บทที่ 5 พระเมตตาจากผู้เป็นย่า
ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนที่เจ๋อหยวนฮ่องเต้มีพระประสงค์จะปลดองค์รัชทายาทจิ้นผิง จ้าวคังเล่อ พระองค์จึงมีปากเสียงทะเลาะกับผู้เป็นพระมารดาอย่างหนัก
ไทเฮาทรงเรียกพบเหล่าขุนนางเก่าสมัยอดีตฮ่องเต้เข้าพบ และร่วมมือกันคัดค้านพระประสงค์อย่างรุนแรงจนประสบผลสำเร็จ
เพียงแต่… หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นจบลง สองแม่ลูกกลับไม่เคยลงรอยกันอีกเลย
ไทเฮาเสด็จเข้าประทับที่พระอารามหลวงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และไม่สนใจเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวังหลังอีก
ภายในพระอารามหลวงมีพระพุทธรูปองค์ต่างๆประดิษฐานอยู่รอบโถงกว้าง หญิงชราในอาภรณ์แพรไหมสีเรียบไร้เครื่องประดับประดา กำลังนั่งสวดมนต์เคาะปลาไม้อย่างตั้งใจ
เพียงไม่นานเมื่อไทเฮาทรงลืมพระเนตรขึ้น กลับพบนางกำนัลน้อยแสนสะคราญโฉมนางหนึ่งกำลังนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ข้างพระวรกาย
พระองค์ทรงพิจารณาสตรีด้านข้างอยู่เพียงครู่ ก่อนจะทรงถอนพระปัสสาสะออกมาเบาๆ
“ฮุ่ยเจินสินะ ไม่พบหน้าเพียงสามปีเจ้างดงามขึ้นมากจริงๆ” ไทเฮาตรัสออกมาด้วยสุรเสียงสงบนิ่ง
จ้าวเหม่ยอิงที่เดิมทีตั้งใจมาขอความช่วยเหลือ ตัดสินใจเปลี่ยนแผนกะทันหัน
‘ในเมื่อเสด็จย่าคิดว่าฉันคือลี่เอ๋อร์ เช่นนั้นก็ปิดเรื่องที่ฉันหายดีไว้ต่อไปก่อนก็แล้วกัน’
เมื่อวางแผนในใจเรียบร้อย หญิงสาวก้มศีรษะลงทำความเคารพผู้เป็นย่าอย่างนอบน้อม
“ฮุ่ยเจินถวายบังคมเสด็จย่าเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีเพคะ” น้ำเสียงใสกังวานเอ่ยออกมาอย่างเคารพนบนอบ
ทำให้ผู้เป็นย่าอดที่จะยกยิ้มอย่างเอ็นดูออกมามิได้ “เหตุใดจึงมาหาย่าเล่า”
จ้าวเหม่ยอิงมิได้เอ่ยอันใด แต่กลับก้มลงโขกศีรษะให้ผู้เป็นย่าเสียงดัง
ไทเฮาทรงตกพระทัยเป็นอันมาก และทรงยื่นพระหัตถ์ไปสัมผัสแขนหลานสาวด้วยความห่วงกังวล ก่อนจะตรัสออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ฮุ่ยเจิน! นี่เจ้าทำอะไร มีเรื่องใดค่อยพูดค่อยจามิเป็นหรือ”
ผู้เป็นหลานสาวยังคงก้มศีรษะจรดพื้นดังเดิม ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดอย่างใหญ่หลวง
“ มิมีเรื่องร้อนใจ มิถ่อไปวัด หม่อมฉันทำตัวน่าละอาย กลับสำนึกผิดได้เมื่อสาย หวังเพียงว่าเสด็จย่าจะทรงให้อภัยเพคะ”
เมื่อเด็กสาวตรงหน้าเอ่ยจบ ไทเฮาทรงทำได้เพียงถอนพระปัสสาสะออกมาอย่างปลงตก
“มีเรื่องอะไรจงเล่ามาเถิด ย่าจะรับฟังเจ้า”
จ้าวเหม่ยอิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ ตรงหน้าผากของนางมีรอยแดงเป็นปืดใหญ่ปรากฏขึ้น แต่สีหน้าจริงจังนั้นกลับไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดแม้เพียงนิด
“ทูลเสด็จย่า บัดนี้เสด็จแม่ทรงพระประชวรมิได้พระสติ พระสนมถงหวงกุ้ยเฟยกุมอำนาจในวังหลัง เสด็จพี่ฮุ่ยหมิ่นถูกคนลงมือสังหาร ขอเสด็จย่าโปรดเมตตาช่วยเหลือพวกเราสองพี่น้องด้วยเถิดเพคะ”
สิ้นเสียงเด็กสาว สีหน้าของผู้เป็นย่าถึงกับซีดเผือด ริมฝีปากของหญิงชราสั่นระริก “เหม่ย… เหม่ยอิงเป็นอย่างไรบ้าง”
สมัยเด็กจ้าวเหม่ยอิงเป็นที่โปรดปรานของไทเฮาอย่างมาก เพราะความร่าเริงสดใส และชอบออดอ้อน จึงทำให้ผู้เป็นย่ารักใคร่นางมากเป็นพิเศษ
ต่างจากผู้เป็นน้องสาวที่มักจะเรียบร้อยขี้อาย และชอบตามติดพี่สาวอยู่ไม่ห่าง แม้ใบหน้าของทั้งคู่จะเหมือนกัน แต่นิสัยกลับแตกต่างกันยิ่ง
ถึงแม้ก่อนหน้าจ้าวเหม่ยอิงจะกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือน แต่มิได้ทำให้ความโปรดปรานของผู้เป็นย่าลดลงเลยสักนิด
ไทเฮาทรงโทมนัสยิ่งเมื่อหลานสาวคนโปรดกลายเป็นเช่นนั้น พระองค์มีรับสั่งให้เสาะหาหมอฝีมือเก่งกาจจากทั่วแคว้นมาทำการรักษา แต่กลับไม่เป็นผล
จนกระทั่งเกิดเรื่องของรัชทายาท พระองค์จึงปล่อยวางทุกสิ่งและย้ายเข้ามาประทับที่พระอารามหลวง เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวาย
“เสด็จพี่หญิงสามถูกน้องหญิงหกผลักตกน้ำ เพราะทำอาภรณ์ของนางขาด โชคดียิ่งที่มีคนช่วยเหลือไว้ได้ทันเพคะ เพียงแต่น้องหญิงหกยังมิคิดเลิกรา ต้องการให้พระสนมถงนำตัวเสด็จพี่หญิงสามไปลงโทษให้จงได้เพคะ เสด็จย่าโปรดเมตตา ช่วยเหลือพวกเราสองพี่น้องด้วยเถิดเพคะ”
น้ำตาที่เอ่อคลอค่อยๆ ไหลลงมาอย่างเจ็บปวด เด็กสาวมีสีหน้ารวดร้าวราวกับมิได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่งยวด…
แต่แท้จริงนั้นจ้าวเหม่ยอิงเจ็บหน้าผากเสียจนแทบทนไม่ไหว เมื่อครู่ดูเหมือนนางจะเล่นใหญ่ไปหน่อย ยังดีที่ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก มิเช่นนั้นคงต้องเสียโฉมเป็นแน่
“เจ้ามาพยุงข้าเถอะ” ไทเฮาตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงนิ่งขรึม ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเบาะรองนั่ง
จ้าวเหม่ยอิงรีบเข้าไปช่วยพยุงผู้เป็นย่าในทันที คนทั้งสองเดินออกจากโถงกว้างไปทางประตูด้านหลังพระอารามหลวง
นางกำนัลอาวุโสสี่คนกำลังยืนก้มหน้ารอคอยอย่างสงบนิ่ง เมื่อเห็นผู้เป็นนายเสด็จออกมาจากด้านในโถง จึงคิดจะเข้าไปช่วยพยุง แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นนางกำนัลน้อยข้างกายผู้เป็นนาย
“ซุนมามาเจ้าให้คนเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ข้าจะย้ายกลับไปตำหนักโซ่วอัน” ไทเฮาตรัสกับนางกำนัลอาวุโสที่โค้งกายอย่างนอบน้อมตรงหน้าเบื้องพระพักตร์
“เพคะ” ซุนมามาเอ่ยรับคำ ทั้งแอบเหลือบมองนางกำนัลน้อยอย่างสงสัย
“ฮุ่ยเจินเจ้ากลับไปพาเหม่ยอิงมาพบข้าที่ตำหนักโซ่วอัน หลีมามาเจ้าตามองค์หญิงสี่ไป”
“เพคะไทเฮา” หลีมามาย่อกายรับคำด้วยความพินอบพิเทา
“ขอบพระทัยเสด็จย่าเพคะ” จ้าวเหม่ยอิงถวายบังคมผู้เป็นย่าด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะเดินจากมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับมาถึงตำหนักเก่าโทรม หลีมามาที่ติดตามมาด้วยถึงกับอึ้งตะลึงไปครู่ใหญ่
‘ไฉนพระสนมถงถึงกล้ากระทำกับองค์หญิงทั้งสองเช่นนี้!’
จ้าวเหม่ยอิงให้นางกำนัลอาวุโสรออยู่ด้านนอกตำหนัก ส่วนตนเองรีบเข้าไปพบน้องสาวในทันที
พวกนางต้องสลับตัวกันจนกว่าจะจัดการเรื่องนี้สำเร็จ หวังว่าผู้เป็นน้องจะมีความสามารถในการแสดงอยู่บ้างนะ
ในนิยายนั้นนางเอกมีบุคลิกสง่างามเย็นตา และใสซื่อบริสุทธิ์ เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าดั่งนางเซียนด้วยแล้ว ผู้ใดได้พบเห็นเป็นต้องตกตะลึงจนลืมหายใจ และนึกว่าตนเองกำลังอยู่บนสรวงสวรรค์
หากจำไม่ผิดมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่นางต้องฝืนแสร้งทำเป็นยินดี เพื่อหลอกล่อให้ตัวร้ายดื่มเหล้าพิษในคืนเข้าหอ!
‘ให้ลี่เอ๋อร์แสดงเป็นคนปัญญาอ่อนแบบนี้ จะไหวมั้ยเนี่ย!!’
จ้าวเหม่ยอิงเริ่มคิดหนัก เมื่อนึกถึงอุปนิสัยของนางเอกในนิยาย สงสัยว่านางคงต้องช่วยอัพสกิลน้องสาวด้วยแล้วกระมัง
‘นางเอกแสนดีน่ะ ให้มีแค่ในนิยายก็พอแล้ว ตอนนี้เป็นชีวิตจริง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมซะบ้างจะอยู่รอดได้ยังไงเล่า!’