บท
ตั้งค่า

ตอนที่20 ขัดเกลาพลัง

เมื่อกลับถึงเรือน ลี่ถังก็แปลงกายกลับมาอยู่ในร่างเดิมของตัวเอง เป็นร่างของเด็กสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้ม เสื้อผ้าเก่าๆ สีซีดเหมือนเช่นที่ผ่านมา

หลังจากท่านเจ้าเมืองรวมทั้งคนอื่นๆฟื้นและหายกลับมาเป็นปกติแล้ว ลี่ถังก็ไม่ได้รั้งอยู่ต่ออีก

แม้อีกฝ่ายยืนกรานจะจัดงานเลี้ยงเพื่อแทนคำขอบคุณ ลี่ถังก็ไม่ได้สนใจ

แต่ที่น่าปวดหัวยิ่งกว่าเห็นทีจะเป็นพวกขุนนางน้อยใหญ่พวกนั้น ที่เข้ามารุมล้อมพูดประจบแจงต่างๆ นาๆ ไม่จบไม่สิ้น ถึงคนพวกนี้จะไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด แต่สำหรับลี่ถังที่มีชีวิตมาสองชาติภพ นางฟังคำเหล่านี้มาจนสะอิดสะเอียนแล้ว จึงไม่แปลกที่นางจะไม่ชื่นชอบสถานการณ์เช่นนี้นัก

เวลานี้เมืองกุ้ยฮวาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จาก 4 ตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นเสาหลักของเมือง บัดนี้เหลือเพียง 3 ตระกูลเท่านั้นแล้ว

เหตุเพราะตระกูลชินก่อกบฎและร่วมมือกับนิกายราตรีนิรันดร์ ซึ่งเป็นฝ่ายศัตรูของอาณาจักร

แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ไม่น่าให้อภัยแล้ว

หลังจากนั้นเพียงชั่วข้ามคืน ตระกูลชินก็ถูกลบล้างหายไปจากเมืองกุ้ยฮวา ชินเทียนเผิงที่เป็นผู้นำตระกูล และเป็นแกนนำในการก่อกบฏครั้งนี้ ก็ถูกสั่งลงโทษขั้นเด็ดขาดโดยการแขวนคอประหารชีวิต ส่วนคนที่เหลือภายในตระกูลมีส่วนรู้เห็นเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รับการลงโทษที่หนักหนาอะไรนัก เพราะพวกเขาไม่ได้มีส่วนลงมือในการก่อกบฏ อย่างมากก็แค่ถูกขังไปหลายปี

การต่อสู้กับผู้ฝึกปรานระดับปรานล่องลอยและเรื่องที่นิกายราตรีนิรันดร์ที่ต้องการทำสงครามกับอาณาจักรที่ลี่ถังได้ฟังมาจากปากของชายชราโจวสือ ทำให้นางคิดว่าตัวเองควรจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ ถึงมันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวนางและครอบครัวจะปลอดภัย อย่างน้อยนางจะต้องตัดผ่านขั้นพลังไปยังระดับปรานปฐพีให้ได้โดยเร็ว อีกทั้งนางก็ต้องรีบขัดเกลาพลังแห่งจิตวิญญาณและเลื่อนระดับเป็นผู้ใช้อักขระขั้นสีทองอีกด้วย

"เห็นทีว่าข้าคงต้องเก็บตัวบ่มเพาะเสียแล้ว" ลี่ถังพึมพำ

สองวันแล้วหลังจากลี่หลินตัวน้อยหลับไหลเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะการเปลี่ยนแปลงของพลังสายเลือด

นอกจากกลุ่มก้อนพลังคล้ายไข่ไก่ในร่างของน้องเล็กที่มีการขยายใหญ่ขึ้นแล้ว ลี่ถังก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีก น้องเล็กยังคงนอนหลับสบายน้ำลายยืดเหมือนอย่างเคย

นี่จึงทำให้ลี่ถังไม่ได้กังวลอะไรนัก อย่างน้อยๆ ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงของพลังนี้ นางก็มั่นใจได้ว่าน้องเล็กจะไม่เป็นอะไร แต่ก็หวังว่าเด็กน้อยจะรีบตื่นขึ้นมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง

นอกจากน้องเล็กของนางที่มีการเปลี่ยนแปลงของพลังแล้ว คนอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงของพลังที่ก้าวกระโดดเช่นกัน

หลายวันมานี้พี่ใหญ่และท่านพ่อกับท่านแม่ของนางตั้งใจฝึกบ่มเพาะพลังอย่างเต็มที่ ด้วยความช่วยเหลือจากนางและด้วยทรัพยากรบ่มเพาะพลังที่เรียกได้ว่ามีไม่จำกัด เพียงนางต้องการก็สามารถไปเอามาจากร้านสมุนไพรของชายชราโจวสือได้ และเมื่อวันก่อนนี้นางยังได้ทรัพยากรมาเป็นจำนวนมากจากท่านเจ้าเมือง

ด้วยเหตุนี้ ระดับพลังบ่มเพาะของทั้งสามคนจึงพุ่งพรวดขึ้น จากระดับปรานก่อเกิดขั้นต่ำก็เพิ่มระดับเป็นขั้นสูงแล้ว เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ

นี่จึงทำให้ลี่ถังวางใจขึ้นมาหลายส่วน อย่างน้อยศัตรูที่ต่ำกว่าระดับปรานก่อเกิดขั้นสูงก็ยากจะต่อกรกับพวกเขาได้แล้ว

โดยเฉพาะลี่หยางกับลี่จู ที่นางได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูงให้ทั้งสองคนไป ซึ่งมันเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงที่ได้มาจากโลกใบเดิมของนาง ตอนนี้ทั้งสองสามารถฝึกฝนไปได้กว่าครึ่งแล้ว แม้จะครึ่งเดียวแต่เพียงเท่านี้ก็เรียกได้ว่าไร้พ่ายในระดับเดียวกัน

ส่วนพี่ใหญ่ของนางนั้นไม่ต้องกล่าวถึง ตอนนี้เขาสามารถควบคุมเปลวเพลิงแห่งจิตวิญญาณได้ดีขึ้นมาก กระทั่งลดหรือเพิ่มความรุนแรงของเปลวเพลิงได้ตามใจนึก แม้จะติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างก็ตาม แต่ลี่ถังรู้ว่าหลายวันมานี้พี่ใหญ่ฝึกฝนอย่างหนักทุกวันเพื่อจะข้ามขีดความสามารถของตัวเอง จนในที่สุดความพยามก็สัมฤทธิ์ผล..

ณ ยอดเขาแห่งหนึ่ง

ลี่ถังนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ เบื้องหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน มองจากตรงนี้จะเห็นเป็นทิวทัศย์อันงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างภูเขาและแม่น้ำลำธารทอดยาวไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งยังมีเมฆหมอกสีขาวลอยมาบดบังสายตาอยู่เป็นระยะ

ร่างของเด็กสาวนั่งในท่าขัดสมาธิพร้อมกับหลับตานิ่งในขณะที่รอบๆ ตัวมีลวดลายอักขระสีเขียวนับไม่ถ้วนรายล้อมหมุนวนราวกับเกลียวคลื่นในมหาสมุทร

หลังจากที่จัดการเรื่องการฝึกพลังของคนในครอบไปแล้ว ลี่ถังก็ปลีกตัวออกมาฝึกตนอยู่บนยอดเขานี้ชั่วคราว

เพื่อจะเพิ่มระดับความสามารถให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยอดเขาแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยไอปรานอันอุดมสมบูรณ์

เรียกได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของผู้ฝึกปรานเลยก็ว่าได้

ตอนนี้นางอยู่ในระดับปรานที่แท้จริงขั้นต่ำแล้ว หากจะก้าวข้ามขั้นพลังและตัดผ่านไปยังระดับปรานปฐพี แน่นอนว่าต้องใช้ไอปรานอย่างมหาศาล

ซึ่งลี่ถังก็รู้ในจุดนี้ดี

จากนั้นนางเรียกใช้เคล็ดวิชาเอกาสวรรค์ ไอปรานที่อยู่ทั่วบริเวณยอดเขาพลันไหลมารวมกันราวกับมีหลุมดำกำลังดูดกลืนพวกมันเข้าไป

ตูม!

ทันใดนั้นพลังปรานอันบ้าคลั่งก็ทะลักออกมาจากร่างของเด็กสาว กวาดทำลายต้นไม้และใบหญ้าที่อยู่โดยรอบจนสิ้นซาก

พร้อมกันนั้นเส้นแสงสีเหลืองนับไม่ถ้วนก็พลันระเบิดกระจัดกระจายเต็มท้องฟ้าราวกับดอกไม้ไฟ

กลิ่นอายพลังอักขระอันลึกลับและกลิ่นอายพลังปรานอันแข็งแกร่งผสมปนเปจนเกิดเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

ลี่ถังลืมตาขึ้นมา พร้อมกับนัยน์ตาสีเหลืองเปล่งประกาย ยามเมื่อมองไปในดวงตาคู่นั้นก็รู้สึกราวกับจะจมดิ่งสู่หุบเหวแห่งกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์

ลี่ถังคิดไม่ถังว่า...นางใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียงสองวัน ตัวเองจะสามารถตัดผ่านไปยังระดับปรานปฐพีได้ง่ายดายปานนี้ แถมยังใช้เวลาขัดเกลาพลังแห่งจิตวิญญาณน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้...

และบัดนี้นางได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้อักขระขั้นสีทองโดยสมบูรณ์แล้ว!

เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า

ร่างของชายสองคนลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ

หนึ่งในนั้นเป็นชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ผิวพรรณขาวราวหิมะคล้ายกับสตรีตัดกับอาภรณ์สีดำกริบทองอย่างเด่นชัด หากแต่สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนัยน์ตาไม่มีคลื่นความรู้สึกใดๆ ราวกับมองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

ผมสีดำยาวปลิวไสวตามแรงลม พร้อมกับอาภรณ์ที่พัดโบกสบัดอย่างเชื่องช้ามั่นคง

ภาพลักษณ์นี้มองมุมหนึ่งก็ดูคล้ายเทพเซียนผู้สง่างามและองอาจ มองอีกมุมก็คล้ายยมทูตแห่งความตาย

ยามเมื่อบุรุษหนุ่มมองไปยังร่างของเด็กสาวที่อยู่เบื้องล่างบนยอดเขา สายตาของเขาก็หรี่แคบลงราวกับจะมองอีกฝ่ายให้เห็นถึงความลับที่ซ่อนอยู่ภายใน

"นะ..นายท่าน เด็กคนนั้นมัน.." ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าราวกับเห็นผี ไม่สามารถแสดงท่าทีเยือกเย็นเหมือนยามปกติได้อีกต่อไป

"ข้ารู้แล้ว"

น้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ทำให้ชายวัยกลางคนสงบสติได้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างนอบน้อม

"เอาอย่างไรดีขอรับ ให้ข้าลงไปจับตัวนางมาถามดีหรือไม่" เขามองดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง

"ไม่ต้อง..รอดูไปก่อน" บุรุษหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หากแต่ในแววตาเกิดคลื่นความรู้สึกเป็นครั้งแรก

คลื่นอารมณ์สงสัยและสนใจ จนชายหนุ่มอดเผลอยิ้มมุมปากไม่ได้..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel