บท
ตั้งค่า

บทที่4. จ้องข้าทำไม

“เจ้าชื่ออะไร”

“เสี้ยวเวย” หญิงสาวตอบแล้วก็สะดุ้งเหมือนคิดอะไรได้ แต่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย “แล้วนายท่านล่ะเจ้าคะ จะให้ข้าเรียกว่าอะไร”

“หยางเหลาหู่” เขาเอ่ยแล้วก็เห็นนางจัดเก็บเสื้อผ้าของเขาเรียบร้อย

นางคว้าห่อผ้าของตนเองมากอดแนบอก อีกมือถือห่อผ้าให้เจ้านายอีก

“จ้องข้าทำไม”

หยางเหลาหู่เห็นการทิ้งระยะห่างของนางที่มีต่อเขาก็รู้สึกพอใจ อย่างน้อย นางไม่ได้แสดงการยั่วยวนเขาเหมือนเช่นผู้หญิงคนก่อน แม้การพบกันแค่อึดใจตัดสินคนไม่ได้ แต่เขารู้สึกพอใจกับการทำตามคำสั่งของนาง

หลัวเสี้ยวเวยแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ กระนั้นก็อดกังวลคนที่ตามมาจับตัวนางไม่ได้ ไม่เอาล่ะ ยังไงครั้งนี้นางไม่ยอมถูกส่งไปขายตัวใช้หนี้ ถึงลุงจางฉวนและป้าสะใภ้เคยเลี้ยงดูนางมาอย่างไร แต่ให้ตอบแทนบุญคุณเช่นนี้นางยอมทำไม่ได้ นางได้แต่ขอโทษลุงจางฉวนในใจ ขอไปตายเอาดาบหน้า ยอมถูกตราหน้าเป็นคนอกตัญญู แต่นางไม่คิดจะขายตัวเป็นอนุให้ใครทั้งนั้น

หญิงสาวถือห่อผ้าตัวเองและถือห่อสัมภาระให้เขา แต่เพราะนางตัวเล็กจึงดูขัดหูขัดตา ชายหนุ่มเป็นฝ่ายคว้าห่อผ้าของนางและของเขามาถือให้เสียเอง

“นายท่าน! ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้” นางพูดขึ้นแล้วก้าวเร็วๆ ตามร่างสูงที่ก้าวช้าแต่ก้าวได้ยาวกว่านางนัก

“รู้แล้ว เจ้ามีสัมภาระอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”

“ไม่มี แต่ข้าเป็นสาวใช้นะเจ้าคะ” นางทำให้เขาไม่พอใจและถูกถีบตัวส่งกลับตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มหรือเปล่านะ

“รู้แล้ว แล้วรู้ไว้ด้วยว่าที่ทำให้นี่ไม่ได้เต็มใจ แต่ข้ากำลังรีบ”

หยางเหลาหู่พูดเสียงเรียบ อดเหลือบตามองคนตัวเล็กไม่ได้ แค่เดินตามยังหอบแล้วจะมีแรงทำงานบ้านไหวไหม? หญิงสาวก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใครและกลัวใครจะเห็นนางเข้า เขาพานางมายังด้านนอก มีรถม้าสามคันและคนจำนวนหนึ่งที่ทำราวกับรอชายผู้นี้อยู่นานแล้ว

เขาเหวี่ยงห่อผ้าเข้าไปในรถม้า ทำให้หญิงสาวรู้ว่านางต้องขึ้นรถม้าคันนี้ แต่เพราะไม่มีเก้าอี้หรือบันไดสำหรับปีนขึ้นรถม้า นางไม่มีปัญญาปีนขึ้นเอง เขย่งจนสุดปลายเท้าอยู่หลายทีก็ไม่อาจพาตัวเองเข้าไปด้านในได้สำเร็จ เขาส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด จำใจจับเอวของหญิงสาวยกนางขึ้นตัวลอย ส่งนางเข้าไปในรถม้าได้อย่างง่ายดาย

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หลัวเสี้ยวเวยทำหน้าไม่ถูก จึงพูดแก้เก้อออกไป “รถม้าของนายท่านสูงไปนะ”

“รถม้าของข้าผิดซินะ”

“ขออภัยที่ตัวข้าเล็กไปหน่อย”

“ทั้งตัวเล็กและขาสั้นด้วย”

“ปาก...” ปากคอร้ายกาจเหลือเกิน นางยั้งปากได้ทัน ทำให้ได้แต่ค้อนขวับเข้าให้

“เจ้าพูดอะไร”

“เปล่าเจ้าค่ะ”

“งั้นเราไปเถอะ”

“อืม”

หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างลืมตัว ไมได้สนใจสายตาดุดันของ หยางเหลาหู่ เขาอ้าปากจะพูดตำหนินาง แต่หญิงสาวกลับมุดเข้าไปด้านในหาที่ให้ตัวเองได้นั่งรวมอยู่กับข้าวของหลายอย่างที่เขาซื้อกลับไปตามรายการของหยางกั๋วชิ่ง

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่ หลัวเสี้ยวเวยได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ต่อไปนี้ขอลิขิตชีวิตตัวเองเถอะนะ!

อาจเป็นเพราะความกังวลและเคร่งเครียดสะสมมานาน ทำให้หญิงสาวเผลอหลับไปในรถม้า รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนรถม้าโคลงไปโคลงมา อาจเพราะถนนขรุขระ นางสะลึมสะลือตื่นไม่เต็มตา แต่รู้สึกว่ามีมือใหญ่ประคองศีรษะไม่ให้ไปกระแทกกับผนังของรถม้า มือหยาบกระด้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ทว่านางไม่อาจฝืนตื่นได้ จึงปล่อยให้ตัวเองหลับตาอยู่อย่างนั้นจนรถม้าผ่านทางขรุขระ มือนั้นจึงถอยห่าง นานเพียงใดไม่อาจรู้ได้จนเมื่อรถม้าหยุดนิ่งสนิท นางจึงลืมตาพร้อมกับได้

ยินเสียงเรียกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้น เมื่อนางงัวเงียโผล่หน้ามาทางช่องหน้าต่าง เห็นเพียงพยักหน้าให้เหมือนบอกว่าถึงแล้ว

หลัวเสี้ยวเวยนั่งปรับสติตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ นางเดินทางร่วมสิบวัน นอนอยู่บนรถม้า จอดพักเป็นระยะๆ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะไปที่ใด และไม่แน่ใจว่ามือใหญ่ที่ยื่นมาคอยประคองศีรษะนางไว้นั้นเป็นความจริงหรือเพียงแค่ความฝัน นางยกมือลูบเส้นผมของตัวเอง ใช้ปลายนิ้วแทนหวีแล้วคว้าห่อผ้ามากอดไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel