บท
ตั้งค่า

บทที่5. สาวใช้คนใหม่

หญิงสาวค่อยๆ ก้าวลงจากรถม้า ไม่รู้ใครเอาเก้าอี้มาวางไว้ให้นางได้ลงมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องกลิ้งลงมาให้เป็นที่ขบขันตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เมื่อออกมานอกรถม้าและยืนได้มั่นคงแล้ว นางเห็นป้ายป้อมพยัคฆ์ทมิฬโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือศีรษะ นางมิใช่ชาวยุทธและไม่ได้เป็นคุณหนูตระกูลหลัวอีกแล้ว นางจึงมิรู้ว่าป้อมพยัคฆ์ทมิฬแห่งนี้โด่งดังเพียงใด กล่าวให้ถูกนางมิรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดด้วยซ้ำ หากแต่การเดินทางยาวนานสิบวันนี้ อย่างน้อยทำให้นางมั่นใจว่า ที่นี่ไกลห่างจากบ้านลุงจางฉวน

“ไม่เข้าไปข้างในรึ หรือรอให้ใครมาปรนนิบัติ”

เสียงดุดันดังอยู่เหนือศีรษะ หญิงสาวได้แต่แหงนหน้ามองคนที่อยู่บนหลังม้า เขาเพียงหรี่ตามองนางราวกับเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แล้วกระตุ้นให้ม้าเข้าไปด้านใน

ชายผู้นี้ปากคอร้ายกาจเสียจริง

หลัวเสี้ยวเวยได้แต่พึมพำกับตนเอง นางกอดห่อผ้าไว้เป็นที่พึ่ง ในใจยังสงสัยว่ามือที่เคยประคองศีรษะนางไว้นั้นเป็นของผู้ใดกัน แต่เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ เข้ามาใกล้รถม้าและเตรียมทยอยขนข้าวของลงจากรถ นางขยับตัวหลบอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

“สาวใช้คนใหม่รึ”

“เจ้าค่ะ” นางรีบขานรับ ฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่กลับได้สายตาที่จ้องมองราวกับนางเป็นหมูที่ถูกซื้อมาเลี้ยงไว้เป็นอาหาร คนเหล่านั้นต่างมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไล่สายตาขึ้นๆ ลงๆ นางได้แต่ยืนกอดห่อผ้าราวกับใช้มันไว้ป้องกันตัว

“ตัวแค่นี้จะทำงานไหวรึ”

“ตัวแค่นี้นะดีแล้วจะได้กินไม่จุไง”

พวกเขายังพูดวนเวียนอยู่เรื่องเดิม มือไม้ก็ขนข้าวของไม่หยุด นางเกรงว่าจะไม่เป็นที่ต้องการและถูกส่งตัวกลับตั้งแต่วันแรกจึงรีบพูดขึ้น

“ข้ากินไม่เยอะและทำงานหนักได้”

เสียงหวานใสของนางทำให้ผู้อื่นต่างหยุดมือและจ้องนางเป็นตาเดียว หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งใดผิดไปหรือไม่ นางแทบกลั้นหายใจรอ รอให้ใครสักคนพูดสักประโยคขึ้นมาทำลายความเงียบนี้เสีย

“นายท่านมิได้ซื้อตัวเจ้ามาทำงานหนักหรอก ตามข้ามาทางนี้”

หญิงวัยห้าสิบคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พาร่างอุ้ยอ้ายเดินมายังไม่ถึงตัว

นางก็เปลี่ยนใจเป็นกวักมือเรียก หญิงสาวมาใหม่รีบเดินเร็วๆตรงไปหาทันที

“เรียกข้าป้าอิงอู่ก็ได้”

นางแนะนำตัวง่ายๆ แล้วเดินนำไปทางโรงครัว ขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วตวาดเสียงดังไปยังคนที่กำลังแบกกระสอบป่านอยู่

“ข้าวสาลีเอาไว้ทางโน้นซิ”

“ข้าน้อยเสี้ยวเวยเจ้าค่ะ” นางหลุดปากบอกชื่อจริงกับชายคนนั้นไปแล้ว นางจึงใช้ชื่อนี้ไปเลย ดีที่ไม่เอ่ยแซ่ตัวเองออกไปด้วย

“เสี้ยวเวย... ดี เรียกง่ายดี” ป้าอิงอู่ไม่ถามอะไรมาก แม้ร่างจะอุ้ยอ้ายแต่เดินรวดเร็วกระฉับกระเฉง ระหว่างทางเดินผ่านอะไรก็ชี้นิ้วสั่งนางโดยไม่หยุดเดิน

“นั่นเรือนนอนของผู้หญิง เจ้านอนกับข้า”

“เจ้าค่ะ”

“ที่นี่ปกติอาหารมื้อเย็นนายท่านและฮูหยินจะกินอาหารพร้อมคุณชายใหญ่และคุณชายรอง”

“นายท่าน? ที่นี่มีนายท่านกี่คนเจ้าคะ”

“นายท่านหยางต๋าและฮูหยินหยุนผิง คุณชายใหญ่หยางเหลาหู่และคุณชายรองหยางกั๋วชิ่ง คุณชายทั้งสองมีบ่าวชายรับใช้ติดตามตัวอยู่แล้ว เจ้าทำงานทั่วไปแทนพวกข้าก็พอ”

“ทำงานแทนท่าน?”

หลัวเสี้ยวเวยออกจะงุนงงเล็กน้อย นางควรรับใช้ใคร? นายท่านใหญ่ คุณชายของบ้านหรือรับใช้ป้าอิงอู่ผู้นี้

“คุณชายใหญ่มิได้บอกเจ้ารึ” ป้าอิงอู่ทำเสียงไม่พอใจในคอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก “เอาเถอะ ทำตัวดีๆ จะได้อยู่นานๆ ที่นี่ไม่มีอะไรมาก ทุกคนอยู่กันแบบครอบครัวเดียวกัน”

“เจ้าค่ะ”

นางเพิ่งมาถึง แต่ไม่มีใครคิดให้นางพักผ่อน นางเดินมาถึงครัวได้กลิ่นหอมกรุ่นทำให้ความอ่อนล้าจางหาย หลายคนยุ่งกับการเตรียมอาหาร

“เจ้ากินโจ๊กร้อนๆ สักถ้วยแล้วค่อยทำงาน”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

หญิงสาวยิ้มออกมาได้ นางวางห่อผ้าอย่างระวังแล้วรีบเดินไปหยิบชามตักโจ๊กตามทิศทางที่ป้าอิงอู่ชี้นิ้ว นางเดาว่าที่ให้นางคอยช่วยงานป้าอิงอู่ก็เพราะเห็นแต่นางชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้ แต่เอาเถอะ นางชินแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel