บท
ตั้งค่า

บทที่3. สาวใช้

ชายหนุ่มได้แต่เดินวนไปมาอย่างหงุดหงิด หันกลับไปเปลี่ยนเสื้อ

ตัวนอกหยิบเสื้อคลุมสีน้ำเงินครามสีประจำของป้อมพยัคฆ์ทมิฬมาสวม พลางสำรวจดูกระบี่ประจำกาย

หลังจากที่เขาตัดสินใจสืบทอดกิจการของบิดาด้วยวัยเพียงสิบหกนั้น เขาทำงานหนัก เรียนรู้งานอย่างขันแข็ง เสียสละตัวเองไม่ได้เที่ยวเล่นสนุกเหมือนผู้อื่น แต่มันคุ้มค่ากับตัวเลขในบัญชีและทรัพย์สมบัติในห้องคลังที่เพิ่มขึ้น เรื่องคิดคำนวนเขาไม่คล่องแคล่วเท่าหยางกั๋วชิ่ง แต่เรื่องวรยุทธรวมทั้งพละกำลังเขาเก่งกาจกว่านัก ทั้งสองพี่น้องช่วยกันสองแรงแข็งขัน ทำให้กิจการต่างๆ ที่เคยซบเซาอยู่พักใหญ่กลับมาดีขึ้นตามลำดับ จนสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลหยางรุ่นที่สามโด่งดังอีกครั้ง

เขาบำรุงปรับปรุงความเป็นอยู่ของป้อมพยัคฆ์ทมิฬ สิ้นเงินและเวลาไปหลายปีแต่นับว่าคุ้มค่า ไม่มีจุดใดที่หลังคารั่วอีก ทุกคนในป้อมได้กินอิ่มนอนหลับอย่างไร้กังวล แต่เมื่ออายุมาถึงปีที่ยี่สิบก็ถูกบิดามารดารบเร้าให้แต่งงานมีหลานเสียที เดิมทีเขามีคู่หมั้นคู่หมายแต่ตายไปก่อนที่เขาจะได้พบหน้า เขายุ่งเรื่องกิจการคุ้มกันสินค้า มิไว้ใจผู้อื่นให้เดินทางแทนเขา และบรรดาลูกค้าเชื่อใจเขาแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยได้อยู่ป้อมฯ นัก ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น น้องชายของเขา-หยางกั๋วชิ่งก็ถูกมารดาขู่เข็นเรื่องให้แต่งภรรยาเช่นกัน แต่ยังทำเป็นหูทวนลมกับสิ่งที่ได้ยิน

ด้วยประสาทสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษตามประสาคนฝึกวรยุทธ เขารู้สึกได้ว่ามีมีคนเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มหมุนตัวไปดูก็ต้องขมวดคิ้ว

หญิงสาวร่างเล็กยืนแอบที่หลังบานประตู โดยที่ยังแง้มหน้าโผล่ดูด้านนอก

“เจ้าทำอะไรนะ!”

“ว้าย!” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ รีบหมุนตัวมาดู แต่พอเห็นอีกฝ่ายกำลังจัดเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่อยู่ นางรีบก้มหน้างุดลงทันที

“เป็นอะไรของเจ้า”

หยางเหลาหู่ยกมือขึ้นกอดอก ก้มมองตัวเองด้วยความแปลกใจ ปกติผู้หญิงคนไหนเห็นเขามีแต่อ่อนระทวยทั้งนั้น เพิ่งจะมียายเด็กผอมกะหร่องคนนี้ที่เอาแต่ก้มหน้า ดวงตาคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นางสวมชุดกระโปรงปักลายดอกไม้เล็กๆน่ารัก ยืนกอดห่อผ้าใบย่อม เขารู้สึกถึงคนที่วิ่งผ่านหน้าห้องของเขาไปพร้อมเสียงพูดคุยที่เขาไม่สนใจ แต่กลับทำให้ผู้หญิงคนนั้นกระเถิบกายเข้ามาในห้องมากขึ้น ราวกับกลัวคนอื่นจะรู้ว่านางอยู่ตรงนี้

“เสี่ยวหงส่งเจ้ามาใช่ไหม” เขาถามทำลายความเงียบตรงหน้าทิ้ง

“อะ...เอ่อ...” หญิงสาวเงยหน้ามองเขา อึกอักพูดไม่ออกเหมือนคนเป็นใบ้

“เจ้ามาทำงานเป็นสาวใช้?”

“สาวใช้?” แล้วนางก็พูดออกมาจนได้ แล้วก็ทำหน้าอย่างเพิ่งนึกได้ รีบพยักหน้าแรงๆ ทันที “ข้าทำอาหารได้ ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้าหรือรดน้ำพรวดดินต้นไม้ก็ได้เจ้าค่ะ”

“อยากได้แค่คนทำความสะอาดบ้านกับทำอาหาร ซ่อมเสื้อผ้า

แต่รดน้ำพรวนดินคงไม่เหมาะกับเด็กอย่างเจ้า”

เขากวาดตามองหญิงสาวเบื้องหน้า ประเมินด้วยสายตา

“อายุเท่าไหร่แล้ว”

“สิบเจ็ดแล้ว” นางทำตาดุใส่ แต่ประโยคของหญิงสาวทำให้เขาหัวเราะพรืดออกมา

“ตัวเล็กเหมือนเด็ก ที่บ้านเจ้ายากจนกินไม่อิ่มหรือไร”

“ก็ท่านมันตัวโตเป็นยักษ์เองนี่” นางเผลอโต้เถียงเขา แต่พอรู้ตัวก็หุบปาก

หยางเหลาหู่รู้สึกชอบใจ ไม่ค่อยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาบ่อยนัก เอาเถอะ ขุนให้อ้วนอีกนิดคงพอมีแรงทำงานได้

“อยู่กินที่บ้านข้า ยังไงไม่อดมื้อกินมื้อหรอก ขอแค่ทำงานเต็มกำลังของเจ้าก็พอ หากไม่ไหวส่งกลับอย่างเดียว”

“ได้” นางพยักหน้ารับแล้วอดเหลือบมองไปทางประตูไม่ได้

“เจ้าเตรียมข้าวของมาแล้วใช่ไหม” เขามองไปที่ห่อผ้าใบย่อมของนาง

“เจ้าค่ะ ไปได้เลย” นางรีบพูดเหมือนกลัวเขาเปลี่ยนใจ

“ดี ข้าก็ไม่อยากเดินทางกลางคืน” เขาพยักหน้า “ช่วยถือของให้ข้าด้วย”

“เจ้าค่ะ”

สั่งอะไรก็ทำ

หยางเหลาหู่นึกในใจ เห็นหญิงสาววางห่อผ้าของตัวเองแล้วเดินไปเก็บเสื้อของเขาที่วางทิ้งไว้บนที่นอน นางบรรจงพับแล้ววางใส่ห่อผ้าของเขาอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว เขามองเพลินจนลืมไปว่าตัวเองต้องรีบเดินทางแล้วเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel