สำนักเมฆาล่องลอย
แปดปีต่อมา...
"สงบดั่งสายน้ำ แข็งแกร่งดั่งภูผา เมตตาดั่งท้องนภา คุณธรรมยิ่งใหญ่เหนือทั้งปวง"
เสียงท่องปณิธานของสำนักเมฆาล่องลอยดังขึ้นจากเหล่าดรุณและดรุณีน้อยรุ่นที่แปดของสำนักศึกษาแห่งนี้
"เสี่ยวโยวเจ้าว่าศิษย์พี่ห้ากำลังเข้าฌานหรือหลับกันแน่"
เสียงกระซิบดังขึ้นเบา ๆ หลังจากศิษย์รุ่นเยาว์ท่องกฎของสำนักศึกษาจบไปสามรอบแล้ว ทว่าศิษย์พี่ที่ทำหน้าที่สอนสั่งพวกเขาในวันนี้กลับนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งไม่ออกคำสั่งอันใดเฉกเช่นทุกวัน
"ข้าว่าศิษย์พี่ห้าต้องหลับแน่ ๆ"
เจ้าของชื่อเสี่ยวโยวตอบกลับพลางป้องปากส่งต่อแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวหมาด ๆ ให้กับเหล่าศิษย์ชั้นเดียวกันส่งต่อจนครบทุกคน
"พร้อมนะ"
ดรุณีน้อยเสี่ยวโยวที่ทั้งแสบ ทั้งแก่นแก้ว ผู้นำจอมวางแผนมองสบตาศิษย์คนอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณชูนิ้วขึ้นทีละนิ้วจนครบสามนิ้วแล้วเอ่ย
"คำนับอาจารย์อาหยวนอวิ๋น"
เสียงเหล่าศิษย์วัยเยาว์จอมแสบดังลั่นจนคนที่แอบงีบหลับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินว่าผู้ใดมา
"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าไม่ได้หลับนะเจ้าคะ"
"ฮ่า ๆ ศิษย์พี่ห้าถูกพวกเราหลอกแล้ว"
บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหัวเราะเสียงลั่นเมื่อปลุกคนขี้เซาที่แอบหลับได้สำเร็จ ทว่าเวลาต่อมาเสียงหัวเราะเหล่านั้นพลันหายไปอย่างพร้อมเพียงราวถูกร่ายคาถาใส่
"ใครเป็นคนต้นคิด!"
หลี่ชิงชิงทำเสียงดุกวาดสายตามองบรรดาศิษย์น้องที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"กล้าอ้างชื่อศิษย์พี่ใหญ่มาแกล้งศิษย์พี่ห้ารึ เจ้าเด็กน้อยพวกนี้!"
คนถูกตำหนิทั้งหลายต่างพากันส่ายหน้าไปมา เสียงเจื้อยแจ้วในคราแรกปิดสนิทพร้อมก้มหน้ามองหน้าตักตัวเองอย่างสำรวม
"เสี่ยวโยว เจ้าเป็นคนต้นคิดแกล้งศิษย์พี่ห้าใช่หรือไม่"
สองมือค้ำเอวพลางลุกขึ้นจ้องมองดรุณีตัวแสบที่สุดในกลุ่ม
"..."
เสี่ยวโยวทำเพียงก้มหน้าหลบสายตาพร้อมส่ายหัวเบา ๆ
"น้องห้าไม่ได้แอบหลับจริงหรือ"
เสียงทุ้มเสนาะหูดังขึ้นทางด้านหลัง หลี่ชิงชิงถึงกับชะงักค้างราวถูกสาปเป็นหินเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าคนที่นางคิดว่าเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์แอบอ้างดันมาเยือนจริง ๆ
"โธ่...ศิษย์พี่ใหญ่ ใครจะกล้างีบหลับในเวลาเช่นนี้กัน ไม่เชื่อท่านถามศิษย์น้องเล็กเหล่านี้ดู"
หลี่ชิงชิงหันมาทำหน้าทำตาขยิบตาแล้วก็แล้วเพื่อขอความร่วมมือกับบรรดาเด็ก ๆ ที่เมื่อครู่ยังขู่พวกเขาอยู่เลย
"จริงหรือ เหตุใดศิษย์พี่ยังเห็นคราบน้ำลายติดอยู่เล่า"
สายตาเชิงหยอกล้อสบมองใบหน้าสวยรูปไข่แถมยังนวลเนียนดั่งมุกราตรี
หลี่ชิงชิงได้ยินดังนั้นจึงรีบยกมือเช็ดปากยกใหญ่ เรียกเสียงฮาให้กับบรรดาศิษย์น้องเล็กลั่นลานสงบใจ
คนเสียหน้ารีบขยับปากแต่ไร้เสียงเป็นคำว่า 'เงียบ' พร้อมทำหน้าดุใส่เหล่าศิษย์น้องเล็ก จากนั้นจึงค่อย ๆ ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเกาะแขนออดอ้อนศิษย์พี่ใหญ่ของนางเป็นรายต่อไป
"ศิษย์พี่ใหญ่ เสี่ยวชิงมิได้แอบหลับจริง ๆ นะเจ้าคะ"
พูดแล้วก็ใช้ใบหน้างาม ๆ ถูไถต้นแขนแกร่งของบุรุษสูงแปดฉื่อข้าง ๆ ทันที
"เชื่อเจ้า ศิษย์พี่ใหญ่เชื่อเจ้าอยู่แล้ว"
มือหนาเอื้อมขึ้นไปลูบผมนุ่มสวยที่มัดเป็นทรงตั้งหางม้าโดดเด่นกลางศีรษะเสริมความทะมัดทะแทงด้วยความเอ็นดู
"ฮี่ ๆ ศิษย์พี่ใหญ่ใจดีที่สุดเลย จริงไหมพวกเรา"
"ขอรับ / เจ้าค่ะ"
เสียงตอบรับของบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ช่วยยืนยันความจิตใจดีของบุรุษชุดขาวที่สง่างามทั้งรูปลักษณ์และหน้าตา
"ศิษย์พี่มาถึงที่นี่คงมิใช่มาแอบดูข้าสอนสั่งศิษย์น้องเล็กเหล่านี้ใช่หรือไม่"
เพราะนี่ผิดวิสัยของผู้มาเยือน
ปกติหยวนอวิ๋นที่เป็นถึงศิษย์เอกและบุตรบุญธรรมของเจ้าสำนักหยวนจีแถมยังเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของหลี่ชิงชิงต้องอยู่เฝ้าเรือนสงบจิตของเจ้าสำนักจะออกจากที่ตรงนั้นเพียงดือนละสองหนและยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
"ข้ามีข่าวดีมาฝากเจ้า"
"ข่าวดี?"
หลี่ชิงชิงเอียงคอพลางนึกในใจว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่อยู่แต่เรือนสงบจิตจะไปหาข่าวดีอะไรมาฝากนาง ทว่าในหัวนางเกิดนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
"หรือว่าเรื่องเจ้าสำนัก"
หยวนอวิ๋นพยักหน้าพร้อมยกมุมปากยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ย
"ถูกแล้ว เจ้าสำนักออกจากฌานแล้ว"
ในที่สุดวันที่หลี่ชิงชิงรอคอยก็มาถึง
ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนหลังจากที่เจ้าสำนักหยวนจีพานางกลับมายังสำนักเมฆาล่องลอยแห่งนี้ นางก็เลี้ยงดูฟูมฟักหลี่ชิงชิงราวลูกในไส้ ทว่าเพราะพลังอัคคีของหลี่ชิงชิงนับวันยิ่งรุนแรงหนัก ห้าปีให้หลังเจ้าสำนักหยวนจีจึงใช้พลังทั้งหมดปิดผนึกปราณอัคคีในตัวหลี่ชิงชิงไว้ เมื่อสูญเสียพลังปราณไป นางจำเป็นต้องเข้าฌานบำเพ็ญตบะเพื่อรวบรวมพลังใหม่อีกครั้ง
"เช่นนั้นข้าฝากเด็ก ๆ ด้วยนะเจ้าคะ"
ด้วยความคิดถึงและดีใจ หลี่ชิงชิงรีบไปที่ตำหนักส่วนตัวของเจ้าสำนักหยวนจีทันที
"เฮ้อ... โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนเมื่อแปดปีก่อนไม่ต่าง"
รอยยิ้มที่อบอุ่มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ทุกอย่างถูกใครบางคนแอบมองด้วยจิตใจขุ่นเคืองอยู่อีกฟากลานสงบใจแห่งนี้