EP 3 [3-2]
“แล้วที่นี่ที่ไหนคะ”
ฉันเริ่มมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง ทำไมอยู่ๆ ฉันถึงมานอนอยู่บนเตียงของเขาได้ล่ะ
“ห้องลับ ในห้องทำงานของผม”
“ห้องลับ”
ในห้องทำงานของเขามีห้องลับด้วยเหรอ แล้วเขามีห้องลับเอาไว้ทำไม คงไม่ได้แบบว่า..
“ไม่ต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรคุณ”
เอ่อ...ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ฉันคงต้องรีบขอตัวก่อนแล้วล่ะ กว่าฉันจะไปถึงโรงพยาบาลคงอีกนานแน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย”
“เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหมคะบอส พอดีดิฉันรีบจริงๆ ค่ะ”
“ธุระของผมก็สำคัญเหมือนกัน”
เขาดูไม่พอใจนิดหน่อยที่ฉันปฏิเสธเพราะปกติฉันจะรอเวลาให้เขาสั่งงานเสร็จก่อนเสมอ แต่นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วไง แม่ของฉันไม่มีใครเฝ้านะ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะมีรถไปโรงพยาบาลด้วยหรือเปล่า
“งั้นเราไปคุยกันบนรถค่ะ”
ฉันไม่มีทางเลือกสุดท้ายก็ต้องมัดมือชกให้เขาไปส่งฉันและคุยงานไปพร้อมกันเลยทีเดียว ฉันรีบหยิบกระเป๋าและคว้ามือของเขาเดินออกมาจากห้องลับ เพิ่งรู้นะว่ามันอยู่หลังรูปถ่ายครอบครัวของเขานี่เอง
“คุณจะไปไหน”
“โรงพยาบาลค่ะ”
“ไปทำไม”
“ไปก่อนเถอะค่ะ ฉันรีบ”
ฉันหันไปขึ้นเสียงใส่เขานิดหน่อยเพราะว่าเริ่มหงุดหงิด ฉันบอกว่าฉันรีบไง คอยดูนะถ้าขึ้นบนรถแล้วธุระที่เขาจะพูดมันไม่สำคัญล่ะก็ ฉันจะ จะ โอ๊ยยย! ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะว่าเขาไปเจ้านายนี่ บอสยอมเดินตามฉันมาขึ้นรถแต่โดยดี ก่อนจะขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลที่แม่ฉันอยู่
“บอสมีเรื่องอะไรจะคุยกับดิฉันคะ”
“ตอนนี้คุณมองเห็นปกติหรือเปล่า”
“หา?”
ฉันอุทานพร้อมกับหันไปจ้องหน้าเขา ทำไมอยู่ๆ เขาถึงมาถามเรื่องการมองเห็นของฉัน
“บอสถามทำไมคะ”
“หึ! ตอนนี้คุณไม่ได้ใส่แว่นตาอยู่นะ”
“อ๊ะ!”
ฉันรีบเอามือขึ้นมาจับที่ใบหน้าตัวเองทันที จริงด้วย! ขะ..เขาเป็นคนถอดแว่นฉันออกเหรอ หรือว่าเขาจะจำฉันได้จริงๆ
“คุณคิดว่า...”
?พยาบาลพิเศษ
บอสพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรของพยาบาลพิเศษ
“สวัสดีค่ะ ไหมกำลังไปค่ะพี่ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้โทรบอกพอดีไหมติดงานด่วน”
“คนไข้ชักค่ะ มีอาการเลือดออกไปในสมอง คุณไหมรีบมาเถอะค่ะ”
“แม่! ค่ะๆ ไหมจะรีบไปค่ะ”
ฉันวางสายพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา ทำไมฉันถึงไม่ได้อยู่กับแม่เวลาแบบนี้เลยนะ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“บอสขับเร็วกว่านี้ได้ไหมคะ ดิฉันต้องถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
เขามองหน้าฉันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถมากกว่าเดิม
โรงพยาบาล ?
“หมอคะ! แม่ละคะ”
ฉันรีบวิ่งมาที่หน้าห้องพักทันทีแต่ตอนนี้แม่ไม่ได้นอนอยู่บนเตียงในห้องแล้ว
“คนไข้อยู่ที่ห้องไอซียูครับ ตอนนี้รอญาติเซ็นยินยอมเพื่อผ่าตัดระบายเลือดอีกครั้ง ถ้าปล่อยเวลาไว้นานกว่านี้คนไข้...”
ฉันทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงนั้นอย่างหมดแรง ก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ฉันจะเอาเงินจากที่ไหนมารักษาแม่ตอนนี้ นี่ถือเป็นการผ่าตัดครั้งที่สามแล้วนะ ทำไมแม่ฉันถึงไม่หายสักที
“เริ่มผ่าตัดได้เลยครับ”
“บอส!”
บอสพูดพร้อมกับเดินไปเซ็นเอกสารที่หมอถืออยู่ หมอพยักหน้ารับแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องไอซียูทันที
“นี่คือสาเหตุที่ทำให้ช่วงนี้คุณดูไม่ปกติใช่ไหม”
“แม่ฉันเป็นเนื้องอกในสมองค่ะ ฮึก~ จริงๆ เป็นมาสามปีแล้วฉันก็เลยต้องทำงานทุกอย่างเพื่อหาค่ารักษาให้แม่”
“ทุกอย่าง หมายถึงทำงานรับจ้างเที่ยวด้วยอะเหรอ”
“บะ...บอส”
เขาจำฉันได้จริงๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะคนฉลาดสายตาแหลมคมอย่างเขา จะจำฉันไม่ได้ได้ยังไง
“บอสจะไล่ฉันออกก็ได้นะคะ”
“ทำไมผมต้องไล่คุณออก”
“ก็งานอีกอย่างของฉัน มันอาจจะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของบอสถ้าคนอื่นรู้”
เขามองหน้าฉันก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
“ผมจะดูแลเรื่องค่ารักษาแม่ให้คุณเอง”
“บอสหักจากเงินเดือนฉันได้เลยนะคะ”
“คุณไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก”
“งั้นดิฉันจะรีบหาเงินมาคืนบอสให้เร็วที่สุดนะคะ”
“เราค่อยคุยเรื่องนั้นกันเถอะ ตอนนี้ขอให้แม่คุณปลอดภัยก่อน”
“บอสกลับก่อนก็ได้ค่ะ”
“ผมอยู่ได้”
คราวนี้ฉันหันไปมองหน้าเขาอีกครั้งเพื่อต้องการจะขอบคุณจริงๆ และเขาก็มองหน้าฉันอยู่เหมือนกัน นี่คงเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็แปลกที่สายตาของเขามันทำให้ฉันรู้สึกสบายขึ้นมา
สี่ชั่วโมงผ่านไป
เวลาตีสองพอดีหมอเปิดประตูออกมาจากห้องผ่าตัด ฉันรีบลุกขึ้นเดินไปหาหมอทันที
“เป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้แค่ภาวนาอย่าให้คนไข้มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ก็พอครับ”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
“แต่คนไข้ต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อก่อนนะครับ ญาติไม่สามารถเฝ้าได้ครับ”
“อ่อ... ค่ะ”
หมอเดินออกไปส่วนฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง พร้อมกับหันไปมองคนที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาที่ทำงานมาสามปีเขาเคร่งครัดเรื่องการทำงานมากซะจนฉันไม่เคยได้สังเกตถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาเลย
“บอสคะ”