ตอนที่16 ข้าคือเมิ่งซี!
จากคำบอกเล่าของน้องเล็ก ลี่ถังจึงได้รู้ว่ามีคนกำลังจ้องจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอยู่
แม้คนพวกนั้นจะไม่ได้ทำอันตรายน้องเล็กก็จริง แต่ความจริงที่ว่าน้องเล็กถูกพาตัวไปโดยที่นางไม่รู้ตัวและไม่สามารถทำอะไรได้นั้น.. เรื่องนี้ยังคอยวนเวียนซ้ำเติมจิตใจของนางอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกผิดนี้นางยากจะให้อภัยตัวเองได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ได้ทำให้ลี่ถังรู้ถึงความอ่อนแอและความผิดพลาดของตัวเอง ยังดีที่ฝ่ายนั้นเพียงต้องการรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสถานะของนางเท่านั้น จึงไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้น
แต่ลี่ถังย่อมรู้ว่า หากมีครั้งแรกแล้วก็ต้องมีครั้งต่อๆ ไป ไม่แน่ว่าครั้งหน้าเรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้...
ยิ่งคิดลี่ถังก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
กล่าวได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะความประมาทและขาดความยั้งคิดของนางทั้งสิ้น ไม่ได้คิดถึงผลได้ผลเสียที่ตามมาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน จนผลกระทบที่ตามมาก็มาลงกับครอบครัวของนางเสียเอง
นางคิดง่ายเกินไปจริงๆ
ลี่ถังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี หากเป็นแบบนี้ต่อไปสถานะผู้ใช้อักขระของนางก็จะถูกเปิดเผยในไม่ช้า และเมื่อถึงตอนนั้นครอบครัวของนางที่ยังอ่อนแอและไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ก็อาจจะได้รับอันตรายที่ไม่คาดฝันจากพวกผู้ไม่หวังดีที่จ้องจะใช้ประโยชน์จากนางทางอ้อม
เรื่องนี้นางยอมไม่ได้เด็ดขาด!
จะให้พวกเขาต้องมาพบเจอกับอันตรายเพราะนางไม่ได้!
ทันใดนั้น ลี่ถังก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ แววตาของนางทอประกายขึ้นมาทันที
"ใช่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากรู้นัก ข้าก็เผยตัวตนออกมาเลยสิ ทีนี้คนพวกนั้นก็จะได้รู้เสียทีว่าข้าเป็นใคร!" ลี่ถังพึมพำพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
ความคิดนี้ไม่เลวจริงๆ!
งานเลี้ยงน้ำชาที่จวนท่านเมืองพรุ่งนี้งั้นหรือ?
ไม่เลว! งั้นเอาตามนี้แล้วกัน!
เช้าวันถัดมา
ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ลี่ซือรีบวิ่งมาเคาะประตูห้องของลี่ถังเสียงดังตั้งแต่เช้า สีหน้าของชายหนุ่มร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
"น้องรองๆ น้องเล็กเป็นอะไรก็ไม่รู้ เรียกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น เจ้ารีบไปดูน้องก่อนเถอะ"
ลี่ถังพลันลืมตาจากการฝึกบ่มเพาะพลัง ไอปรานสีขาวบริสุทธิ์รอบกายพลันสลายไปกับอากาศ
นางรีบไปเปิดประตู "ไปเจ้าค่ะ"
ลี่ถังไม่รอช้า ไม่ได้ซักถามอะไรแม้เพียงครึ่งคำ ร่างของเด็กสาวก็พุ่งผ่านหน้าลี่ซือไปราวกับภูติพราย
เมื่อมาถึง ภายในห้องนอนก็มีร่างของบิดาและมารดาอยู่ก่อนแล้ว
"หลินเอ๋อ ได้ยินแม่ไหม ตื่นสิลูก" ลี่จูเอ่ยพลางใช้มือเขย่าร่างเล็กของบุตรสาวเบาๆ
สีหน้าหญิงวัยกลางคนเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
ลี่หยางผู้เป็นสามีเองก็มีท่าทีมิต่างกัน
"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ" ลี่ถังเดินเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว
"ถังเอ๋อ น้องเจ้าเป็นอะไรไป แม่ปลุกแล้วก็ไม่ยอมตื่นเสียที" ลี่จูเงยหน้าถามบุตรสาว
ลี่ถังเปิดใช้พลังดวงตาอักขระตรวจสอบทันที นางเห็นการเปลี่ยนแปลงของพลังภายในร่างของน้องเล็กอย่างชัดเจน พลังสีเหลืองอ่อนบัดนี้จับตัวเป็นกลุ่มก้อนรวมกันคล้ายกับไข่ไก่ที่บริเวณจุดกึ่งกลางท้องน้อย
ทั่วร่างกายหรืออวัยวะภายในไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นอกจากพลังสายเลือดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ร่างกายของน้องเล็กยังปกติสมบูรณ์ดี
ดูจากสีหน้าฝันหวานจนน้ำลายยืด รวมถึงการหายใจที่คงที่ของเด็กน้อย ก็รู้แล้วว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
ลี่ถังครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก "ข้าตรวจสอบร่างกายดูแล้วไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ที่น่าเป็นห่วงเจ้าค่ะ ที่น้องเล็กเป็นเช่นนี้ข้าเดาว่านางคงถึงช่วงที่จะตัดผ่านขั้นพลังก็เท่านั้น ต่อจากนี้เราก็แค่รอให้นางตื่นขึ้นมาเอง"
เมื่อวานลี่หลินกินขนมไปเป็นจำนวนมาก การจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของพลังย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ลี่ถังนางก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า การตัดผ่านขั้นพลังของน้องเล็กจะน่าประหลาดถึงเพียงนี้
แค่นอนหลับก็สามารถตัดผ่านขั้นพลังได้.. นี่จะเรียกว่าน่าอัศจรรย์หรือพิลึกดี?
เมื่อได้ยินลี่ถังว่าดังนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก
หากนางเอ่ยออกมาอย่างนี้แล้ว คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจริงๆ
"แล้วอีกนานไหมน้องเล็กถึงจะตื่น" ลี่ซือที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยถามอย่างสงสัย
ลี่ถังส่ายหัว "ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ"
ทุกคนมองดูเด็กน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอย่างอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้
เพื่อความปลอดภัยของน้องเล็กในช่วงหลับลึกนี้ ลี่ถังนางได้วาดข่ายอาคมป้องไว้รอบเรือน มันสามารถป้องกันสัตว์อสูรได้ไม่ยากแม่แต่ผู้ฝึกปรานระดับปรานที่แท้จริงขั้นสูงยังยากจะทำลายข่ายอาป้องกันนี้ได้ นี่จึงทำให้ลี่ถังเบาใจขึ้นมาหลายส่วน..
ช่วงนี้การฝึกควบคุมเปลวเพลิงแห่งจิตวิญญาณของลี่ซือเป็นไปอย่างราบรื่นจนน่าเหลือเชื่อ รวมถึงลี่ถังได้ให้ชายหนุ่มฝึกควบคู่ไปกับการปรุงโอสถอีกด้วย แม้ช่วงแรกจะพลาดทำสมุนไพรไหม้เกรียมไปบ่อยครั้ง แต่หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้นตามลำดับ
ตอนนี้ชายหนุ่มสามารถปรุงโอสถระดับต่ำออกมาได้ถึง 3 เม็ด นี่นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว
"อีก 10 วัน..." ลี่ซือสีหน้าแน่วแน่ มองเปลวไฟสีส้มที่วูบไหวอยู่บนฝ่ามือด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความคิด ภายในใจเขาแทบจะรอให้ถึงวันทดสอบศิษย์ของสำนักโอสถทิพย์ไม่ไหว
นานแล้วที่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกกระหายในชัยชนะถึงเพียงนี้
ทั้งคำดูถูก ทั้งคำถากถางพวกนั้นยังดังก้องอยู่ในหัว ไม่ว่าอยากลืมอย่างไรเขาก็ลืมไม่ลงจริงๆ
ตกเย็น
ลี่ถังนั่งนิ่งอยู่บนเตียงภายในห้องของตัวเอง ตรงหน้าปรากฎเป็นภาพใบหน้าของชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน แม้จะถูกขีดเขียนด้วยพลังอักขระ แต่ว่าความสมจริงยังคงทำให้ภายในใจของลี่ถังรู้สึกหวั่นไหว
"ท่านอาจารย์.." ลี่ถังเหม่อมองใบหน้านั้นอยู่นาน
ก่อนนางจะส่ายหัวสะลัดเอาความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป พร้อมๆ กับใบหน้าของท่านอาจารย์ที่เลือนหายไปเช่นกัน
ลี่ถังลุกขึ้นยืนตัวตรง
จากนั้นฝ่ามือข้างขวาก็ปรากฏลวดลายอักขระขึ้นมา นางยกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยลวดลายอักขระนั้นมาลูบใบหน้าของตัวเอง
แสงสีเขียวพลันปรากฏทั่วร่าง
จากนั้นใบหน้าของลี่ถังก็เปลี่ยนไป
จากใบหน้าเด็กอายุ 13-14 ปี ชั่วพริบตาเดียว ก็กลายเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่มีความงดงามราวกับเซียน รวมถึงรูปร่างทุกสัดส่วนก็เติบโตขึ้นด้วย ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
ผิวหน้าของนางขาวเนียนราวกับหยกสะท้อนแสงเทียนทำให้ดูน่าลุ่มหลง คิ้วเรียวแฝงความทะนงตน ยังมีนัยน์ตาสีฟ้าที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ ราวกับตัดขาดจากโลกอย่างไรอย่างนั้น
ผมสีดำขลับพลันสยายปกคลุมไปทั่วแผ่นหลัง เครื่องแต่งกายเองก็ไม่ใช่เสื้อผ้าสีน้ำตาลซีดเหมือนดั่งเดิม แต่เป็นอาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่ตัดกับสีขาวอันบริสุทธิ์อย่างลงตัว ราวกับก้อนเมฆและท้องฟ้า
ตอนนี้นางไม่ใช่ลี่ถังที่เป็นเด็กสาวอีกต่อไป!
แต่นางคือเมิ่งซีจากโลกใบเดิม!
และตอนนี้นางก็พร้อมแล้วสำหรับเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
ผู้ใช้อักขระหรือ? ข้าเมิ่งซีผู้นี้อย่างไร!