำงานให้สมกับที่พวกข้าให้โอกาสเจ้าแล้วกัน"
"แน่นอนขอรับ แน่นอนขอรับ" ชินเทียนเผิงพยักหน้ารัวๆ
ชายหนึ่งในนั้นมองมาทางลี่ถัง "ไม่คิดเลยว่าภารกิจนี้เราจะเจอเพชรเม็ดงาม ไม่เสียเที่ยวจริงๆ" ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
ในที่สุดชายชราโจวสือก็เข้าใจแล้วว่า ชินเทียนเผิงไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกระทั่งกล้าลงมือกับเจ้าเมืองหมิงเหริน ที่แท้อีกฝ่ายก็มีผู้ฝึกปรานระดับปรานล่องลอยสองคนอยู่เบื้องหลังนี่เอง แถมเสื้อคลุมสีดำและรูปจันทร์เสี้ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของความมืดที่อยู่ด้านหลังเสื้อคลุมของทั้งสองคนนั้น แสดงให้เห็นถึงสถานะของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
นิกายราตรีนิรันดร์!
สีหน้าของชายชราโจวสือคร่ำเคร่งขึ้นทันทีเมื่อชื่อนี้ปรากฏในหัวสมอง
เขาไม่รอช้า รีบพาร่างที่บาดเจ็บสาหัสของเจ้าเมืองหมิงเหรินพุ่งผ่านหน้าของชินเทียนเผิงไปโดยไม่แม้จะสนใจ
พริบตาเดียวก็ไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของลี่ถังขั้นกลางระหว่างชายอีกสองคนที่ลอยเด่นบนท้องฟ้า
"คุณหนู พาตาแก่นี่หนีไปก่อน ข้าจะถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้ให้"
ลี่ถังรู้สึกตื้นตันขึ้นมา สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ชายชราไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเอาตัวมาปกป้องนาง..
ทว่าอีกฝ่ายนั้น..ดูแคลนความสามารถของนางเกินไป
"ท่านพาท่านเจ้าเมืองไปหลบก่อนเถอะเจ้าค่ะ ตรงนี้เดี๋ยวข้าจัดการเอง"