ตอนที่15 ข้อมูลจากปากของลี่หลิน
ในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ปราศจากความครึกครื้นดั่งเช่นยามปกติ ราวกับว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่อาศัย
ชายสวมชุดพ่อค้าสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าเข้งขรึม ในขณะที่เด็กสาวรูปร่างกระทัดรัดนั่งเคี้ยวขนมเต็มปาก พลางกระพริบตาปริบๆ มือก็ล้วงถุงขนมไปพลาง ไม่ได้รู้สึกระแวดระวังหรือหวาดกลัวเลยสักนิด
ภายในโรงเตี้ยมอันเงียบงัน มีเพียงเสียงเคี้ยวขนมอย่างเอร็ดอร่อยของเด็กสาวที่ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
ชายทั้งสองคนไม่รู้ว่าเด็กน้อยคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ จะบอกว่านางเยือกเย็น ไม่หวาดกลัวอันตราย เห็นทีว่าจะเชื่อไม่ลง นางเป็นเด็กน้อยอายุ 4-5 ขวบ เท่านั้น ไหนเลยจะมีความสามารถเช่นนั้นได้
สายตาทั้งสองจับจ้องเด็กสาวราวกับจะมองนางให้ทะลุใส้ทะลุพุง แต่ก็ไม่มีจุดไหนเลยที่ต่างไปจากเด็กสาวผู้หนึ่ง ที่มีนิสัยชอบกินขนมเป็นสำคัญ
เรียกได้ว่าสำคัญยิ่งกว่าสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ตัวเองเผชิญอยู่ในตอนนี้เสียอีก
นังหนู เจ้าจะบอกพวกข้าได้หรือยัง" ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
ลี่หลินเคี้ยวขนมในปากจนละเอียด แล้วค่อยกลืนลงท้อง ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอันใด "เอาหละนะ หลินเอ๋อจะบอกแล้ว พวกท่านตั้งใจฟังให้ดีๆ หละ.." เด็กสาวข่มเปลือกตาอย่างครุ่นคิด แล้วเอ่ยอีกว่า "ว่าแต่ท่านลุงถามอะไรหลินเอ๋อนะ หลินเอ๋อลืมไปแล้ว.." นางเผยแววตาไร้เดียงสา
ชายทั้งสองได้ยินดังนั้นก็แทบจะพากันกระอักเลือดออกมา ชายที่เอ่ยไปเมื่อครู่ สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยอย่างอดทนว่า "นังหนู ข้าถามว่าเจ้า.. ไม่ใช่สิ พวกเจ้าเป็นใครมาจากไหน แล้วพวกเจ้าเข้าไปในร้านสมุนไพรนั่นได้อย่างไร"
ลี่หลินพยักหน้าหงึกๆ "อย่างนี้นี่เอง" จากนั้นนางก็หัวเราะคิกคัก "ใช่แล้ว มันสนุกมากเลยแหละ พี่สาวรองทำอย่างนี้" เด็กสาววาดมือทำท่าทางประกอบ "แล้วก็มีแสงสวยๆ เต็มไปหมด แล้วก็พอเข้าไปในนั้นนะ หลินเอ๋อก็เห็นใส้เดือน.. เอ่อ ไม่ใช่สักหน่อย เป็นงูต่างหาก งูตัวเบ่อเริ่มเทิ่มเลย พอถึงทางออก ก็มีแสง บึ้ม! แล้วก็..แล้วก็.."
เด็กสาวยังพูดความในใจออกมาไม่หมด ชายทั้งสองก็มองหน้ากันไปมา สีหน้าราวกับกลืนขี้หมาลงท้อง
มารดามันเถอะ! นี่มันบัดซบอะไรกัน?
ชายอีกคนถาม "แล้วจากนั้นหละ พวกเจ้าทำอย่างไรต่อ"
ลี่หลินไม่ได้ตอบทันที นางหยิบเอาห่อขนมขึ้นมา แต่นางพบว่าขนมในห่อหมดแล้ว "เอ๋ ขนมของหลินเอ๋อหมดแล้ว?" เด็กสาวทำสีหน้าราวกับจะห้องไห้
"เจ้าบ้านั่นเมื่อไหร่จะมา"
ไม่ทันไร เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอกโรงเตี้ยม "มาแล้วๆ"
ชายคนหนึ่งที่ในมือถือถุงขนมพะรุงพะรังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ
เมื่อได้กินขนมอีกครั้ง อารมณ์ของลี่หลินก็ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวยิ้มกริ่มพร้อมกับแก้มที่บวมราวกับลูกซาลาเปา แลดูน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง..
แต่ชายทั้งสามไม่คิดเช่นนั้น นังหนูคนนี้ทำให้พวกเขาต้องปวดหัวอยู่หลายครั้ง จนยากจะมองนางให้น่ารักน่าเอ็นดูได้จริงๆ
ทั้งสามตั้งคำกับเด็กสาวอยู่หลายประโยค แต่คำตอบที่ได้กลับยิ่งไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย นอกจากขนมแล้ว ดูเหมือนว่านังหนูคนนี้จะไม่ค่อยมีความทรงจำดีๆ อะไรเลยสักอย่าง
"เอาอย่างไรดี นี่ข้าซื้อขนมให้นางจนข้าจะหมดตัวอยู่แล้วนะ" ชายที่วิ่งไปมาอยู่หลายรอบระหว่างโรงเตี้ยมกับตลาดเพื่อซื้อขนม เอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวดใจ
"ทำยังไงได้หละ รับงานมาแล้วก็ต้องหาข้อมูลให้ได้เยอะที่สุด อย่างน้อยที่นังหนูคนนี้พูดมามันก็มีจุดที่น่าสงสัยอยู่หลายจุด รวมถึงพลังประหลาดๆ นั่นก็ด้วย ไม่แน่ว่านี่จะเป็นสิ่งที่คนผู้นั้นตามหาก็ได้" ชายคนหนึ่งเอ่ยอย่างครุ่นคิด
"จะยังไงก็เถอะ เราจะเอายังไงกับนังหนูนี่ต่อดี ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเลยหากปล่อยไว้แบบนี้"
ด้านนอก
ลี่ถังใช้ทุกอย่างที่นางมี ค้นหาตัวของน้องเล็กจนพลังของนางแทบจะเหือดหายไปจนหมด แต่กระนั้นแม้พลังจะเหลือน้อยเต็มที ภายในใจของนางก็ยังเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ จนยากจะทำใจให้สงบได้
"เจอหรือไม่น้องรอง" ลี่ซือวิ่งผ่านผู้คนพลุกพล่านมาที่จุดนัดพบ ก่อนจะหอบหายใจแรงๆ
ลี่ถังส่ายหัว "ไม่เจอเลยเจ้าค่ะ"
"เฮ้ออ น้องเล็กหนอน้องเล็ก เจ้าไปซนอยู่ที่ไหนกันแน่นะ" ลี่ซือสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะคิกคักอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นท่ามกลางผู้คน ลี่ถังและลี่ซือสบตากัน
"หรือว่า.."
เมื่อเห็นว่าคนที่วิ่งมาพร้อมกับหอบเอาขนมมากมายมาจากไหนไม่รู้ เป็นน้องเล็กของตนอย่างไม่ต้องสงสัย ภายในใจของทั้งสองก็ราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกอย่างไรอย่างนั้น
ลี่ซือรีบเข้าไปสวมกอดน้องเล็อย่างเป็นห่วงง "เจ้าไปไหนมา รู้หรือไม่พวกพี่เป็นห่วงเจ้าเสียแทบแย่"
ลี่หลินหัวเราะ "มีคุณลุงใจดีซื้อขนมให้หลินเอ๋อกินด้วยแหละ แล้วก็พาหลินเอ๋อมาส่งด้วยนะ" นางมองพี่ใหญ่และพี่รองอย่างนึกสงสัย "เอ๋ พี่ใหญ่กับพี่สาวรองตามหาหลินเอ๋อหรือ?"
ลี่ถังและลี่ซือเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"ก็ใช่นะสิ! เจ้าเด็กดื้อ!"
ในเวลาเดียวกันนี้เอง
ภายในห้องโถงของจวนตระกูลอู๋
"บัดซบ! ใครกล้าทำร้ายลูกของข้ากัน" เมื่อได้ยินว่าลูกชายผู้เป็นที่รักได้รับบาดเจ็บกลับมา อู๋ซีเหนียง หญิงวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมก็รีบวิ่งเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ทันที ไขมันส่วนเกินสั่นระรัวยามเมื่อร่างกายสั่นไหว ดูแล้วน่าตลกเป็นอย่างยิ่ง
แต่ไม่มีคนรับใช้คนไหนหลุดขำออกมาสักแอะเดียว
ตรงกันข้าม ทันทีที่เห็นหญิงผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อบ้านหรือผู้คุ้มคนไหนต่างก็พากันมีสีหน้าหวาดกลัว
อู๋เหมินเห็นผู้เป็นมารดาเข้ามาอย่างเร่งรีบ ชายหนุ่มก็ไม่อาจข่มกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายเอ้าไว้ได้อีก บนใบหน้าและตามร่างกายเกิดเป็นแผลถลอกเต็มไปหมด สภาพแบบนี้ยิ่งทำให้หญิงรูปร่างอ้วนท้วมบังเกิดความสงสารจับใจ และคับแค้นไอ้คนที่ร้ายลูกชายของตน
"ลูกแม่ ใครทำเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้"
"ท่านแม่ แก้แค้นให้ข้าที นังเด็กเหลือขอนั่นมันลอบทำร้ายข้า ไหนจะนังลู่เหยียนนั่นอีก มันทำให้ข้าต้องอับอายต่อหน้าผู้คน เรื่องนี้ข้ายอมไม่ได้ ท่านแม่ต้องช่วยข้านะขอรับ"
"นังเด็กเหลือขอ? ลู่เหยียน" อู๋ซีเหนียงสีหน้าสับสน "ไหนเจ้าลองเล่าให้แม่ฟังซิ"
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากของบุตรชาย ยิ่งฟังหญิงวัยกลางคนก็ยิ่งมีสีหน้าคับแค้น
"สารเลว เป็นแค่หนูสกปรกแท้ๆ กลับกล้าทำร้ายลูกชายข้า!" นางสูดหายใจลึกก่อนจะลูบศีรษะบุตรชายอย่างโอ่น "เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่แม่เอง นังเด็กนั่นมันจะต้องได้ชดใช้เป็นพันเป็นหมื่นเท่าโทษฐานทำร้ายลูกชายแม่ ส่วนนังลู่เหยียนนั่น.." อู๋ซีเหนียงเผยรอยยิ้มเยือกเย็น "มันเองก็จะต้องชดใช้เช่นกัน แม่จะทำให้มันต้องอับอายจนอยากจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว"