ลิขิตรัก ปรารถนา

99.0K · จบแล้ว
ภัคจิรา,แม่ลูกหมี,muli89
34
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อ้ายซือฟง คือแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหนาน เฝ้ารอคอยความรักมาเนิ่นนานแต่...เขากลับเป็นเพียงแค่...คนนอกสายตาเท่านั้น ยามเมื่อเกิดเหตุร้ายเพื่อปกป้องดวงใจอันเป็นที่รักยิ่งให้พ้นภัยจากอันตราย แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยินดี เรื่องย่อ ลิขิตรักปรารถนา หากมีสักวันหนึ่งนางเอ่ยถามขึ้นว่า มีสิ่งใดที่เขาปรารถนาในครั้งสุดท้ายของชีวิต เขาจะมอบรอยยิ้มที่ซุกซ่อนความขมขื่นแฝงไปด้วยเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัส อีกทั้งความรู้สึกนั่นออกจะดูอ้างว้างโดดเดี่ยวและไร้ค่า เกินกว่าจะบรรยายออกมาหมด แต่เขาก็ยินดีจะกล่าวออกไปด้วยแววตาอันอ่อนโยนและมอบรอยยิ้มอบอุ่นทั้งหวานละมุนในครั้งสุดท้ายนี้ มอบให้นางอันเป็นที่รักยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด รู้ทั้งรู้ว่าคงจะไม่มีวันนั้น แต่เขาก็เพียงแค่สิ่งเดียวที่ปรารถนามาเนิ่นนาน นั่นก็คือ... ‘ข้าปรารถนา แค่...มีเจ้าเคียงคู่ ผูกเส้นผมจากสีดำของสองเรา จนกลายเป็นสีขาวไปด้วยกันจนแก่ชรา’

นิยายจีนโบราณแม่ทัพฮ่องเต้นอกใจนางเอกเก่งดราม่าจีนโบราณนิยายย้อนยุค

ตอนที่ 1 แอบมาพบหน้า

ตอนที่ 1 แอบมาพบหน้า

เด็กสาวจากแคว้นหนานเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเจอหน้าบิดาของผู้ให้กำเนิดของนาง เพราะท่านแม่ของนางได้จากไปไม่มีวันหวนกลับ นางเคยเดินทางที่จิ่วโจวหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้าที่นางจะเกิดมานั้น บิดาของนางเป็นคนแคว้นจิ่นโจว มารดาของนางเป็นคนแคว้นหนาน

บิดาเดินทางมาทำการค้าขายที่แคว้นหนานบ่อยครั้ง และได้พบเจอกับสาวงามอันดับหนึ่ง นางน่ารักอ่อนหวาน ก่อให้เกิดเป็นความรักใคร่ผูกพัน ติดเพียงแค่ฐานะมิได้ร่ำรวยก็เพียงแค่นั้น จากนั้นทั้งคู่ก็ได้ร่วมหอกัน ก่อเกิดและมีพยานตัวเล็ก ๆ นั่นก็คือนาง เย่วฟางหรู

ฟางหรู ชื่อของนางในแคว้นหนานบ่งบอกเป็นอย่างดี นั่นเพราะยามที่นางเกิดมานั้นมีกลิ่นกายที่หอมคล้ายดั่งเครื่องหอมติดตามตัวมาตั้งแต่เกิด จึงทำให้ท่านแม่ของนางตั้งชื่อให้ว่า ฟางหรู หรือคุณหนู เย่วฟางหรู

บิดาอยู่ที่แคว้นหนานได้ห้าปี ก็เดินทางกลับแคว้นจิ่วโจว โดยพานางและท่านแม่มาด้วย แต่ท่านย่า และท่านปู่ ไม่ยอมรับเพราะเป็นคนต่างแคว้น ซ้ำยังดูแคลนว่ากำพืดชั้นต่ำ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮูหยินน้อยตระกูลเถา อีกอย่างขนบธรรมเนียมนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มารดาของฟางหรู หรือก็คือเย่วฟางหลัน อดทนกล้ำกลืนเก็บความเจ็บช้ำทุกข์ทรมานใจ เมื่อรักเขาจนหมดใจ นึกไม่ถึงว่าบิดาและมารดาของสามีจะเป็นเช่นนี้ นางทนทุกข์อยู่หนึ่งปีกว่า ๆ จากนั้นจึงได้หอบลูกน้อยกลับไปยังถิ่นฐานแคว้นหนานอีกครั้ง และไม่คิดจะหวนกลับมาอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา

แต่ฟางหลันไม่ได้กีดกันลูกสาว หากนางจะเดินทางมาหาบิดานางก็ยินดี ด้วยความรักของนางทั้งหมดนั้นอยู่ที่ชายในดวงใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะมีเพียงแค่เขาคนเดียว แต่ทว่ามีข่าวตอบกลับมาจากแคว้นจิ่นโจว สามีที่นางรักและเถิดทูนเอาเหนือหัว แต่ทว่าเขาได้แต่งงานมีภรรยาใหม่เสียแล้ว

ฟางหลันจึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้ดรุณีน้อยเพียงคนเดียวของนาง สอนสั่งทุกอย่างให้เด็กน้อยดูแลตนเองได้ เย่วฟางหรูเด็กสาวที่เติบโตจากแคว้นหนาน หน้าตาสะสวยตามแบบของสาวงามแคว้นหนาน สวยหวานและดูอ่อนโยน แต่ฟางหรูมีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารและต่อยตี นางเก่งทีเดียว ล้มผู้ชายตัวใหญ่ได้อย่างสบายคุณสมบัติสตรีในห้องหออย่าให้พูดเชียว ไม่มีอยู่สักนิด

เพราะเกิดและเติบโตที่แคว้นหนานจนถึงอายุสิบหก พอท่านแม่จากไปฟางหรูก็ตัดสินใจมาหาท่านพ่อที่

จิ่วโจว ข้ามน้ำข้ามทะเลมาก็ใช้เวลานานเกือบครึ่งเดือนกว่าจะถึง ท่านพ่อที่มารอรับที่ท่าเรือก็กระวีกระวาด พาลูกสาวคนเดียวเข้ามาในจวน บ่าวรับใช้ทั้งหลายยืนเรียงรายรอรับคุณหนูจากต่างแคว้น

บางก็คนก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน บางคนพอคุ้นเคยกันบ้างก็กล่าวทักทาย ฟางหรู พอจะพูดภาษาของที่นี่ได้บ้าง แต่ไม่ชำนาญนัก และมักจะออกเสียงผิดเพี้ยนบ่อย ๆ ท่านพ่อเป็นคนสอนนางเอง กระนั้นยังหัวเราะขบขันอยู่เสมอกับสำเนียงแปลก ๆ ที่ลูกสาวพูดออกมา

ท่านปู่ กับท่านย่า ของฟางหรูกลับบ้านเก่าทั้งคู่ คือไปเยือนปรโลกเสียแล้ว เหลือเพียงท่านพ่อของนางกับแม่รองหรือแม่เลี้ยงของน้องชายอีกคน สตรีนางนี้ใบหน้างดงามไม่น้อย มิน่าเล่าท่านปู่กับท่านย่าจึงชมชอบอยากจะให้บิดาของนางตกแต่งนางอย่างออกหน้าออกตา

กระนั้นแล้วเย่วฟางหรูมิได้สนใจเรื่องของผู้ใหญ่ นั่นเพราะว่าท่านแม่ของนางเดินทางกลับไปยังแคว้นหนาน อีกทั้งฮูหยินรองของท่านพ่อก็มิเคยพูดจาเหยียดหยาม หรือแสดงท่าทางรังเกียจชิงชังนางสักนิด ดังนั้นเองเด็กสาวจึงวางตัวดีและยังคงนอบน้อมกับแม่เลี้ยงเสมอมา

ทุกคนที่นี่จึงเรียกคุณหนูน้อยว่า คุณหนูใหญ่ฟางหรู ไป ๆ มา ๆ จากเด็กสาวกลับกลายเป็นสาวงามใบหน้าสะสวยรูปร่างอรชรยิ่งนัก เปรียบเทียบคล้ายดั่งแจกันหยกล้ำค่าหายากยิ่ง ใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่งรั้นรับคิ้วยาวเรียวโค้ง โก่งคล้ายดั่งคันศร อีกทั้งยังมีรอยบุ๋มที่แก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม ผิวพรรณผุดผาดงดงามนัก

แต่ทว่าวันหนึ่งมีชายสูงอายุเดินทางมาจากเมืองหลวง หลังทราบข่าวว่าคหบดีเถามีบุตรีใบหน้างดงามจนเป็นที่เลื่องลือ กล่าวขานถึงเมืองหลวง ดังนั้นเองชายสูงวัยจึงได้เดินทางมาพบหน้า หวังว่าจะทาบทามสตรีงดงามเป็นหลานสะใภ้ของตน

คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้แต่เก่าก่อนยังคงจะใช้ได้อยู่กระมังหากอีกฝ่ายไม่คิดจะเอ่ยปฏิเสธอย่างไรเสีย หลานชายก็คงจะมีหวังอยู่บ้าง เพราะอยากจะให้หลานชายตัวดีได้พบกับความรักครั้งใหม่เสียที หลังจากที่จมปลักกับความทุกข์ในความรักที่ไม่สมหวังมาหลายปี จนกระทั่งทุกวันนี้ หลานชายของเขายังคงครองตนเป็นชายโสด

ชายสูงวัยนั่งรถม้ามาจากเมืองหลวง ใช้ระยะเดินทางเพียงแค่สองวันก็ถึงเสียแล้ว เมื่อชายคนนี้เดินลงจากรถม้า มีผู้ติดตามมาด้วยสามคน ใบหน้าผู้ติดตามช่างดูโหดเหี้ยมไม่น้อย ร่างกายสูงใหญ่บึกบึน อีกทั้งยังว่าทางราวกับนักรบเสียอย่างนั้น

“ข้ามาขอพบเถ้าแก่เถา” ชายสูงวัยกล่าวขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นมิตรไม่น้อยผิดจากผู้ติดตาม สีหน้าของพวกเขาทั้งสามราวกับจะลงมือสังหารเสียใครเสียให้ได้

ท่านพ่อบ้านที่คุ้นหน้ากันอยู่แล้ว ก็ยกยิ้มขึ้นมากล่าวอย่างนอบน้อม “นายท่านอยู่ข้างในขอรับ เชิญใต้เท้าข้างในห้องรับรองก่อน เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเรียนนายท่านให้ทราบ” พ่อบ้านนำทางและกล่าวเชิญชายสูงวัยนี้เข้าไปด้านใน เขาคือใต้เท้าหลิว ขุนนางอันดับหนึ่งในราชสำนัก ดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายซ้ายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

อดีตคือแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง

“อืม ได้ข่าวมาว่า คุณหนูเถาหน้าตางดงามหมดจด ถึงแก่วัยออกเรือนแล้วมิใช่รึ เช่นนั้นก็ขอเชิญคุณหนูใหญ่ร่วมสนทนาด้วยก็แล้วกัน” ขุนนางหลิวกล่าวขึ้นมา เขาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว อีกทั้งสาวใช้ก็จัดการเตรียมขนมและน้ำชามาวางบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย

ขุนนางหลิวอยากจะพบหน้าของว่าที่หลานสะใภ้ จะได้เอ่ยกล่าวเล่าให้หลานชายตัวดีได้ฟัง ได้พบกับตายังดีกว่าคำพูดร่ำลือเพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น “คงจะไม่มีปัญหาอะไรกระมัง” ชายสูงวัยกล่าวขึ้นมา แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ทว่าเขาเหลือบตามองไปยังท่านพ่อบ้านเพื่อต้องการคำตอบ

“ขอรับใต้เท้า ข้าน้อยจะเรียนให้นายท่านทราบ” ท่านพ่อบ้านรับปากแม้จะรู้สึกเหมือนตนเองจะถูกเจ้านายตำหนิเป็นแน่ เรื่องเช่นนี้จะมีอันใดนอกเสียจากจะมาทวงสัญญาหมั้นหมายกันเล่า ชายชรายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากสองครั้ง จากนั้นจึงโน้มศีรษะลงและเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะพูดออกมา

เย่วฟางหรู แม้จะไม่ได้ใช้แซ่ของบิดา แท้จริงแล้วนางยังคงยืนกรานว่าอยากจะระลึกถึงมารดาที่จากไป หากไม่ใช่เพราะท่านปู่และท่านย่ากีดกัน ขัดขวางความรักระหว่างมารดาและบิดา ป่านนี้ท่านแม่ก็คงยังอยู่กับนางมิตรอมใจจากไปเช่นนี้

ฟางหรูแค้นเคืองไม่น้อย จึงทำให้เรื่องทุกอย่างปล่อยผ่านไป ในเมื่อมารขัดขวางความรักของมารดาได้จากไปแล้ว เช่นนั้นก็นึกเสียว่ายุติความแค้นเอาไว้เพียงเท่านี้ ยังดีที่ว่ามารดาเลี้ยงหรือฮูหยินรองยังมีจิตใจเมตตา แม้นางจะมีฐานะเป็นเพียงแค่ฮูหยินรองของจวนตระกูลเถา แต่นางก็ไม่เคยวางอำนาจ กดขี่ หรือพูดจาดูแคลนฟางหรูให้เจ็บปวดช้ำใจ

ชายชราเดินเข้ามายังเรือนด้านใน สีหน้าของเขารู้สึกไม่ดีนัก กระอักกระอ่วนไม่น้อย เมื่อพบเจอนายท่านของตนจึงได้เอ่ยขึ้นทันที “นายท่านขอรับ ใต้เท้าหลิวมาเยี่ยม แล้วอยากพบกับคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ”

“พี่ใหญ่เห็นทีว่างานนี้ท่านจะได้พบคู่หมั้นเร็ว ๆ นี้เป็นแน่” เถาจื่อหมิง น้องชายตัวแสบวัยเพียงแค่สิบห้าปี แต่ฝีปากกลับร้ายกาจนัก อีกทั้งยังชอบสร้างเรื่องวุ่นวายไม่เว้นวัน พูดขึ้นมาเสียก่อน เพราะตนเองนั้นรู้คร่าว ๆ ว่าพี่สาวของตนมีคู่หมั้น แต่ก็ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ยามนี้รู้ว่าเป็นท่านรองแม่ทัพแห่งเมืองหลวง หน้าที่การงานใหญ่โตไม่เบา

“เจ้าเงียบไปเลย ไม่งั้นข้าจะตีเจ้าให้ตายคามือเสียตรงนี้” ฟางหรูยกมือขึ้นมาทำทีท่าคล้ายจะจัดการสั่งสอนน้องชายต่างมารดาให้รู้จักเสียบ้าง แต่ยังไม่ทันได้ลงมือตีอีกฝ่ายดั่งที่ปากพูด

“ท่านพ่อ ดูพี่ใหญ่สิขอรับ เอะอะก็จะตีข้าให้ได้” เจ้าตัวดีกล่าวฟ้องขึ้นมาทันควัน พี่สาวยังไม่ได้ลงมือตีเสียด้วยซ้ำไป ยังกล่าวใส่ร้ายหน้าตาเฉย ทำให้บิดาและมารดากลั้นหัวเราะแทบจะไม่ไหว สองคนพี่น้องแม้จะต่างมารดากลับสนิทสนมแนบแน่นราวกับเกิดจากมารดาเดียวกัน

“เจ้าตัวดีหยุดแกล้งพี่สาวของเจ้าได้แล้ว” เหวินซื่อกล่าวขึ้นมา นางคือฮูหยินรอง ภรรยาคนที่สองของท่านพ่อ แต่ทว่าฮูหยินเอกนั้นคือ เย่วซื่อ มารดาของเย่วฟางหรู เหวินซื่อมักจะเป็นคนคอยไกล่เกลี่ยระหว่างน้องชายตัวแสบชมชอบพูดเย้าแหย่กลั่นแกล้งพี่สาวเช่นนี้

ส่วนพี่สาวผู้แสนดีแต่ทว่าดื้อเงียบกลับมีฝีปากร้ายใช่ย่อย อีกทั้งยังเก่งกาจแก่นแก้วเกินสตรีอีกด้วย รวมแล้วสองคนพี่น้องแสบทั้งคู่ก็ว่าได้ แม้ว่าจะอายุห่างกันเพียงแค่ห้าปีเท่านั้น หากน้องชายตัวดีมีเรื่องเมื่อไหร่ก็มักจะวิ่งแจ้นมาพบพี่สาวให้ออกหน้าจัดการทุกครั้งไป

“ท่านแม่ก็เข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ ข้านี่คือลูกชายของท่านนะ” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นมา มิได้น้อยใจแต่อย่างใด แต่ก็อดที่จะอิจฉาพี่สาวไม่ได้ ที่ท่านแม่เข้าข้างเสมอ เขาทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปทุกครั้ง

ฟางหรูแอบกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นมา “แม่รองเจ้าคะ เห็นที่ว่าจะต้องส่งเจ้าตัวแสบไปเรียนโดยเร็วเสียแล้ว จะได้มีท่านอาจารย์สอนสั่งให้รู้เสียบ้างว่า เป็นชายจะต้องเสียสละแทนสตรี ก็เหมือนท่านแม่ของเจ้า ก็เป็นท่านแม่ของข้า ดังนั้นท่านแม่จึงรักข้ามากกว่าเจ้าอย่างไรเล่า” พี่สาวยิ้มเยาะอย่างผู้มีชัยชนะ

“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองอย่าเพิ่งโต้เถียงกันเลย ออกไปพบท่านลุงหลิวก่อนเถิด หากให้รอนานไป คงไม่ดีนัก” เถาจื่อเทากล่าวขึ้นมา พยุงเหวินซื่อภรรยาของตนให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน จากนั้นจึงได้ออกคำสั่งอีกครั้งว่า

“หรูเอ๋อร์ แต่งกายให้งดงามกว่านี้เสียหน่อย มิใช่แต่งตัวเหมือนผู้ชาย” จื่อเทากล่าวขึ้นมา มีลูกสาวคล้ายว่ามีลูกชายอีกคน ตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะปวดหัวไม่น้อย ลูกสาวมักจะแต่งกายเป็นบุรุษ ออกเดินเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นประจำ งานเย็บปักถักร้อยของสตรีในห้องหอ นางทำไม่ได้สักอย่าง

มักจะชอบจับอาวุธเป็นท่อนไม้ ฟาดเข้าที่หุ่นฟางเสมอ เขาปวดใจทุกครั้ง เห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ จะมีชายใดกันกล้ามาสู่ขอนางเป็นภรรยา เห็นทีว่าคนที่จะจัดการนางได้ก็คงจะมีเพียงแค่ว่าที่ลูกเขย รองแม่ทัพหลิวแห่งเมืองหลวงเท่านั้นกระมัง

“ท่านพ่อ!” ฟางหรูร้องตกใจที่บิดากล่าวเช่นนี้ออกมา “ก็ข้าแต่งตัวเช่นนี้มันสบายนักจะนั่งจะเดินก็สะดวกยิ่ง” นางกล่าวขึ้นมาตีหน้ามึนใส่บิดาอีกด้วยซ้ำ

“พี่ใหญ่ ใครจะกล้ามาขอท่านเป็นภรรยากัน กระโดกกระเดกเหมือนม้าพยศเช่นนี้ เป็นข้าต่อให้มีทองสิบหีบจ้างก็ไม่เอา” น้องชายตัวแสบกล่าวขึ้นมา พลางกลั่นแกล้งพี่สาวและวิ่งหนีไปทันที ปล่อยให้พี่สาวโกรธจัดจนควันออกหู อย่าให้จับตัวได้เชียวจะจัดการสั่งสอนเสียให้เข็ด แต่ทว่าน้องชายยังออกปากเช่นนี้ บิดาก็ส่ายหน้า เหวินซื่อก็หัวเราะอีกด้วย ฟางหรูรู้สึกอับอายนัก พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ท่านแม่” ฟางหรู หาคนช่วยจึงได้อ้อนมารดาเลี้ยงเข้าให้ “ท่านดูสิ น้องรองช่างกล่าวหนักเกินไปแล้ว”

“หรูเอ๋อร์ ไปแต่งตัวเสียใหม่ อย่าทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้าเด็ดขาด ทางนั้นคงจะมาดูตัวเจ้าเป็นแน่ อีกอย่างห้ามทาหน้าอัปลักษณ์นะ มิเช่นนั้นแม่รองจะลงโทษเจ้าอย่างหนักทีเดียว” ถึงใบหน้าจะแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่นี่คือคำสั่งของนาง ฟางหรูเองเข้าใจเป็นอย่างดี นางไม่ได้กลัวแม่เลี้ยง แต่เกรงใจเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว เบี้ยหวัดรายเดือนได้ลดลงมาแน่ ๆ

“เจ้าค่ะ แม่รอง” ใบหน้าหงอยเหงาราวกับไก่ถูกต้มทีเดียว น้ำเสียงเศร้าสลดลงมาทันที สาวใช้ที่คอยรับใช้ต่างก็ก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่งของฮูหยินรองได้กัน ขนาดคุณหนูใหญ่ผู้ดื้อรั้นเอาแต่ใจยังต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับคำพูดของฮูหยินรองแต่โดยดี

สาวใช้จับจูงคุณหนูให้เดินออกจากห้องแต่โดยดี คล้ายกับลากคุณหนูไปก็ว่าได้ แม้ว่าจะขัดขืนอยู่เล็กน้อยก็ตามที แต่ทว่าถูกสายตาเกรี้ยวกราดของเหวินซื่อนั้นทำให้เย่วฟางหรูรีบก้มหน้าเดินตามสาวใช้แต่มิปริปากบ่นสักคำ

“คุณหนูไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะแต่งตัวให้ท่านเสียใหม่” สาวใช้คนสนิทกล่าวขึ้นมา นางคือเสี่ยวเสียนสาวใช้ที่คอยดูแลรับใช้คุณหนูใหญ่ พร้อมกับสหายอีกสามคน ดังนั้นในเรือนนี้อำนาจเด็ดขาดแม้จะขึ้นอยู่กับฮูหยินรอง

แต่บรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลายก็ต้องเคารพคุณหนูใหญ่เป็นเจ้านายอันดับสูง ทัดเทียมกับฮูหยินรอง นี่คือคำสั่งของฮูหยินรองที่ได้แจ้งกับบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลาย ดังนั้นปัญหาแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงในจวนตระกูลเถาจึงไม่เกิดขึ้น

“ข้าอยากจะแต่งตัวอัปลักษณ์” ฟางหรูคิดแผนการขึ้นมา นางคงหลงลืมไปสิ้นแล้วว่าเมื่อครู่ท่านแม่กำชับอันใดนางเอาไว้กันแน่

“ไม่ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินรองกำชับเอาไว้แล้ว มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษทั้งท่านและก็ข้าด้วย” เสี่ยวเสียนกล่าวขึ้นมา สีหน้าของนางดูจะกังวลใจไม่น้อย พลางส่งเสียงดุใส่คุณหนูของตนเองอีกด้วยซ้ำไป ไม่นึกเกรงกลัวสักนิด

ฟางหรูหน้าหงอยเหงายิ่งนัก อีกทั้งยังหน้าตาบูดบึ้งมิพอใจอีกด้วย แต่ทว่ามีชายคนหนึ่งแอบติดตามท่านลุงของตนเองมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อมาพบหน้าว่าที่คู่หมั้นของตนเอง เขาซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ พบเห็นหญิงสาวพูดจากับสาวใช้ ทำให้เขายิ่งสนใจนางนัก แม้ใบหน้าจะดูงดงามบาดตา ท่าทางของนางคล้ายบุรุษยิ่งนัก ทำให้เขารู้สึกสนอกสนใจแม่เด็กสาวแก่นแก้วคนนี้เข้าให้เสียแล้ว

“ก็ได้ อย่าให้เจอว่าที่คู่หมั้นของข้าเชียว ข้าจะเล่นงานจนกลับเมืองหลวงไม่ถูกเลย”