ตอนที่17 งานเลี้ยงน้ำชา
"ทะ..ท่านคือ" ชายชราตกใจจนหงายหลัง เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามที่ไม่คุ้นตาผู้หนึ่งปรากฏตัว
แต่ที่ทำให้ชายชรามั่นใจว่านั่น เป็นคุณหนูลี่ถังถึง 8 ส่วน ก็เพราะการปรากฏตัวที่พิสดารของนางที่มีแต่คนผู้เดียวเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้
"ข้าก็นึกว่าท่านจะจำข้าไม่ได้แล้วเสียอีก" ลี่ถังเผยรอยยิ้มนุ่มนวลของหญิงสาวที่ราวกับผุบผา
นี่คือร่างจริงของนางงั้นหรือ?
ต้องใช่แน่ๆ! ข้าเดาถูกจริงๆ..
ชายชราคิดในใจ
จนเมื่อชายชราโจวสือได้รู้เหตุผลที่นางมาที่นี่อีกครั้ง เขาก็ประหลาดใจอย่างมาก "ท่านเอาจริงหรือคุณหนู?"
ลี่ถังพยักหน้า "ข้าคิดมาดีแล้วเจ้าค่ะ ไปสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร เป็นถึงคำเชิญของท่านเจ้าเมืองเชียว ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไรเจ้าค่ะ" นางสีหน้าทีเล่นทีจริง
ชายชรายิ้มแห้งๆ "ต่อให้คุณหนูไม่ไป ตาแก่นั่นก็ไม่กล้าว่าอะไรท่านหรอก เอาเถอะ ในเมื่อคุณหนูตัดสินใจแล้ว ข้าเองก็จะไปกับท่านด้วย"
ณ จวนท่านเจ้าเมือง
ทุกๆ ปีงานเลี้ยงน้ำชาจะถูกจัดขึ้นที่จวนอันใหญ่โตของท่านเจ้าเมือง
หากจะบอกว่านี่เป็นงานเลี้ยงสำหรับพวกขุนนางก็ไม่ผิดนัก แขกส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้สูงศักดิ์หรือบุคคลสำคัญทั้งสิ้น
นอกจากงานเลี้ยงจะจัดขึ้นเพื่อให้แขกที่มาร่วมได้รู้จักมักหน้าคุ้นตากันแล้ว เหตุผลสำคัญก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจบารมีของท่านเจ้าเมืองผู้ปกครองเมือง
การที่ได้แสดงการเคารพและให้ความสำคัญต่อท่านเจ้าเมืองนั้น เป็นสิ่งที่ขุนนางในเมืองพึงกระทำ
ด้วยเหตุนี้เหล่าขุนนางหรือกระทั่งคุณหนูคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ใดก็ตาม ก็ล้วนไม่พลาดโอกาสที่จะได้เสนอหน้าให้ท่านผู้ปกครองเมืองได้เห็น นี่ย่อมต้องเป็นผลดีกับทั้งตัวเองและวงตระกูลในภายภาคหน้า
ตระกูลลู่ ตระกูลชิน ตระกูลเหอ ตระกูลหวัง สี่ตระกูลใหญ่ต่างก็อยู่กันครบ
รวมถึงผู้นำตระกูลหวัง เทพธิดาหวังจื่อหลิงที่พบเห็นได้น้อยมากยังมาปรากฏตัวที่นี่ให้ผู้คนได้ชื่นชมความงดงามของนาง จนสตรีทั้งหลายภายในงานเลี้ยงต้องหม่นหมองไปจากความงามที่ตนไม่อาจเทียบได้
"ช่างงดงามจริงๆ สมแล้วที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง" ชินเทียนเผิง ผู้นำตระกูลชินเอ่ยพร้อมกับแววตาเป็นประกายยามเมื่อมองสตรีผู้เลอโฉมที่อยู่อีกฟากหนึ่ง ในน้ำเสียงพูดนั้นทั้งชื่นชมและเย้ยหยัน การกระทำของชายวัยกลางคนราวกับมองอีกฝ่ายเป็นสตรีที่รอให้ตนได้ลิ้มลอง
"จุๆ ท่านพ่อก็พูดเกินไป สตรีป่าเถื่อนคนนั้นไหนเลยจะเทียบลู่เหยียนของข้าได้" ชินหรูอี้เหลือบมองไปทางลู่เหยียนในขณะที่ฝ่ายนั้นหลับตานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หากแต่ความงดงามยังคงทำให้ชายผู้ได้ฉายาว่าคุณชายเจ้าสำราญเกิดความลุ่มหลง จนไม่อาจปิดบังความต้องการในแววตาไว้ได้ จากนั้นชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดรวดเดียว
ชินเทียนเผิงหัวเราะเสียงดัง หาได้มีโทสะในคำกล่าวของบุตรชาย "เจ้านี่ช่างเหมือนกับพ่อสมัยหนุ่มจริงๆ..ดี! แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกชายข้า" จากนั้นชายวัยกลางคนหรี่สายตาแคบ มองไปทางชายชราผู้ปกครองเมืองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้นำ "รอให้งานนี้จบก่อนเถอะ ไว้ถึงตอนนั้น เจ้าต้องการสตรีคนใดมาอุ่นเตียงมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก"
บนเก้าอี้ผู้ปกครองเมือง ชายชราหมิงเหรินปรบมือเสียงดัง ทำลายเสียงสนทนาของขุนนางจนเงียบ
จากนั้นชายชราผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเมืองกวาดตามองทุกคนที่อยู่เบื้องล่างพร้อมกับรอยยิ้ม "ขอบคุณพวกเจ้าที่มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ และขอบคุณที่พวกเจ้าตั้งใจทำงานให้กับเมืองกุ้ยฮวาตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา ถือเสียว่างานเลี้ยงนี้เป็นคำขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ จากข้า" ชายชราหยิบแก้วเครื่องดื่มลวดลายสวยงามมาจากคนรับใช้ข้างกาย แล้วยกชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ "ดื่มให้เต็มที่ ฉลองให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรง..อึก!"
ทว่าเอ่ยยังไม่จบประโยค ชายชราก็พลันหยุดชงักไป แก้วในมือตกลงสู่พื้นแตกกระจายทันที พร้อมกับน้ำเหล้าที่กระเซ็นไปทั่วพื้น
"ท่านเจ้าเมือง!" ผู้คนต่างร้องตะโกนเสียงดัง
ชายคนรับใช้แทงกริซเข้าที่ด้านหลังของชายชรา โลหิตสีแดงค่อยๆ ซึมออกมาจากบริเวณหน้าอก เลือดสดๆ ไหลอาบกริซแล้วค่อยหยดลงสู่พื้น
ทั่วบริเวณพลันเงียบงัน สีหน้าของขุนนางทุกคนต่างตกตลึงและสับสนมิต่างกัน
ทันใดนั้นสถานการณ์พลันวุ่นวายขึ้นทันที
ทหารองครักษ์สิบกว่าคนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับชักกระบี่ออกจากฝัก "เจ้าบังอาจ!"
สีหน้าของชายที่ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ไม่แปลเปลี่ยน มันถอนมีดออกมาจากร่างของชายชรา ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นล้มตัวลงคุกเข่าอยู่กับพื้น ผู้ฝึกปรานระดับปรานล่องลอยบัดนี้ไม่แม้จะตอบโต้กลับไปได้
"อาบยาพิษงั้นรึ" ชายชราสีหน้าซีดขาวราวกระดาษ
องครักษ์วิ่งเข้ามาล้อมรอบคนรับใช้คนนั้นเอาไว้ หากแต่เพียงกระพริบตา อีกฝ่ายนั้นก็หายไปอย่างไร้ล่องลอย
"ระวัง!"
เพียงสิ้นคำ ศีรษะขององครักษ์กว่าครึ่งก็หลุดออกจากบ่าตกลงกลิ้งเกลื่อนพื้นทันที คนที่เหลือยังไม่ทันได้ตะวัดกระบี่ในมือตอบโต้กลับไป กูถูกคมกริซของอีกฝ่ายนั้นวาดผ่านร่างกาย ความเจ็บปวดอันแสนจะทานทนปรากฏขึ้นเพียงไม่นาน ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบไป
เลือดสดๆ ไหลทะลักออกจากลำคออาบพื้นจนเจิ่งนอง กลิ่นคาวเลือดอันน่าสะอิดสะเอียนอบอวลไปทั่วบริเวณ
ขุนนางที่เป็นผู้ฝึกปรานหลายคนที่อยู่เบื้องล่างหมายจะพุ่งตัวไปช่วยท่านเจ้าเมือง แต่พวกเขากลับพบว่าร่างกายตัวเองไม่ยอมขยับตามความคิด ภาพตรงหน้าก็พร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายความมืดก็เข้ามาแทนที่
ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างพากันสลบล้มลงระเนระนาด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ผู้ฝึกปรานระดับปรานปฐพีเช่นผู้นำกูลใหญ่ทั้งสี่ ยังไม่อาจต้านทานพิษนี้ได้
"ได้อย่างไรกัน นี่ข้าถูกวางยาพิษงั้นรึ"
หวังจื่อหลิงสีหน้าไม่สู้ดีนัก ใบหน้างดงามบัดนี้ผุดพรายไปด้วยหยาดเหงื่อ นางพยายามโคจรพลังปรานในร่างต่อต้านพิษในร่างกายอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไร้ผล ไม่นานสติของนางก็มอดดับตามคนอื่นไปด้วยความคับแค้นใจ
เสี้ยววินาทีที่สายตานางมองเห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายของชินเทียนเผิง และสายตาหื่นกระหายที่อีกฝ่ายมองมาที่ตน ใจของเทพธิดาแห่งเมืองกุ้ยฮวาก็พลันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้
"ท่านจื่อหลิง" หวังซื่อเฟิง นางเองก็กัดฟันได้ไม่นานก่อนจะหมดสติไปเช่นกัน
"ทำได้ไม่เลวนี่ไอ้ตัวบัดซบ!"
เหอไห่หยุนและลู่หานเหินมองไปที่ชินเทียนเผิงที่ยืนด้วยท่าทีสบายๆ ด้วยสายตาคับแค้น รู้ได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของผู้นำตระกูลชินอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เหยียนนางดื่มไปเล็กน้อยแต่เพียงเท่านี้ พลังปรานระดับที่แท้จริงของนางก็ไม่สามารถต้านทานได้แล้ว ก่อนจะสลบไปในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา
ชินเทียนเผิงหัวเราะเสียงดัง "สุดยอดจริงๆ นี่สินะยาที่ไร้กลิ่นไร้สี แม้แต่พวกโง่นั่นยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย"
"ฮ่าๆ ได้เวลาที่ข้าจะได้เล่นสนุกแล้วสินะ" ชินหรูอี้หัวเราะก่อนจะเลียริมฝีปาก
"แน่นอนเจ้าลูกชาย" ชินเทียนเผิงตบบ่าของบุตรชาย ก่อนจะก้าวอาดๆ ไปยืนอยู่ตรงหน้าของชายชราหมิงเหริน ผู้ปกครองเมืองกุ้ยฮวาคนปัจจุบัน
"เจ้า..เทียนเผิง" ชายชราขยับริมฝีปากกล่าวอย่างยากลำบาก โลหิตไหลออกมาจากมุมปากเป็นสาย
"อะไรกันตาแก่..เจ้ายังพูดได้อยู่รึ สมแล้วที่เป็นถึงผู้ฝึกปรานระดับปรานล่อยลอง" ชินเทียนเผิงจับศีรษะของชายชราให้แหงนหน้าขึ้นมาสบสายตาอยู่ครู่ "เหอะ!" ก่อนจะผลักออกไปอย่างแรงจนชายชราล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
"จากนี้ข้าคือเจ้าเมืองคนใหม่ ส่วนเจ้าตาแก่ก็ไปลงนรกเสียเถอะ" เขาหันไปหานักฆ่ามือหนึ่งที่ตนจ้างมา แล้วเอ่ยสั่งการไปว่า "ฆ่าทิ้งซะ นี่คืองานสุดท้ายของเจ้า"
ชายคนนั้นควงกริซในมืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะทำท่าเหมือนจะปากริซในมือออกไปเพื่อสังหารชายชราในการโจมตีเดียว
แต่ว่าเขายังไม่ขยับตัว พลังปรานอันรุงแรงสายหนึ่งก็เข้ามากระทบร่าง
เสียง ตูม! ดังสนั่นเห็นเพียงเงาร่างของนักฆ่าปลิวกระเด็นออกไปราวกับสายป่านขาด
พริบตานั้น ร่างๆ หนึ่งของชายชราชุดดำก็พลันปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าเบื้องหน้าของชินเทียนเผิง
ชายชราโจวสือยิ้มเล็กน้อย พลางเอามือไพล่หลังอย่างไม่ใส่ใจ "คิดการใหญ่เสียจริงๆ เจ้าเมืองงั้นหรือ? เด็กน้อย..เจ้าอย่าได้ฝันหวานไปหน่อยเลย"