บทที่ 2 เรื่องจริงหรือแค่ฝัน!?
ท่ามกลางความมืดมิดอันหนาวเหน็บ และความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ทำให้สติที่หลุดลอยของเหมยลี่เริ่มกลับมาอีกครั้ง เธอรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก และรับรู้ได้ว่าตนเองค่อยๆจมลงสู่ใต้น้ำ
‘ไม่! ฉันตายไม่ได้’ เธอคิดและเริ่มขยับตัว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนกระแสน้ำจะนิ่งมาก ทำให้เธอว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เมื่อรับรู้ได้ถึงอากาศที่สดชื่นและหนาวเย็น เสียงตะโกนโหวกเหวกรอบด้านก็ดังขึ้นเช่นกัน เธอมองหาริมฝั่งและว่ายเข้าไปอย่างเชื่องช้า
‘ตอนนี้ดูเหมือนจะปลอดภัยแล้ว’ เธอหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยล้า และหมดสติไปพร้อมกับเสียงโหวกเหวกที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
‘ฮึก…เหมย… ตอนนี้อยู่ไหนลูก…’
‘หนูกำลังกลับบ้านค่ะ ม๊าร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น’
‘ฮึก..ฮือ… ป๊า… ป๊าจากเราไปแล้ว…ฮือ…ฮือ’
‘เกิดอะไรขึ้น!! ม๊าหนูจะถึงบ้านแล้ว ฮือๆ.. ม๊าอย่าเพิ่งวางสายนะ ฮือ…’
‘รถป๊า…อึก..ถูกสิบล้อเบรกแตกพุ่งชน…ฮือ…เสียชีวิตคาที่…ฮือๆ’
‘ปะป๊า… ฮือๆ’
‘อาเหมย แกจะดร็อปเรียนจริงเหรอ อีกแค่ปีเดียวก็จะจบแล้วนะ’
‘อืม ฉันต้องรักษาบริษัทของพ่อไว้ก่อน เรื่องเรียนคงเป็นหลังจากนี้’
‘อยากให้พวกเราช่วยอะไรก็บอกนะ ยังไงแกก็มีพวกเราอยู่’
‘เหมยเหมยของป๊า จำไว้นะลูก คนเราน่ะ ไม่มีใครเลวร้ายมาตั้งแต่เกิดหรอก มีแต่สิ่งรอบข้างที่ทำให้คนเลวร้าย ลูกต้องหัดเชื่อใจคนอื่นบ้าง รู้มั้ย?’
“ปะป๊า…ปะป๊า…” เสียงครางอันแผ่วเบา ปลุกให้เด็กหญิงที่นอนหลับอยู่บนพื้นตื่นขึ้น
“คุณหนู! คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงโวยวายของเด็กหญิง ทำให้ผู้คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องพลอยแตกตื่นไปด้วย
“คุณหนูรองฟื้นแล้ว รีบไปเรียนให้ฮูหยินรองกับเหล่าไท่จวินทราบเร็วเข้า!!” เสียงสตรีวัยกลางคนดังลอดเข้ามาในห้อง ปลุกให้คนที่กำลังสะลึมสะลืออยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาอย่างเต็มตา
เหมยลี่ค่อยๆลืมตาขึ้น และเริ่มมองไปรอบๆห้องอย่างงุนงง ‘ที่นี่ ที่ไหน? ไม่ใช่โรงพยาบาลนี่นา’
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง บ่าวตกใจแทบแย่ ฮือๆ…ตอนที่เห็นคุณหนูอยู่ในน้ำ บ่าว..ฮึก…บ่าวนึกว่าคุณหนู…”
“หุบปาก! เจ้าเด็กคนนี้ ทำงานไม่ได้เรื่องแล้วยังพูดมากอีก ปากช่างอัปมงคลจริงๆ”เสียงดุของสตรีวัยกลางคนทำให้เด็กหญิงถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว
“เอ่อ…อย่าดุเธอเลยค่ะ เธอก็แค่เป็นห่วงฉันเท่านั้น” เมื่อเหมยลี่พูดจบ ทั้งเด็กหญิงและสตรีวัยกลางคนก็มีสีหน้าตกตะลึง รวมทั้งตัวเหมยลี่เองก็เช่นกัน ‘ทำไมเสียงฉันเหมือนเด็ก นี่มันเกิดอะไรขึ้น!’
“ตามท่านหมอ! รีบตามท่านหมอมาเร็วเข้า!! คุณหนูรองแย่แล้ว!!” สตรีวัยกลางคนร้องตะโกนพลางวิ่งออกนอกประตูไป
เหมยลี่รีบตั้งสติทันทีแล้วเริ่มมองรอบด้านอีกครั้งอย่างละเอียด ทั้งเตียง ตู้ โต๊ะ หรือแม้แต่ประตู ไม่มีสิ่งใดใกล้เคียงคำว่าโรงพยาบาลเลยสักนิด หากบอกว่าเป็นฉากเซตยุคจีนโบราณยังจะถูกต้องกว่า
เมื่อมองลงไปที่ร่างกายตนเองก็พบว่าทั้งแขนขาและทุกส่วนหดสั้นลงเหมือนเป็นแค่เด็กเจ็ดแปดขวบเท่านั้น
‘พระเจ้า!! นี่ล้อเล่นใช่มั้ย หรือฉันกำลังฝัน’ เธอหยิกแขนตนเองแรงๆ หนึ่งครั้ง “ซี๊ด~ เจ็บ”
“คุณหนู! อย่าทำเช่นนั้นเจ้าคะ หากเหล่าไท่จวินมาเห็นแผลของท่านเข้า บ่าวมีหวังถูกตีอีกแน่ โปรดเมตตาบ่าวด้วยเจ้าคะ” เด็กหญิงตรงหน้าเหมยลี่พูดขึ้นอย่างน่าสงสาร
“เอ่อ…ขอโทษ ฉัน…เอ่อ…ข้าแค่อยากรู้ว่านี่เป็นความจริงหรือไม่เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า” เหมยลี่พูดอย่างตะกุกตะกัก เพราะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังแสดงละครอยู่
“คุณหนูยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นความจริงแน่นอนเจ้าคะ บ่าวยืนยันได้” เด็กหญิงพูดพลางพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดู
“เช่นนั้นข้าถามอะไรเจ้าได้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ หากบ่าวรู้จะไม่ปิดบังคุณหนูเด็ดขาด”
“เจ้าเป็นใคร” เด็กหญิงถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“แล้วข้าเป็นใคร เรื่องนี้เจ้าคงตอบได้ไม่ยากกระมัง” ดวงตากลมๆของเด็กหญิงค่อยๆเบิกกว้างขึ้น พร้อมกับปากที่อ้าๆหุบๆอย่างควบคุมไม่ได้
“เอ่อ…ดูเหมือนข้าจะความจำเสื่อม แต่ว่าเรื่องนี้ข้าไม่อยากให้ใครรู้ เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่” เหมยลี่แทบจะอ้อนวอนเด็กหญิงตรงหน้าแล้ว
“บ่าว…บ่าวเป็นสาวใช้ประจำตัวคุณหนูรอง ชื่อหงซิ่งเจ้าค่ะ ส่วนคุณหนูรองหลิวลู่หลินเป็นบุตรสาวคนเดียวของนายท่านรองหลิวหานกุ้ยกับฮูหยินรองซ่งฟางเหนียงเจ้าค่ะ” เด็กหญิงพูดเสียงเบาอย่างกล้าๆกลัวๆ
‘หลิวลู่หลินชื่อนี้รู้สึกเหมือนเคยได้ยิน… ไม่ใช่…เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…อืม…ศาลเจ้าเหรอ? ไม่ใช่!…คิดไม่ออก คงต้องหาข้อมูลเพิ่ม’
“แล้วทำไมข้าถึงตกน้ำ” เหมยลี่หรือตอนนี้ก็คือหลิวลู่หลินถามพลางค่อยๆลุกขึ้นนั่งพิงขอบเตียงช้าๆ
“บ่าวคิดว่าคุณหนูน่าจะถูกคุณชายใหญ่ผลักตกน้ำเจ้าค่ะ”
“เจ้าบอกว่า เจ้าคิดว่า…แสดงว่าตอนข้าตกน้ำ เจ้าไม่เห็นสินะ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือคุณชายใหญ่”
“บ่าว…บ่าวไปเก็บก้อนหินตรงริมสระบัวตามที่คุณหนูสั่ง…ตอนนั้นคุณหนูกำลังปาหินใส่คุณชายใหญ่อยู่…พอบ่าวหันกลับมาอีกที…คุณหนูก็ตกลงไปในน้ำแล้ว…ส่วนคุณชายใหญ่ก็ไม่อยู่…บ่าวจึงคิดว่าคุณชายใหญ่…ผลักคุณหนูตกน้ำเจ้าค่ะ” หงซิ่งก้มหน้าตัวสั่นราวกับลูกนก ก่อนจะตอบอย่างตะกุกตะกัก
‘ก็สมควรโดน อยากแกล้งคนอื่นดีนัก’
“แล้วนอกจากเจ้า ข้า และคุณชายใหญ่แล้วมีใครอยู่ที่นั่นอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ แต่…แต่ว่าคุณหนูกับคุณชายใหญ่อยู่ห่างจากสระบัวไปมาก…บ่าว…บ่าวไม่ทราบว่า คุณชายใหญ่ทำให้คุณหนูตกน้ำได้อย่างไร….” หงซิ่งพูดจบก็ก้มหน้าสำนึกผิด
“ช่างเถอะ เรื่องคุณชายใหญ่ แค่เจ้าไม่พูดข้าไม่พูด คิดว่าคุณชายใหญ่เองก็คงไม่โง่พูดออกมาเหมือนกัน เท่านี้ก็คงไม่มีใครรู้แล้วล่ะ” ต่อจากนี้ฉันจะดีกับคุณชายใหญ่นั่นให้มากเอง
“เอ่อ…ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้วเจ้าค่ะ เหล่าไท่จวินสั่งลงโทษโบยคุณชายใหญ่และให้คุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนเจ้าค่ะ”
“หา! เกิดอะไรขึ้น ทำไมเหล่าไท่จวินถึงรู้เรื่องได้เล่า”
“บ่าว…บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ…เพราะเหล่าไท่จวินถาม…บ่าว…บ่าวกลัวมาก…จึงบอกทุกอย่างไปเจ้าค่ะ”
“โธ่ หงซิ่ง เจ้านี่นะ!”
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูอย่าตีบ่าวเลยนะเจ้าคะ บ่าวสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ” หงซิ่งคุกเข่าลงกับพื้นอย่างหวาดกลัว นั่นทำให้หลิวลู่หลินถึงกับตกตะลึง และเริ่มเข้าใจถึงนิสัยร้ายกาจของเจ้าของร่างเดิม
‘ร่างนี้เพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ทำไมถึงร้ายกาจจนทำคนอื่นกลัวได้ขนาดนี้นะ’
“เอาล่ะ หงซิ่งเจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ตีเจ้าหรอก ไม่ต้องกลัว ไหนลองเล่าเรื่องที่เจ้ารู้เกี่ยวกับตระกูลหลิวให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่” หลิวลู่หลินค่อยๆขยับลงจากเตียงช้าๆ แล้วเดินไปพยุงหงซิ่งขึ้น
“คุณหนู ท่านอย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ…บ่าวลุกแล้วเจ้าค่ะ ลุกแล้ว” หงซิ่งตกใจกับการกระทำของหลิวลู่หลินเป็นอย่างมาก จึงรีบลุกขึ้นจากพื้นและเริ่มเล่าทุกอย่างให้ฟัง
ตระกูลหลิวมีเหล่าไท่จวินคอยดูแลเรือนหลังซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในตระกูล และมีนายท่านทั้งหมดสามคน
นายท่านใหญ่หลิวหานตง เป็นขุนนางขั้นหกเรียกได้ว่าเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนในตระกูล
นายท่านใหญ่มีภรรยาเอกสองคน คนแรกเจียงซื่อ เสียชีวิตไปแล้ว มีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน คือ คุณชายใหญ่หลิวเหวินจิ้ง ส่วนภรรยาคนที่สองอู๋ซื่อ มีบุตรสาวและบุตรชาย คือ คุณหนูใหญ่หลิวลู่เหลียน และคุณชายรองหลิวเหวินจง
นายท่านรองหลิวหานกุ้ย เป็นพ่อค้าใหญ่ มักเดินทางไปหลายเมืองเพื่อทำการค้า สามถึงสี่เดือนจะกลับบ้านสักครั้ง มีภรรยาเอกคนเดียว คือ ซ่งซื่อ และมีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือ คุณหนูรองหลิวลู่หลิน
นายท่านสามหลิวหานโจว เป็นบัณฑิตเจ้าสำราญ ชอบพบปะสังสรรค์กับเพื่อนบัณฑิตด้วยกันบ่อยๆ มีภรรยาเอกหนึ่งคน คือ หลูซื่อ และอนุอีกห้าคน มีบุตรชายหนึ่งคนกับหลูซื่อ คือ คุณชายสามหลิวเหวินจื่อ และมีบุตรสาวสามคน คือ คุณหนูสามหลิวลู่หลัน คุณหนูสี่หลิวลู่เสียน คุณหนูห้าหลิวลู่เจียว และคุณหนูหกหลิวลู่เอิน
“ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวใหญ่สินะ” หลิวลู่หลินเอ่ยอย่างครุ่นคิด
‘ที่สำคัญมีหลายชื่อที่ฉันรู้สึกคุ้นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลิวเหวินจิ้ง อืม… ถ้าเปลี่ยนเป็นแซ่เว่ยล่ะก็… ซื่อจื่อหย่งอ๋องเว่ยเหวินจิ้ง… แม่ทัพปราบพยัคฆ์… ทรราชผู้ล่มแคว้น… เดี๋ยวก่อนนะ!! ตลกแล้ว นั่นมันชื่อตัวร้ายในนิยายหงส์คู่บัลลังก์ไม่ใช่เหรอ นี่มันใช่นิยายที่ไหนกัน’
หลิวลู่หลินมองไปรอบๆห้องอย่างเหม่อลอย ‘แต่ถึงไม่ใช่นิยายที่นี่ก็ไม่เหมือนโลกแห่งความจริงอยู่ดี ฮะฮะ…ฉันคนนี้จะกลายเป็นตัวละครไปได้ยังไง เป็นไปไม่ได้’
“ท่านหมอเชิญทางนี้เจ้าค่ะ” เสียงด้านนอกประตูทำให้หลิวลู่หลินตื่นจากภวังค์ เธอรีบกลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง และแกล้งหลับเพื่อดูสถานการณ์ต่อไป
ประตูห้องถูกเปิดออกตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของหลายคน และหนึ่งในนั้นคือสตรีวัยกลางคนที่โวยวายเสียงดังก่อนหน้านี้ เป็นผู้เดินนำทุกคนเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยชายชราซึ่งน่าจะเป็นท่านหมอและเด็กหนุ่มถือล่วมยา ถัดไปเป็นสตรีออกเรือนแล้วนางหนึ่ง ใบหน้างดงามนั้นฉายแววกังวลอยู่ไม่น้อย ดูจากท่าทางและการแต่งกายแล้ว คาดว่าคงเป็นฮูหยินรอง ท่านแม่ของร่างนี้เป็นแน่
“ท่านหมอ รบกวนแล้ว” ฮูหยินรองเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หมอชรานั่งลงตรงข้างเตียงและเริ่มจับชีพจรหลิวลู่หลิน ผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยกับฮูหยินรองว่า “ร่างกายคุณหนูรองยังมีไอเย็นอยู่เล็กน้อย ข้าจะจัดยาให้สองเทียบ ดื่มหมดแล้วก็จะหาย”
หมอชราเขียนใบสั่งยาส่งให้เด็กหนุ่ม เขารับมาแล้วเปิดล่วมยาออกอย่างคล่องแคล่ว
“เอ่อ…ท่านหมอเจ้าคะ แล้วตรงนี้” สตรีวัยกลางคนพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ศรีษะตนเอง
“ข้าตรวจดูแล้ว คุณหนูรองไม่มีบาดแผลที่ศรีษะแต่อย่างใด คงเป็นเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาจึงทำให้สับสนกระมัง”
“จะสับสนอย่างไรก็คงไม่ถึงกับพูดจาแปลกๆเช่นนั้นนะเจ้าคะ ท่านหมอช่วยตรวจให้ละเอียดอีกสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” สตรีวัยกลางคนเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พอเถอะแม่นมชุ่ย นี่หลินเอ๋อร์ยังหลับอยู่เลยมิใช่หรือ บางทีนางคงแค่ละเมอกระมัง แม่นมอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” ฮูหยินรองเอ่ยพลางเดินมาที่ข้างเตียงแล้วยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากหลิวลู่หลินอย่างแผ่วเบา
“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” หมอชราส่งห่อยาที่ตรวจดูเรียบร้อยแล้วให้หงซิ่ง
“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ แม่นมชุ่ยไปส่งท่านหมอเถอะ”
“เจ้าค่ะฮูหยินรอง” แม่นมชุ่ยเดินนำท่านหมอและเด็กหนุ่มถือล่วมยาออกจากห้องไป
“หงซิ่งเจ้าไปต้มยาเถอะ”
“เจ้าค่ะ” ก่อนออกจากห้อง หงซิ่งมองไปทางคุณหนูของตนอีกครั้งอย่างเป็นห่วง
“ไปเถอะ” ฮูหยินรองเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ภายในห้องนอนเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของคนสองคนเท่านั้น ฮูหยินรองลูบใบหน้าเล็กๆของบุตรสาวอย่างอาวรณ์
“เหตุใดเหล่าไท่จวินถึงเลี้ยงดูเจ้าให้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า” เสียงโศกเศร้าของฮูหยินรองทำให้หัวใจดวงน้อยๆของหลิวลู่หลินสั่นไหว
“หลินเอ๋อร์ของแม่” ฮูหยินรองก้มลงจูบหน้าผากบุตรสาวด้วยความรักใคร่ และลูบไล้แก้มนางอย่างแผ่วเบา
ตอนหลิวลู่หลินคลอดนั้น มีข่าวดีเกิดขึ้นกับคนสกุลหลิวถึงสามเรื่อง เรื่องแรกนายท่านใหญ่ได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นหก เรื่องที่สองนายท่านรองสามารถเจรจาการค้าใหญ่ได้สำเร็จ และเรื่องสุดท้ายฮูหยินสามหลูซื่อ ตั้งครรภ์คุณชายสาม
ด้วยเหตุนี้ เหล่าไท่จวินจึงยกให้หลิวลู่หลินเป็นเด็กนำโชคของตระกูล และรับตัวนางไปเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก ทุกคนในบ้านสกุลหลิวต่างรู้ดีว่าเหล่าไท่จวินรักและเอ็นดูคุณหนูรองผู้นี้ขนาดไหน แม้แต่คุณหนูใหญ่ก็ยังเทียบไม่ได้
เพราะเติบโตมาด้วยการถูกตามใจตั้งแต่เล็ก ทำให้หลิวลู่หลินกลายเป็นเด็กก้าวร้าว เอาแต่ใจ และชอบใช้อำนาจรังแกผู้อื่นเสมอ
“ซ่งซื่อ หลินเจี่ยเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” เสียงหญิงชราดังมาจากหน้าประตู
ฮูหยินรองยืนขึ้น และเดินออกไปต้อนรับเหล่าไท่จวิน “ท่านหมอบอกว่ายังมีไอเย็นอยู่เพียงเล็กน้อย ให้ดื่มยาสองเทียบก็หายเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี… เป็นเพราะเจ้าเด็กนอกคอกนั่นทีเดียว หลานข้าถึงได้เป็นเช่นนี้” เหล่าไท่จวินเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“จิ้งเกอเอ๋อร์ก็ได้รับโทษแล้ว เหล่าไท่จวินอย่าได้มีโทสะเลยเจ้าค่ะ”
“หึ โบยเพียงยี่สิบไม้นั่นยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ดูสิ หลินเจี่ยเอ๋อร์เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว เจ้าเด็กนั่นยังกล้าปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ มันน่าโมโหนัก” เหล่าไท่จวินเดินมานั่งลงข้างเตียงช้าๆ
หลิวลู่หลินค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างแนบเนียน ก่อนจะทำท่าทางสะลึมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่น “ท่านย่าเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ หลานรู้สึกไม่มีแรงเลยเจ้าค่ะ”
เหล่าไท่จวินโอบกอดหลิวลู่หลินไว้พลางปลอบโยน “ไม่เป็นไรแล้ว คราวเคราะห์ผ่านไปแล้วนะ หลานย่าดวงดียิ่งนัก ย่าจัดการลงโทษเจ้าเด็กนอกคอกนั่นแทนเจ้าแล้ว หากเจ้ายังไม่พอใจ รอให้หายดีแล้วไปลงโทษด้วยตัวเองดีหรือไม่”
หลิวลู่หลินถึงกับสูดหายใจลึกเพื่อเก็บอาการตกใจ ‘มิน่าเล่า เด็กคนนี้ถึงได้ร้ายกาจนัก ก็เพราะมีย่าแบบนี้สินะ’
นางค่อยๆดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเหล่าไท่จวินแล้วแกล้งถามอย่างงุนงง “ลงโทษใครหรือเจ้าคะ ท่านย่า”
“ก็คนที่ผลักเจ้าตกน้ำอย่างไรเล่า หลินเจี่ยเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้ายังไม่หายดี อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก” เหล่าไท่จวินลูบหัวนางอย่างเอ็นดู
หลิวลู่หลินส่ายหัวเบาๆ ก่อนตอบอย่างมั่นใจ “แต่ตอนนั้นไม่มีใครผลักหลานนะเจ้าคะ เป็นหลานไม่ระวังลื่นตกลงไปในน้ำเองเจ้าค่ะ”
เหล่าไท่จวินขมวดคิ้วมุ่นแล้วจ้องดวงตากลมโตของหลิวลู่หลินราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่นางกล่าว “ไหนหงซิ่งบอกว่าเจ้าถูกผลักตกน้ำมิใช่รึ”
“ท่านย่าเจ้าคะ หลานให้หงซิ่งไปเก็บก้อนหินที่ริมสระ ส่วนหลานอยู่ในศาลาริมน้ำ นางจะเห็นตอนหลานลื่นตกลงไปได้อย่างไร แค่ตอนนั้นพี่ชายใหญ่อยู่ใกล้หลานที่สุด หงซิ่งคงคิดว่าเขาผลักหลานกระมัง”
เหล่าไม่จวินหรี่ตามองราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง “เจ้าเด็กนั่นไม่ได้ผลักเจ้าจริงรึ”
หลิวลู่หลินพยักหน้าและตอบอย่างหนักแน่น “เจ้าค่ะ มีท่านย่าคอยปกป้องคุ้มครอง จะมีใครกล้าทำร้ายหลานกันล่ะเจ้าคะ”
ความระแวงสงสัยของเหล่าไท่จวินหายไปในที่สุด รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าชรา “เดี๋ยวนี้รู้จักเอาใจยายแก่คนนี้แล้วรึ หลินเจี่ยเอ๋อร์ของย่าโตแล้วจริงๆ”
หลิวลู่หลินซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหญิงชราอย่างออดอ้อน ‘เฮ้อ เป็นนักแสดงนี่เหนื่อยไม่ใช่เล่น โชคดีนะที่ฉันเคยซ้อมบทกับใยไหมบ่อยๆ’
จากนั้นนางก็แกล้งหาว และทำท่าทางเหมือนคนต้องการพักผ่อนแต่กำลังฝืนตัวเองอยู่
เหล่าไท่จวินดันตัวหลิวลู่หลินออกแล้วประคองให้นอนลงช้าๆ “เอาล่ะๆ ย่าไม่กวนเจ้าแล้ว พักผ่อนเถอะ ไว้หายดีเมื่อไหร่ค่อยไปหาย่าก็ไม่สาย”
“เจ้าค่ะ ท่านย่า” เมื่อเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาแล้ว นางก็แกล้งหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
เหล่าไท่จวินและฮูหยินรองต่างทยอยกันออกจากห้องไปเงียบๆ ด้านนอกยังได้ยินเสียงฮูหยินรองดังมาแว่วๆ “ยานี่เจ้าเอากลับไปอุ่นไว้ก่อน หากหลินเอ๋อร์ตื่นแล้วก็ค่อยให้นางดื่มเถอะ”
ไม่ว่านี้จะเป็นการย้อนอดีต ข้ามมิติ หรือการหลุดเข้ามาในหนังสือนิยายซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลยก็ตาม แต่ตอนนี้หลี่เหมยลี่ก็ได้กลายเป็นหลิวลู่หลินไปแล้ว
ดูเหมือนว่า เธอคงต้องยอมรับความจริงข้อนี้เสียแล้ว
*แผนผังตระกูลหลิว*
เหล่าไท่จวิน มีบุตร 3 คน
หลิวหานตง(นายท่านใหญ่)
เจียงเมิ่งอวิ๋น(เจียงซื่อ)[เสียชีวิต]
= หลิวเหวินจิ้ง(คุณชายใหญ่)
อู๋หมี่เยี่ย(อู๋ซื่อ)
= หลิวลู่เหลียน(คุณหนูใหญ่)
= หลิวเหวินจง(คุณชายรอง)
หลิวหานกุ้ย(นายท่านรอง)
ซ่งฟางเหนียง(ซ่งซื่อ)
= หลิวลู่หลิน(คุณหนูรอง)
หลิวหานโจว(นายท่านสาม)
หลูเยว่ซิน(หลูซื่อ)
= หลิวเหวินจื่อ(คุณชายสาม)
อนุทั้งห้า
อนุจาง = หลิวลู่หลัน(คุณหนูสาม)
อนุลี่ = หลิวลู่เสียน(คุณหนูสี่)
อนุหวัง = หลิวลู่เจียว(คุณหนูห้า)
อนุซู = หลิวลู่เอิน(คุณหนูหก)
อนุสวี่
(เนื่องจากทางแอปไม่สามารถลงรูปได้จึงจัดทำแบบนี้ขึ้น)